ประกาศผลไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ปรากฏว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรค Republican สามารถคว้าชัยได้สำเร็จ ด้วยคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง 294 เสียง ในขณะที่กมลา แฮร์ริส จากพรรค Democratic ได้คะแนนเสียงไป 223 เสียง ซึ่งนี่ถือเป็นความสำเร็จครั้งที่ 2 ของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการมาเยือนทำเนียบขาวค่ะ
ในบทความนี้ คุณน้าจะพาทุกคนมาส่อง 3 สินทรัพย์น่าลงทุนในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีสินทรัพย์ไหนเข้าตาบ้าง และนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากแค่ไหน เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถปรับพอร์ตลงทุนได้อย่างทันท่วงที ถ้าพร้อมแล้วไปหาคำตอบกันค่ะ!
*หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงบทความให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการชักชวนเพื่อลงทุนแต่อย่างใด อีกทั้งการลงทุนต้องอาศัยความรู้และความเข้าใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ
ที่มารูปภาพ : NPR
“สโลแกน Make American Great Again ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ หวนคืนตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ”
ในที่สุดผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ก็ได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ ผลปรากฏว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรค Republican สามารถเอาชนะกมลา แฮร์ริส จากพรรค Democratic ได้สำเร็จ ซึ่งนี่ถือเป็นการหวนคืนตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของโดนัลด์ ทรัมป์ค่ะ
สำหรับสโลแกนสำคัญที่ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ สามารถกวาดชัยชนะได้อย่างถล่มทลาย นั่นก็คือ สโลแกน Make American Great Again หรืออเมริกาต้องมาก่อน ซึ่งนี่ถือเป็นสโลแกนที่ตรงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะชาวอเมริกันเชื้อสายละตินค่ะ และอย่างที่เราทราบกันดีว่า ในปัจจุบัน สหรัฐฯ กำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาผู้อพยพล้นเมือง ซึ่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ให้ความคิดเห็นตรงกันว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะเป็นความหวังในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมอเมริกาในเวอร์ชันที่แตกต่างออกไปได้
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่แค่ชาวอเมริกันที่กำลังจับตามองทิศทางการบริหารประเทศของโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกเองก็ยังคงจับตามองการบริหารที่ว่า “อเมริกาต้องมาก่อน” ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างไรบ้าง บทความนี้จะไปหาคำตอบกันค่ะ
โดนัลด์ ทรัมป์ นโยบายเด่น มีอะไรบ้าง?
เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้คำมั่นสัญญาว่า “อเมริกาต้องมาก่อน” โดยการนำเสนอนโยบายโดนัลด์ ทรัมป์ 2.0 ซึ่งบางนโยบายเป็นการสานต่อนโยบายเดิมที่เขาเคยให้คำสัตย์ไว้ จนทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเทคะแนนเสียงให้เขาอย่างล้นหลาม ดังนั้น ในบทความนี้ คุณน้าจะมาสรุป 5 นโยบายที่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. ยุติสงครามยูเครน
ในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้มีนโยบายสนับสนุนยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย ทำให้สหรัฐฯ ใช้งบประมาณในการสนับสนุนสงครามค่อนข้างมาก ด้วยเหตุนี้เอง ในระหว่างช่วงเลือกตั้ง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงการใช้งบประมาณของทางการสหรัฐฯ และได้นำเสนอนโยบายที่จะยุติสงครามยูเครน โดยได้เสนอว่า หากเขาได้เป็นประธานาธิบดี จะยุติสงคราม ภายใน 24 ชั่วโมง ประกอบกับให้สหรัฐฯ ถอยห่างจากความขัดแย้งของประเทศอื่นให้มากขึ้นค่ะ
อย่างไรก็ดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่เคยให้รายละเอียดเกี่ยวกับการยุติสงครามยูเครนอย่างชัดเจน ซึ่งนักวิเคราะห์หลาย ๆ คนให้ความคิดเห็นว่า คงจะเป็นเรื่องยากที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครนจะยอมถอยออกจากสงครามที่ใช้เวลายืดเยื้อมามากกว่า 2 ปี
2. ไม่สั่งห้ามการยุติการตั้งครรภ์
โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้สั่งห้ามการยุติการตั้งครรภ์ ซึ่งประเด็นนี้ ถือเป็นประเด็นที่ขัดกับความต้องการของผู้สนับสนุนบางส่วนค่ะ เนื่องจากท่าทีของโดนัลด์ ทรัมป์ ดูแตกต่างออกไปจากสมัยแรกที่เขาดำรงตำแหน่ง เพราะในปี 2022 โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสนอชื่อผู้พิพากษาศาลสูงสุด 3 คน ซึ่งต่อมา ได้มีบทบาทสำคัญในการยกเลิกสิทธิการทำแท้งออกไปค่ะ
ระหว่างการปราศรัยครั้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสนอว่า แต่ละรัฐควรมีเสรีภาพในการกำหนดกฎหมายเกี่ยวกับการทำแท้งได้ด้วยตนเอง ซึ่งโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้ให้ข้อเสนอแนะใด ๆ เกี่ยวกับสิทธิการห้ามทำแท้งเพิ่มเติม ซึ่งมีนัยสำคัญว่า กฎหมายการทำแท้งของสหรัฐฯ อาจถูกยุติลงหรือไม่ก็ได้ค่ะ
3. ยกเลิกกฎระเบียบสิ่งแวดล้อม
โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้คำมั่นสัญญาว่า เขาจะยกเลิกนโยบายของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในเรื่องของการสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน เพราะโดนัลด์ ทรัมป์ เชื่อว่า “โลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวง” โดยเขาสนับสนุนการขุดเจาะน้ำมันให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งนโยบายนี้ อาจส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศโลกขั้นรุนแรง
4. ตั้งภาษีศุลกากรใหม่
โดนัลด์ ทรัมป์ ได้นำเสนอนโยบายทางการค้าจากการสานต่อแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจ เมื่อเขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยแรก ซึ่งทรัมป์ได้ให้คำมั่นสัญญาว่า เขาจะยุติภาวะเงินเฟ้อและทำให้ราคาสินค้าในสหรัฐฯ ถูกลงอีกครั้ง
นอกจากนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสนอให้ยกเลิกภาษีการจ่ายประกันสังคมและลดภาษีนิติบุคคลลง อีกทั้งยังเสนอให้เก็บภาษีศุลกากรใหม่ สำหรับภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งจะเก็บภาษีจากจีนเพิ่มขึ้นกว่า 60% และเก็บภาษีจากประเทศอื่นกว่า 10% เพื่อลดการขาดดุลทางการคลังและลดการก่อหนี้ในสหรัฐฯ
5. เนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมาย
นโยบายสำคัญที่ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับความนิยมในการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างถล่มทลาย ก็คือ การเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายออกจากสหรัฐฯ และเดินหน้าสร้างกำแพงปิดผนึกชายแดนให้เรียบร้อย หลังจากช่วงปลายปี 2023 ที่ผ่านมา มีผู้อพยพได้หลั่งไหลเข้ามาในสหรัฐฯ เป็นจำนวนมาก ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้ส่งผลกระทบต่อภาครัฐเป็นวงกว้าง ด้วยเหตุนี้เอง ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งส่วนใหญ่จึงให้ความไว้วางใจกับนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ มากกว่านโยบายของกมลา แฮร์ริส
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ให้ความคิดเห็นว่า สหรัฐ ฯ อาจได้รับผลกระทบด้านโลจิสติกส์และปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอนาคตค่ะ
เปิดฝ่ายครม. ชุดใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์
หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้หวนคืนตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ประกาศการแต่งตั้งฝ่ายครม. ชุดใหม่ของเขา เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งรายชื่อที่จะกล่าวต่อไปนี้ เป็นรายชื่อที่มีการคาดการณ์ว่า จะได้นั่งเก้าอี้ครม. ในรัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ 2.0 โดย 10 รายชื่อจะมีใครบ้าง? คุณน้าจะมาสรุปให้อ่านกันค่ะ
รายชื่อตัวเต็งฝ่ายครม. ของโดนัลด์ ทรัมป์ | ตำแหน่ง |
ซูซี ไวลส์ | หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว |
มาร์ก เปาเล็ตตา | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม |
ทอม โฮแมน | รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ |
มาร์โก รูบิโอ | รัฐมนตรีต่างประเทศ |
แคช ปาเทล | หัวหน้าหน่วยข่าวกรองกลาง (CIA) |
โรเบิร์ต โอไบรอัน | รัฐมนตรีกลาโหม |
อีลีส สเตฟานิก | เอกอัครราชทูตประชาชาติ (UN) |
คริสตี โนเอม หรือดัก เบิร์กกัม | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย |
คาโรลีน เลวิตต์ | โฆษกทำเนียบขาว |
อีลอน มัสก์ | กระทรวงส่งเสริมประสิทธิภาพของรัฐบาล |
สำหรับรายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งครม. ของรัฐบาลในยุค โดนัลด์ ทรัมป์ 2.0 อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้นะคะ เนื่องจากเป็นเพียงรายชื่อที่คาดว่าจะได้นั่งเก้าอี้คณะรัฐมนตรีเพียงเท่านั้น
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ 2.0 จะเป็นอย่างไร?
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ได้วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากนโยบายโดนัลด์ ทรัมป์ 2.0 ในระยะสั้น ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเด็นสำคัญ คือ 1. ผลกระทบด้านการส่งออกสินค้า และ 2. ผลกระทบด้านการลงทุน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. ผลกระทบด้านการส่งออกสินค้า
SCB EIC ได้วิเคราะห์ว่า จากนโยบายกีดกันทางการค้าและการตั้งภาษีศุลกากรใหม่จะทำให้มูลค่าส่งออกของไทยในปี 2025 ลดลงประมาณ 0.8-1.0% ค่ะ โดยเฉพาะกับสินค้าที่เกี่ยวกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์, อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งจะมีแนวโน้มส่งออกหดตัวลง
ไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่จะได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ประเทศอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งโดนัลด์ ทรัมป์ จะเก็บภาษีนำเข้าจากจีนสูงถึง 60% เป็นเหตุให้จีนจำเป็นต้องหาตลาดอื่นมาทดแทนค่ะ ซึ่งสินค้าจากจีนเสี่ยงทะลักเข้ามาในไทย จนส่งผลกระทบให้ผู้ผลิตในไทยอาจจะเผชิญหน้ากับการแข่งขันที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น
2. ผลกระทบด้านการลงทุน
สำหรับผลกระทบด้านการลงทุน SCB EIC ได้วิเคราะห์ต่ออีกว่า ธุรกิจภาคเอกชนมีแนวโน้มหดตัวลงจากเดิมค่ะ อีกทั้ง Fund Flow จากนักลงทุนต่างชาติอาจย้ายฐานการผลิตกลับไปลงทุนในสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น
จากผลกระทบที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้เห็นว่า เศรษฐกิจไทยอาจจะได้รับผลกระทบในระยะสั้น แต่ในระยะปานกลางไปจนถึงระยะยาวนั้น SCB EIC ได้วิเคราะห์เพิ่มเติมว่า สงครามการค้า (Trade War) ระหว่างสหรัฐฯ และจีนนั้น ไทยอาจจะได้รับผลประโยชน์มากกว่า ในกรณีที่ไทยสามารถรักษาบทบาทความเป็นกลางจากการแบ่งขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจได้ค่ะ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์หลาย ๆ คน ให้ความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ไทยควรเตรียมรับมือ ทั้งนโยบายเชิงรุกและเชิงรับไปพร้อม ๆ กัน
ยกตัวอย่างเช่น บางอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานสูงและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ ไทยควรมีมาตรการป้องกันอย่างรัดกุม เพื่อป้องกันผลประโยชน์ของประเทศให้ได้มากที่สุด
สินทรัพย์น่าลงทุนในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ มีอะไรบ้าง?
จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่า “นโยบายอเมริกาต้องมาก่อน” ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างมาก แล้วอย่างนี้ มีสินทรัพย์ประเภทไหนน่าลงทุนบ้าง ในบทความนี้ คุณน้าจะพาทุกคนไปไขข้อสงสัยกันค่ะ โดยคุณน้าขอยกตัวอย่าง 3 สินทรัพย์น่าลงทุนในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น
หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง นักเศรษฐศาสตร์หลายคน ให้ความคิดเห็นว่า พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น มีโอกาสสร้างผลตอบแทน (Bond Yield) ที่ดีขึ้น เนื่องจากเงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่า โดยคาดการณ์จากการใช้จ่ายของภาครัฐที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มว่า เงินเฟ้อจะสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบให้เฟด (FED) อาจชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
ดังนั้น นักเศรษฐศาสตร์หลาย ๆ คน จึงแนะนำให้เก็บพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น เพราะจะช่วยปรับพอร์ตลงทุนให้มีความสมดุลมากขึ้น ในขณะที่ตลาดมีความผันผวน อีกทั้งยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี ในช่วงเงินเฟ้ออีกด้วยค่ะ
2. หุ้นสหรัฐฯ
สินทรัพย์เด่นในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อมาก็คือ หุ้นสหรัฐฯ ค่ะ เพราะดัชนี S&P 500, ดัชนี NASDAQ และดัชนี Russell 2000 อยู่ในแนวโน้มตลาดขาขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวในทิศทางบวกตามไปด้วย โดยเฉพาะกับหุ้น Tesla มีการปรับตัวสูงขึ้น หลังจากอีลอน มัสก์ ได้ถูกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกระทรวงส่งเสริมประสิทธิภาพของรัฐบาล ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในตัวอีลอน มัสก์ ประกอบกับแผนเศรษฐกิจตามนโยบายโดนัลด์ ทรัมป์ 2.0 เกี่ยวกับการตั้งภาษีศุลกากรใหม่และการลดภาษีนิติบุคคล ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตัวเป็นบวกติดต่อกัน อย่างไรก็ดี สำหรับหุ้นในตลาดเกิดใหม่ยังคงได้รับผลกระทบและผันผวนอยู่ค่อนข้างสูงค่ะ
ดังนั้น สำหรับการจับจังหวะการลงทุนในช่วงนี้ นักลงทุนอาจจะเน้นไปที่กลยุทธ์ Follow Buy และเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบระยะสั้น พร้อม ๆ กับเทคนิค Buy on Dip เพราะนักลงทุนคาดหวังการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจในสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก
3. สกุลเงินดิจิทัล
สินทรัพย์เด่นในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ อันดับสุดท้าย คือ สกุลเงินดิจิทัลค่ะ หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง Bitcoin ทะลุ 93,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการทำ New High ในรอบที่ 4 และคาดการณ์ว่า จะทำ New High ใหม่อีกครั้ง หลังโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าพิธีสาบานตนขึ้นเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ในเดือนมกราคม ปี 2025 ที่จะถึงนี้ค่ะ
📢 ข้อควรระวัง
แม้ว่า สินทรัพย์ที่กล่าวไปข้างต้น จะเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับอานิสงส์จากการชนะเลือกตั้งของโดนัลด์ ทรัมป์ แต่อย่างไรก็ดี ทุกสินทรัพย์ล้วนมีความเสี่ยงนะคะ ดังนั้น นักลงทุนควรปรับพอร์ตการลงทุนให้มีความสอดคล้องกับนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อม ๆ กับกระจายความเสี่ยงในการลงทุนไปยัง Emerging Market (ตลาดของประเทศที่กำลังพัฒนา) อย่างอินเดียหรือเวียดนาม เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน และที่สำคัญ คือ เพื่อให้การลงทุนของคุณมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเองค่ะ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสินทรัพย์น่าลงทุน
นโยบายสำคัญในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ 2.0 มีอะไรบ้าง?
- ยุติสงครามยูเครน
- ไม่สั่งห้ามการยุติการตั้งครรภ์
- ยกเลิกกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม
- ตั้งภาษีศุลกากรใหม่
- เนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมาย
สินทรัพย์น่าลงทุนในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ มีอะไรบ้าง?
- พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น
- หุ้นสหรัฐฯ
- สกุลเงินดิจิทัล
หุ้นสหรัฐฯ ที่น่าสนใจ มีตลาดไหนบ้าง?
หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้ราคาหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนเป็นบวกค่ะ ซึ่งหุ้นสหรัฐฯ ที่น่าสนใจมีหลายตลาดให้เลือกลงทุน ไม่ว่าจะเป็นดัชนี S&P 500, NASDAQ และดัชนี Russell เป็นต้น
สรุป สินทรัพย์น่าลงทุนในยุคโดนัลด์ ทรัมป์
จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างมาก เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีขนาดใหญ่และมีอิทธิพลต่อประเทศอื่นทั่วโลก ซึ่งสินทรัพย์เด่นที่น่าลงทุนในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ คงหนีไม่พ้นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ, หุ้นสหรัฐฯ และสกุลเงินดิจิทัลค่ะ เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ นั่นเองค่ะ
ดังนั้นแล้ว นักลงทุนควรปรับพอร์ตการลงทุนให้ล้อกับความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะนโยบายของสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนให้มากขึ้น และสุดท้ายนี้ อย่าลืมกระจายความเสี่ยงในการลงทุนด้วยนะคะ เพราะไม่ว่าสินทรัพย์ไหน ๆ ก็มีความเสี่ยงทั้งสิ้นค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : BBC, Eastspring และ The Bangkok Insight
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge