แจก 5 ธีมกองทุนรวมที่น่าสนใจ มีกองไหนบ้าง?

5 ธีมกองทุนรวมที่น่าสนใจ กองไหนบ้าง?
Table of Contents

ก่อนหมดสิ้นปี 2567 คุณน้าอยากแนะนำธีมการลงทุนกองทุนรวม จะมีกองทุนรวมที่น่าสนใจ กองไหนบ้าง หลังดอลลาร์เริ่มกลับมาแข็งค่า จากการคงอัตราดอกเบี้ยของ FED ในช่วงที่ผ่านมา และข่าวดัชนีราคาผู้บริโภค CPI ที่พุ่งสูงเกินคาดในคืนวันพฤหัสที่ 10 ตุลาคม 2567 จะเห็นได้ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงแข็งแกร่ง และเพื่อไม่ให้ทุกคนพลาดจังหวะในการลงทุน ในวันนี้คุณน้าได้คัดสรร 5 ธีมกองทุนน่าซื้อมาให้แล้ว จะมีกองไหนเข้าตาบ้างนะ? ไปหาคำตอบกันค่ะ

* หมายเหตุ : การลงทุนมีความเสี่ยง และบทความนี้ไม่ได้เป็นการชักชวนการลงทุนแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


บทความเกี่ยวกับกองทุนรวมเพิ่มเติม :


ภาพรวมของค่าเงินดอลลาร์ช่วงนี้

จากการปรับตัวขึ้นของ Bond Yield ของสหรัฐอเมริกา ในรอบ 10 ปี ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ในวันนี้ (10 ตุลาคม 2567) เริ่มมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าค่ะ ซึ่งตลาดบางส่วนคาดการณ์ว่า FED อาจจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ย ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ค่ะ รวมทั้ง ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินยูโร ประกอบกับ EBC ลดดอกเบี้ยลงตามที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์เริ่มปรับตัวแข็งค่าขึ้น

หลังจากที่ดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้น พร้อมกับตลาดบางส่วนผิดหวังกับมาตรการของทางการจีนที่เน้นการใช้จ่ายของภาครัฐและกระตุ้นให้ใช้โควตาออกบอนด์เดิม ส่งผลให้เงินบาทเปิดในเช้าวันที่ 15 ตุลาคม 2567 มีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งคาดว่า กรอบเงินบาทในช่วงนี้ จะแกว่งตัวอยู่ที่ระดับ 33.15-33.45 บาท ต่อดอลลาร์ในช่วงระยะสั้น ๆ

*ข้อมูลในวันที่ 10-15 ตุลาคม 2567

3 ปัจจัยที่นักลงทุนไทยควรจับตามองเพิ่มเติม มีอะไรบ้าง?

1. สถานการณ์ตะวันออกกลาง 

มาเริ่มกันที่ปัจจัยแรก ที่นักลงทุนควรจับตามองเป็นพิเศษนั่นก็คือ สถานการณ์ตะวันออกกลางที่ยังไม่มีทีท่าจะสงบค่ะ และเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีข่าวเจรจาหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขระหว่างกลุ่ม Hezbollah (เลบานอน) และทางการอิสราเอล ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง

สำหรับข่าวการระดมยิงขีปนาวุธระหว่างกลุ่ม Hezbollah และทางการอิสราเอล เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2566 เนื่องจากกลุ่ม Hezbollah เริ่มสนับสนุนกลุ่มฮามาสและเรียกร้องให้ทางการอิสราเอลหยุดยิงในฉนวนกาซา ซึ่งพวกเขาจะยุติสงครามก็ต่อเมื่อทางการอิสราเอลหยุดยิงในฉนวนกาซาเท่านั้น เรียกได้ว่า เป็นข่าวที่นักลงทุนควรติดตามอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ค่ะ

2. กระแสเงินทุนจากต่างประเทศ

มาต่อกันที่ ปัจจัยต่อไปที่นักลงทุนควรติดตาม คือ กระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) สำหรับปี 2567 ซึ่งนักลงทุนต่างชาติมีการถือครองตราสารหนี้ไทยเพิ่มขึ้นจากปี 2566 โดยอายุคงเหลือของตราสารหนี้ไทยที่นักลงทุนต่างชาติถือครองอยู่ที่ 8.8 ปี

ในวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติซื้อสินทรัพย์ในตลาดพันธบัตรไทยอยู่ที่ 851 ล้านบาท ในขณะที่ขายสุทธิในตลาดไทยอยู่ที่ 2,064 ล้านบาท ทำให้เห็นถึงการเกิดเป็นสภาพคล่องภายในที่ปรับตัวดีขึ้นค่ะ

3. มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน

มาต่อกันที่ปัจจัยสุดท้าย นั่นก็คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน โดยตลาดกำลังจับตามองแถลงการณ์กระตุ้นเศรษฐกิจของจีนในเสาร์ที่ 12 ตุลาคม 2567 หลังจากที่ตลาดค่อนข้างผิดหวังกับการใช้มาตรการเดิมของรัฐบาลจีน จนทำให้หุ้นร่วงหนักในวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา

กองทุนรวมที่น่าสนใจ 2567 มีอะไรบ้าง?

หลังจากที่เงินบาทพลิกผันกลับมาอ่อนค่าลง แต่ดอลลาร์กลับแข็งค่า คุณน้าจึงขอแนะนำการลงทุนในหุ้นต่างประเทศที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากในช่วงนี้ ดังนั้น ในบทความนี้ คุณน้าจะพาทุกคนมาเจาะลึกกับกองทุนรวมต่างประเทศที่น่าซื้อ ซึ่งจะมีธีมอะไรน่าเก็บเข้าพอร์ตบ้าง? ไปหาคำตอบกันเลยค่ะ!

กองทุนหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก

ธีมกองทุนรวมที่น่าสนใจ กับ กองทุนหุ้นเทคโนโลยี

“เน้นราคาดี แต่ยั่งยืนในอนาคต”

ธีมกองทุนรวมที่คุณน้าแนะนำ คือ กองทุนหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลกค่ะ ซึ่งในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า จังหวะการลงทุนของหุ้นเทคโนโลยีค่อนข้างเหวี่ยงมาก ซึ่งช่วงกลางปี 2567 นี้ หุ้นเทคโนโลยีปรับตัวลงค่อนข้างแรง แต่คุณน้ากลับมองว่า หุ้นเทคโนโลยีก็ยังเป็น 1 ในธีมหุ้นที่น่าเก็บเข้าพอร์ตในระยะยาวค่ะ เนื่องจากในอนาคตกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีมีแนวโน้มที่จะได้กำไรสูง เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกทั้งจากการคาดการณ์ว่า FED ยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งจะเป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นเทคโนโลยีเกิดการเทขายและปรับตัวลงมา เป็นการปรับ Valuation ลดลง และที่สำคัญความต้องการของหุ้น Semiconductor ยังคงมีความต้องการมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทำให้ในจังหวะนี้ คุณน้ามองว่า เป็นโอกาสที่ดีในการทยอยเข้าซื้อหุ้นเทคโนโลยี เพื่อเก็บเข้าพอร์ตในระยะยาว หากนักลงทุนยังถือหุ้นเทคโนโลยีน้อยกว่า 30% ของเงินลงทุนรวมค่ะ โดยคุณน้าขอแนะนำ 3 กองทุนหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลกที่น่าซื้อ ในช่วงสิ้นปีนี้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. K-GTECH

จุดเด่นของ K-GTECH คือ ลงทุนหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก เน้นหุ้นที่เติบโตสูงผ่านกองทุนหลัก Threadneedle (Lux) Global Technology, Class IU USD ซึ่งเป็นกองทุนหลักระดับ 5 ดาว และมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องติดอันดับ Top Quartile จาก Rolling Return

ตัวอย่างหุ้นที่กองทุน K-GTECH ลงทุน

  • Lam Research
  • Alphabet
  • Synopsys
  • GoDaddy
  • Analog
  • Microsoft

เริ่มต้นลงทุน : 500 บาท

2. B-INNOTECH

จุดเด่นของ B-INNOTECH คือ การลงทุนหุ้นเทคโนโลยีผ่านกองทุนหลัก Fidelity Funds – Global Technology Fund ซึ่งจะเป็นกองทุนแบบ Active Fund เน้นลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่มีพื้นฐานดี ภายใต้ Valuation ที่เหมาะสม

ตัวอย่างหุ้นที่กองทุน B-INNOTECH ลงทุน

  • Microsoft
  • Apple
  • Taiwan Semiconductor
  • Alphabet
  • Amazon.com

เริ่มต้นลงทุน : 500 บาท

3. SCBROBOA

จุดเด่นของ SCBROBOA เป็นกองทุนรวมต่างประเทศ เน้นลงทุนหุ้นของบริษัททั่วโลกในหน่วย CIS และกองทุน ETF ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและเทคโนโลยีหุ่นยนต์ โดยกองทุน SCBROBOA เป็นกองทุนที่ได้ Overall Rating 4 จาก Morningstar ประเภท Thailand Fund Global Technology ในวันที่ 30 กันยายน 2567

ตัวอย่างที่หุ้นกองทุน SCBROBOA ลงทุน

  • NVIDIA
  • ASM
  • Datadog
  • KLA Corp
  • Synopsys
  • Autodesk

เริ่มต้นลงทุน : 1 บาท


กองทุนหุ้นในเอเชีย

ธีมกองทุนรวมที่น่าสนใจ กับ กองทุนหุ้นในเอเชีย

“พื้นฐานดี และมีโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจ”

ธีมกองทุนรวมต่างประเทศที่คุณน้าขอแนะนำในอันดับต่อมา คือ กองทุนหุ้นในเอเชียค่ะ ซึ่งเรียกได้ว่า ในปี 2567 นี้ หุ้นเอเชียในหลาย ๆ ประเทศยังคงเป็นดาวเด่นอยู่ แม้ว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นและจีนจะยังคงมีการแกว่งตัวค่อนข้างมาก และมีปรับย่อตัวลดลง แต่ตลาดหุ้นเอเชียในประเทศอื่น ๆ ยังคงมาแรง ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นอินเดีย, เกาหลีใต้และไต้หวัน หรือแม้แต่ตลาดหุ้นเวียดนาม เป็นต้น ซึ่งคุณน้าขอแนะนำ 3 กองทุนหุ้นเอเชียที่น่าสนใจ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

1. กองทุนหุ้นอินเดีย B-BHARATA

มาเริ่มกันที่กองทุนหุ้นเอเชียที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างกองทุนหุ้นอินเดีย B-BHARATA ซึ่งจุดเด่นของกองทุนนี้ คือ เน้นลงทุน RAMS Investment Unit Trust – India Equities Portfolio Fund II โดยเน้นธุรกิจที่ได้รับผลประโยชน์จากอุตสาหกรรมในอินเดีย อีกทั้งยังกระจายการลงทุนไปยังกองทุนต่างประเทศ ทำให้กองทุนกองนี้มีแนวโน้มสดใสในอนาคต และที่สำคัญผลตอบแทนยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจอีกด้วยค่ะ

ตัวอย่างหุ้นที่กองทุน B-BHARATA ลงทุน

  • Reliance Industries
  • Infosys
  • ICICI Bank
  • HDFC Bank
  • Bajaj Finserv

เริ่มต้นลงทุน : 500 บาท

Tip! กองทุนหุ้นอินเดียมาแรง 2567 เพิ่มเติม :

นอกจากกองทุนหุ้นอินเดีย B-BHARATA แล้ว ยังมีกองทุนหุ้นอินเดียกองอื่น ๆ ที่น่าสนใจค่ะ โดยคุณน้าได้รวบรวม 7 กองทุนหุ้นอินเดีย พื้นฐานดี และมีโอกาสเติบโตในอนาคตมาให้ทุกคนไว้แล้ว สามารถอ่านได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลยค่ะ

2. กองทุนหุ้นเวียดนาม PRINCIPAL VNEQ-A

มาต่อกันที่กองทุนหุ้นเอเชียที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในอาเซียน อย่างกองทุนหุ้นเวียดนาม PRINCIPAL VNEQ-A โดยจุดเด่นของกองทุนกองนี้ ก็คือ เน้นลงทุนในตราสารทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตในอนาคต รวมทั้ง ยังกระจายการลงทุนไปยังกองทุนรวมอื่น ๆ ที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนของประเทศเวียดนามอีกหลายกองทุน ทำให้กองทุนรวมกองนี้ เน้นสร้างผลตอบแทนในระยะยาว รวมทั้ง ยังมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นตามสภาวะตลาดอีกด้วยค่ะ

ตัวอย่างหุ้นที่ของกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A ลงทุน

  • FPT CORP : FPT VN
  • MOBILE WORLD INVESTMENT CORP : MBB VN
  • HOA PHAT GROUP JSC : HPG VN
  • Housing Development Bank : HDB VN

เริ่มต้นลงทุน : 1,000 บาท

3. กองทุนหุ้นเทคเอเชีย K-ATECH

และหุ้นดาวเด่นของเอเชียอันดับสุดท้ายที่คุณน้าได้คัดสรรมา นั่นก็คือ กองทุนหุ้นเทคเอเชีย K-ATECH โดยจุดเด่นของกองทุนรวมกองนี้ คือ เน้นลงทุนหุ้นเทคโนโลยีเอเชียระดับ Top 10 ของโลก ซึ่งคัดเลือกจากหุ้นพื้นฐานดี และมีโอกาสเติบโตในภูมิภาคเอเชียที่ครอบคลุมทั้งจีน, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, เกาหลีใต้ และอาเซียน เป็นต้น และเป็นที่ทราบกันดีว่า หุ้นเทคเอเชียยังคงได้รับอานิสงส์จากหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้ภาพรวมของกองทุนกองนี้ มีโอกาสเติบโตในระยะยาว

ตัวอย่างหุ้นที่กองทุน K-ATECH ลงทุน

  • TSMC
  • Samsung Electronics
  • SK Hynix
  • Keyence
  • Alibaba Group Holding

เริ่มต้นลงทุน : 500 บาท


กองทุนหุ้นใหญ่อเมริกา

ธีมกองทุนรวมที่น่าสนใจ กับ กองทุนหุ้นใหญ่อเมริกา

“รวมหุ้นใหญ่ เน้นการเติบโตในระยะยาว”

สำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบการทยอยสะสม โดยมีเป้าหมายคือการลงทุนในระยะกลางไปจนถึงระยะยาว กองทุนหุ้นใหญ่อเมริกาก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ อีกทั้งตลาดหุ้นอเมริกาก็เป็นตลาดหุ้นใหญ่ ทำให้การซื้อขายหุ้นหลาย ๆ ตัว จะช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น โดยคุณน้าขอแนะนำ 3 กองทุนรวมที่คัดเลือกหุ้นใหญ่อเมริกาที่น่าสนใจมาไว้ให้แล้ว โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. US Blue Chip Equity

จุดเด่นของกองทุน US Blue Chip Equity คือ เน้นลงทุนในกองทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว คือ กองทุน T. Rowe Price Funds SICAV – US Blue Chip Equity Fund ซึ่งลงทุนในบริษัทชั้นนำที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต ทั้งด้านรายได้และกำไร โดยมีจุดประสงค์เพื่อลงทุนในเทรนด์ขาขึ้น

ตัวอย่างหุ้นที่กองทุน US Blue Chip Equity ลงทุน

  • Amazon
  • Apple
  • Microsoft
  • Meta Platform
  • NVIDIA

เริ่มต้นลงทุน : 1 บาท

2. ASP-S&P500

กองทุนรวม ASP-S&P500 เน้นลงทุนในกองทุน SPDR Trust (SPDR S&P500 ETF) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของ NAV ซึ่งเป็นกองทุนรวม ETF ที่กระจายการลงทุนในหุ้นปันผลสูงของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYE) และตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq

ตัวอย่างหุ้นที่กองทุน ASP-S&P500 ลงทุน

  • Berkshire Hathaway
  • Google 
  • Meta Platform
  • Broadcom
  • Tesla

เริ่มต้นลงทุน : 1,000 บาท

3. AFMOAT-HA

กองทุนรวม AFMOAT-HA เน้นลงทุนตามการเคลื่อนไหวของดัชนี Morningstar® Wide Moat Focus Index ดัชนีที่เน้นการลงทุนในหุ้นสหรัฐ โดยคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาว

ตัวอย่างหุ้นที่กองทุน AFMOAT-HA ลงทุน

  • Cellnex Telecom SA
  • BT Group PLC
  • Mercedes-Benz Group AG
  • Carnival PLC
  • Lloyds Banking Group PLC

เริ่มต้นลงทุน : 1,000 บาท


กองทุนตราสารหนี้

ธีมกองทุนรวมที่น่าสนใจ กับ กองทุนตราสารหนี้

“กระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้ดี เมื่อธนาคารกลางทั่วโลกกำลังเข้าสู่ช่วงขาลง ”

มาต่อกันที่ธีมการลงทุนถัดไป คือ กองทุนตราสารหนี้ ซึ่งคุณน้าเลือกแนะนำกองทุนตราสารหนี้ เนื่องจากในช่วงนี้ ดอลลาร์กลับมาแข็งค่า ในขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลง ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นค่อนข้างน่าสนใจในการเน้นเก็งกำไร หรือเหมาะกับการพักเงินลงทุน เพราะมีโอกาสที่ธนาคารทั่วโลกจะมีนโยบายปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนหันมาซื้อสินทรัพย์กลุ่มตราสารหนี้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ Capital Gain และผลกำไรของตราสารหนี้จะปรับตัวขึ้น ซึ่งคุณน้าขอแนะนำ 3 กองทุนตราสารหนี้ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

1. UGIS-N

กองทุน UGIS-N มีจุดเด่น คือ เป็นกองทุนตราสารหนี้ที่บริหารแบบ Active ของ PIMCO GIS Income Fund บลจ. ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารตราสารหนี้โดยเฉพาะ

ตัวอย่างสินทรัพย์ที่กองทุน UGIS-N ลงทุน

พันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี 

เริ่มต้นลงทุน : ไม่มีขั้นต่ำ

2. SCBFIXEDA

กองทุน SCBFIXEDA มีจุดเด่นคือ ลงทุนในตราสารหนี้ ทั้งตราสารหนี้ภาครัฐ, เอกชน, สถาบันการเงิน, เงินฝากทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนอีกด้วย

ตัวอย่างสินทรัพย์ที่กองทุน SCBFIXEDA ลงทุน

  • ตราสารหนี้ภาครัฐ-ภาคเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ
  • เงินฝากทั้งใน-ต่างประเทศ

เริ่มต้นลงทุน : 1 บาท

3. K-CBOND-A

จุดเด่นของกองทุน K-CBOND-A คือ เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ รวมถึงอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุน

ตัวอย่างสินทรัพย์ที่กองทุน K-CBOND-A ลงทุน

ตราสารหนี้ที่ออกโดยเอกชนหรือรัฐบาล

เริ่มต้นลงทุน : 500 บาท


กองทุนหุ้นพลังงาน

ธีมกองทุนรวมที่น่าสนใจ กับ กองทุนหุ้นพลังงาน

“เน้นหุ้นพลังงานที่มีความยั่งยืนในอนาคต”

มาที่ธีมการลงทุนสุดท้าย นั่นก็คือ กองทุนหุ้นพลังงาน คุณน้าขอเกริ่นก่อนนะคะว่า ในตอนนี้ สถานการณ์สงครามกลางเมืองในหลาย ๆ ประเทศยังคงร้อนระอุ ทำให้ความต้องการด้านพลังงานมีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันและทองคำ ทำให้กองทุนหุ้นพลังงานเป็นตัวเลือกที่ดีในการเก็บเข้าพอร์ต สำหรับสายลงทุนระยะยาวค่ะ คุณน้าขอแนะนำ 3 กองทุนหุ้นพลังงานทั่วโลก โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. K-ENERGY

กองทุน K-ENERGY มีจุดเด่น คือ เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค โดยประเภทของกองทุนกองนี้จะแบ่งออกเป็น 3 หมวดหลัก ๆ ค่ะ ได้แก่ 1. กองทุนรวมตราสารทุน 2. กองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรม และ 3.กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ตัวอย่างสินทรัพย์ที่กองทุน K-ENERGY ลงทุน

กองทุนรวมดัชนีที่ลงทุนหุ้นในดัชนีธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค (SET Energy & Utilities Sector Index) 

เริ่มต้นลงทุน : 500 บาท

2. SCBENERGY

กองทุน SCBENERGY มีจุดเด่น คือ เน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค โดยลักษณะของกองทุนกองนี้ จะเป็นชนิดจ่ายเงินปันผล รวมทั้ง อาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อบริหารความเสี่ยงอีกด้วยค่ะ

ตัวอย่างสินทรัพย์ที่กองทุน SCBENERGY ลงทุน

กองทุนรวมดัชนีที่ลงทุนหุ้นในดัชนีธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค (SET Energy & Utilities Sector Index) 

เริ่มต้นลงทุน : 1 บาท

3. KT-GREEN-A

กองทุน KT-GREEN-A มีจุดเด่น คือ เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Schroder International Selection Fund Global Energy Transition ซึ่งมีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Active โดยจะเน้นที่บริษัทมีธรรมาภิบาลที่ดี

ตัวอย่างสินทรัพย์ที่กองทุน KT-GREEN-A ลงทุน

  • First Solar
  • SolarEdge Technology 
  • Nexans
  • Vestas Wind
  • Samsung SDI

เริ่มต้นลงทุน : 1 บาท


ปัจจัยเสี่ยงที่ควรรู้

แม้ว่าคุณน้าจะแนะนำ 5 ธีมกองทุนเด่น ๆ ก่อนหมดสิ้นปีกันไปแล้ว แต่ยังมีความเสี่ยงที่นักลงทุนควรพิจารณาเพิ่มเติมอยู่ 3 ปัจจัยด้วยกัน มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

  • ความไม่แน่นอนของสงครามการเมือง
  • การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพฤศจิกายน 2567
  • ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจปี 2568 จะเข้าสู่เศรษฐกิจถดถอยหรือไม่

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกองทุนรวมที่น่าสนใจ 2567

กองทุนไหนน่าสนใจ

คุณน้าขอแนะนำกองทุนหุ้นเอเชีย เพราะกองทุนเอเชียได้รับอานิสงส์จากหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ รวมทั้งประเทศในภูมิภาคเอเชียยังคงมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ซึ่งในบทความนี้ คุณน้าได้แนะนำ 3 กองทุนรวมหุ้นเอเชียเด่น ได้แก่ B-BHARATA, PRINCIPAL VNEQ-A และ K-ATECH

กองทุนแนะนำ Kbank

คุณน้าขอแนะนำกองทุนรวม K-GTECH เพราะกองทุนกองนี้ มีจุดเด่น คือ ลงทุนหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก ซึ่งเน้นหุ้นที่เติบโตสูง ผ่านการลงทุนในกองทุนหลัก Threadneedle (Lux) Global Technology, Class IU USD กองทุนระดับ 5 ดาว ที่มีผลการดำเนินงานติดอันดับ Top Quartile จาก Rolling Return

แนะนำกองทุนรวม 2567

คุณน้าขอแนะนำ 15 กองทุนรวมที่น่าสนใจ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • K-GTECH
  • B-INNOTECH
  • SCBROBOA
  • B-BHARATA
  • PRINCIPAL VNEQ-A
  • K-ATECH
  • US Blue Chip Equity
  • ASP-S&P500
  • AFMOAT-HA
  • UGIS-N
  • SCBFIXEDA
  • K-CBOND-A
  • K-ENERGY
  • SCBENERGY
  • KT-GREEN-A

สรุปกองทุนรวมที่น่าสนใจ 2567 

ทั้งหมดนี้ก็คือ 5 ธีมการลงทุนในกองทุนรวมที่น่าสนใจ ก่อนหมดสิ้นปี 2567 เป็นอย่างไรกันบ้างคะ มีกองทุนไหนที่คุณกำลังเล็งเก็บเข้าพอร์ตอยู่หรือไม่ ซึ่งธีมการลงทุนที่คุณน้าได้แนะนำในบทความนี้ จะเน้นไปที่การลงทุนในระยะกลางไปจนถึงระยะยาว เนื่องจากคุณน้ามองว่า การลงทุนระยะกลางไปจนถึงระยะยาวจะช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนได้ค่อนข้างดี

อย่างไรก็ดี อย่าลืมติดตามปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก, สภาวะเศรษฐกิจโลก หรือปัญหาความไม่สงบที่ยังคงเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้ทุกคนพลาดโอกาสในการลงทุน และก่อนจากกันวันนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและรอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงทุน ด้วยความปรารถนาดีจากทีมงานคุณน้าพาเทรด


สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge

khunnaphatrade
khunnaphatrade
Recent Post
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 By คุณน้าพาเทรด

วิเคราะห์ทองคำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งไม่มีมีข่าวสำคัญ สำหรับวันนี้คาดการณ์ว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปที่บริเวณ 2,660-2,670 ดอลลาร์

รีวิว Titan FX เปิดทุกคุณสมบัติที่ควรรู้
รีวิว Titan FX เปิดทุกคุณสมบัติที่ควรรู้ ปี 2024

กลับมาพบกับคุณน้ารีวิวกันอีกแล้วนะคะ ในวันนี้ คุณน้าจะพาทุกคนไปอ่านรีวิวโบรกเกอร์ Titan FX ในทุกคุณสมบัติที่เทรดเดอร์ควรรู้ ไม่ว่าจะเป็นใบอนุญาต, ประเภทบัญชี, ค่าสเปรด, การฝากถอนเงิน รวมถึงจุดเด่นและจุดแข็งของ Titan FX กันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปหาคำตอบกันเลย!