รวมทุกเรื่องเกี่ยวกับสินเชื่อบ้าน 2567

รวมทุกเรื่องที่ควรรู้กี่ยวกับสินเชื่อบ้าน 2567
Table of Contents

ความฝันของใครหลาย ๆ คนคงอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ในปัจจุบัน การซื้อบ้านด้วยเงินสดถือเป็นเรื่องยาก เพราะมูลค่าบ้านแต่ละหลังสูงมาก ดังนั้น หลาย ๆ คนจึงใช้วิธีการขอสินเชื่อบ้าน เพื่อผ่อนชำระแทนที่จะซื้อเงินสดทีเดียว เพราะการผ่อนชำระบ้านถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังเป็นการช่วยเก็บเงินสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉินอีกด้วยค่ะ ในบทความนี้คุณน้าจะพาทุกคนมารู้จักกับทุกเรื่องที่คุณควรจะรู้เกี่ยวกับสินเชื่อบ้าน 2567 จะมีเรื่องไหนบ้าง? ไปหาคำตอบกันค่ะ!

* หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงบทความให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่การชักชวนลงทุนแต่อย่างใด อีกทั้งผู้อ่านควรพิจารณาอัตราดอกเบี้ยและความสามารถทางการเงิน ก่อนตัดสินใจกู้สินเชื่อบ้าน

สินเชื่อบ้าน คืออะไร?

สินเชื่อบ้านหรือสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย คือ เงินกู้ที่ธนาคารปล่อยให้กับบุคคลที่ต้องการซื้อบ้าน, คอนโด, ทาวน์เฮาส์, คอนโดมิเนียม หรือที่อยู่อาศัยประเภทอื่น ๆ ซึ่งธนาคารจะเป็นผู้ประเมินจำนวนเงินให้กับผู้ขอกู้หรือที่เราเรียกว่า “การให้วงเงินสินเชื่อ” นั่นเองค่ะ

โดยผู้ขอกู้จะต้องผ่อนชำระเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคารเป็นงวด ๆ ตามระยะเวลาที่กำหนด สำหรับระยะเวลาการผ่อนชำระเงินคืนอาจใช้เวลายาวนานถึง 40 ปี ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและปัจจัยต่าง ๆ ที่ธนาคารเป็นผู้กำหนดนะคะ

โดยปกติแล้ว สินเชื่อบ้านจะเป็นจำนวนเงินที่ให้ยืมมากกว่าสินเชื่อเงินสดประเภทอื่นค่ะ เพราะมูลค่าบ้านแต่ละหลังนั้นมีราคาสูงมาก ทำให้การวางหลักประกันและความสามารถในการชำระเงินของผู้ขอกู้ก็คือ บ้านที่ขอกู้มานั่นเองค่ะ เพราะหากผู้ขอกู้ไม่สามารถผ่อนชำระเงินต้นและจ่ายอัตราดอกเบี้ยตามที่ตกลงกันไว้ได้ ธนาคารจะทำการยึดทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันคืน

เกร็ดความรู้! สำหรับการขอวงเงินสินเชื่อบ้าน 2567

โดยปกติแล้ว ธนาคารจะให้วงเงินสินเชื่อบ้านที่ต่ำกว่าราคาบ้านที่เราต้องการซื้อค่ะ เพราะการให้สินเชื่อที่สูงเกินไป อาจจะทำให้ผู้ขอกู้ผ่อนชำระหนี้ไม่ไหว ซึ่งธนาคารอาจจะต้องแบกรับความเสี่ยงในการขาดรายได้ หรือได้ไม่คุ้มเสีย ในกรณีที่มีการขายบ้านทอดตลาด

ดังนั้น เพื่อป้องกันให้ผู้ขอกู้และธนาคารไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงที่มากเกินไป ธนาคารจะกำหนดวงเงินสินเชื่อต่ำกว่ามูลค่าของหลักประกัน (LTV*) โดยปกติแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 70%-95% ของมูลค่าหลักประกันหรือการตีราคาในตลาดหลักทรัพย์

LTV* คืออะไร?

LTV ย่อมาจาก Loan to Value Ratio คือ อัตราส่วนที่ธนาคารจะให้สินเชื่อ โดยเทียบกับมูลค่าราคาของบ้าน


ประเภทของอัตราดอกเบี้ยบ้าน มีอะไรบ้าง?

1. อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate Loan)

อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate Loan) คือ อัตราดอกเบี้ยบ้านที่มีการกำหนดไว้คงที่ โดยขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ผู้ขอกู้ได้ตกลงไว้กับธนาคารนั่นเองค่ะ โดยอัตราดอกเบี้ยคงที่สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

  • ดอกเบี้ยคงที่ในช่วงระยะแรก : อัตราดอกเบี้ยคงที่ในช่วงแรกของการผ่อนบ้านเท่านั้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะคงที่ในช่วง 1-5 ปีแรก จากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับเป็นแบบลอยตัว
  • ดอกเบี้ยคงที่ตลอดระยะเวลาการกู้ : อัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอดระยะสัญญาที่มีการผ่อนชำระบ้านค่ะ ซึ่งผู้ขอกู้สามารถชำระเงินต้นคืนและอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิมได้ในทุก ๆ เดือน
  • ดอกเบี้ยคงที่แบบขั้นบันได : อัตราดอกเบี้ยคงที่ที่ธนาคารจะกำหนดไว้เป็นช่วง ๆ และจะถูกปรับขึ้นทีละขั้น ซึ่งการปรับขึ้นจะเป็นแบบขั้นบันได ยกตัวอย่างเช่น ในปีแรก อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.5% และปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.5% เป็นต้น

2. อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate Loan)

อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate Loan) คือ อัตราดอกเบี้ยที่ไม่มีความแน่นอนและไม่ได้กำหนดการปรับอัตราดอกเบี้ยไว้ชัดเจน โดยอัตราดอกเบี้ยลอยตัวจะผันแปรตามสภาพเศรษฐกิจและต้นทุนทางการเงินของธนาคารในตอนนั้น ทำให้อัตราดอกเบี้ยมีการปรับขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอัตราดอกเบี้ยลอยตัวถือว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างสูง เพราะอาจจะต้องผ่อนชำระสินเชื่อบ้านไม่เท่ากันในทุก ๆ เดือน โดยอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

Minimum Retail Rate (MRR)คือ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวขั้นต่ำที่ธนาคารเรียกเก็บกับผู้ขอกู้รายย่อยหรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีเครดิตการชำระเงินที่ดี 
Minimum Overdraft Rate (MOR) คือ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่ธนาคารเรียกเก็บกับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่มีเครดิตการชำระเงินที่ดี โดยใช้กับสินเชื่อธุรกิจนั่นเอง
Minimum Loan Rate (MLR)คือ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวขั้นต่ำที่ธนาคารเรียกเก็บกับกลุ่มผู้ขอกู้รายใหญ่ที่มีเครดิตการชำระเงินที่ดี โดยใช้กับสินเชื่อธุรกิจ ซึ่งเป็นการกู้ในระยะยาว

3. อัตราดอกเบี้ยปรับใหม่ทุกรอบเวลา (Rollover Mortgage)

อัตราดอกเบี้ยปรับใหม่ทุกรอบเวลา (Rollover Mortgage) คือ อัตราดอกเบี้ยคงที่ที่มีการปรับใหม่ในทุกรอบเวลา ตามระยะเวลาที่กำหนด ยกตัวอย่างเช่น อัตราดอกเบี้ยคงที่ในรอบ 5 ปี นั่นหมายความว่า อัตราดอกเบี้ยจะปรับใหม่เรื่อย ๆ ในทุก 5 ปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ได้เช่นกันค่ะ

4. อัตราดอกเบี้ยแบบผสม (Rollover Mortgage Loan)

อัตราดอกเบี้ยแบบผสม (Rollover Mortgage Loan) คือ อัตราดอกเบี้ยที่มีการผสมผสานระหว่างอัตราดอกเบี้ยคงที่, อัตราดอกเบี้ยลอยตัว และอัตราดอกเบี้ยปรับทุกรอบเวลา ซึ่งในช่วงปีแรก ธนาคารอาจจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ใน 3 ปี หลังจากนั้นอาจปรับเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวแบบขั้นบันได หรือปรับอัตราดอกเบี้ยใหม่ในทุก ๆ 5 ปีก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารเป็นผู้กำหนด


คำนวณ สินเชื่อบ้าน 2567

หลังจากที่เราได้รู้จักกับประเภทดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านกันไปแล้ว คุณน้าจะพาทุกคนมารู้จักกับวิธีการคำนวณสินเชื่อบ้านง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ตามตัวอย่างด้านล่าง ดังนี้

1. ตัวอย่างการคำนวณ สินเชื่อบ้าน (ดอกเบี้ยคงที่)

เงินต้นทั้งหมดอยู่ที่ 3,000,000 บาท โดยผู้ขอกู้ต้องผ่อนชำระเท่ากันในทุก ๆ เดือน เดือนละ 30,000 บาท และอัตราดอกเบี้ยคงที่อยู่ที่ 5.0% ต่อปี

การชำระงวดแรก เดือนมกราคม ปี 2567 

การชำระงวดแรกเดือนมกราคม ปี 2567 มีรายละเอียด ดังนี้

จากสูตรการคำนวณได้ว่า ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายต่องวด = (เงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันในงวดนั้น) ÷ จำนวนวันใน 1 ปี

= (3,000,000 x 5.0% x 31) ÷ 365 (5% คิดเป็น 5 ส่วน 100)

= 12,739.726 บาท

จากนั้นยอดเงินรวมเมื่อจบงวด = เงินต้นคงเหลือ + ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายต่องวด 

= 3,000,000 + 12,739.726 บาท

= 3,012,739.73 บาท

สุดท้ายต้องคำนวณเงินต้นคงเหลือ = ยอดเงินรวมเมื่อจบงวด – ค่างวดต่อเดือน

= 3,012,739.73 – 30,000 บาท

= 2,982,739.73 บาท

การชำระงวดที่ 2 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2567

การชำระงวดที่ 2 เดือนกุมภาพันธ์ มีรายละเอียด ดังนี้

จากสูตรการคำนวณได้ว่า ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายต่องวด = (เงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันในงวดนั้น) ÷ จำนวนวันใน 1 ปี

= (2,982,739.73 x 5.0% x 28) ÷ 365 (5% คิดเป็น 5 ส่วน 100)

= 11,440.65 บาท

จากนั้นยอดเงินรวมเมื่อจบงวด = เงินต้นคงเหลือ + ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายต่องวด 

= 2,982,739.73 + 11,440.65 บาท

= 2,994,180.38 บาท

สุดท้ายต้องคำนวณเงินต้นคงเหลือ = ยอดเงินรวมเมื่อจบงวด – ค่างวดต่อเดือน

= 2,994,180.38 – 30,000 บาท

= 2,964,180.38 บาท

จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่า การคำนวณอัตราดอกเบี้ยในแต่ละเดือนมีผลต่อเนื่องไปถึงการจ่ายดอกเบี้ยในเดือนถัดไป ซึ่งเห็นได้จากสัดส่วนของอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงนั่นเองค่ะ

2. ตัวอย่างการคำนวณ สินเชื่อบ้าน (ดอกเบี้ยลอยตัว MRR)

เงินต้นทั้งหมดอยู่ที่ 3,000,000 บาท MRR 5.00% โดยธนาคารกำหนดเอาไว้ว่าอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก อยู่ที่ 3.50% ต่อปี และปีที่ 4 เป็นต้นไป MRR -1.25% ต่อปี 

จากตัวอย่างสามารถคำนวณได้ว่า ดอกเบี้ยบ้าน 3 ปีแรก = เงินต้น x ดอกเบี้ยคงที่ % ต่อปี

= 3,000,000 x 3.50% 

= 105,000 บาท

จากนั้นคำนวณอัตราดอกเบี้ย MRR ต่อปี = ดอกเบี้ยคงที่ – ดอกเบี้ย MRR

= 5.00% – 1.25% 

= 3.75%

ดังนั้น ดอกเบี้ยสำหรับปีที่ 4 สามารถคำนวณได้เท่ากับ 

= 3,000,000 x 3.75% 

= 112,500 บาท

รู้หรือไม่! นอกจากอัตราดอกเบี้ยแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นอีกด้วย?

นอกจาก อัตราดอกเบี้ยสำหรับการขอสินเชื่อบ้านแล้วนั้น ธนาคารยังมีการกำหนดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกด้วยค่ะ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับแต่ละเงื่อนไขของธนาคารเป็นผู้กำหนด ยกตัวอย่างเช่น

  • ค่าจดจำนองหลักประกัน
  • ค่าสำรวจและประเมินราคาของการวางหลักประกัน
  • ค่าธรรมเนียมการชำระคืนเงินต้นทั้งหมดก่อนกำหนด
  • อัตราดอกเบี้ย กรณีผิดนัดชำระหนี้


4 ขั้นตอนที่ควรคำนึงก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน มีอะไรบ้าง? 

จะเห็นได้ว่า สินเชื่อบ้านถือเป็นสินเชื่อก้อนโตที่ใช้ระยะเวลาในการผ่อนชำระค่อนข้างนานกว่าสินเชื่อประเภทอื่น ดังนั้น เพื่อให้เราสามารถผ่อนชำระสินเชื่อบ้านได้อย่างเหมาะสมและไม่ทำให้เกิดหนี้ที่มากเกินความจำเป็นในอนาคต คุณควรคำนึงถึง 4 ขั้นตอนสำคัญ ก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน โดยมีรายละเอียด ดังนี้

สำรวจโครงการที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้ง, ผู้พัฒนาโครงการ หรือแม้แต่ตรวจสอบบ้านก่อนโอน เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง
ตรวจสอบจำนวนเงินออมที่จะนำมาดาวน์บ้านก่อนเริ่มผ่อนชำระ เพื่อลดภาระหนี้สินที่มีต่อตัวเองให้ได้มากที่สุด
ตรวจสอบความสามารถทางการเงินในแต่ละเดือน ไม่ว่าจะเป็นเงินคงเหลือหลังหักค่าใช้จ่ายรวมกับภาระหนี้สิน โดยจำนวนหนี้สินไม่ควรเกิน 1 ใน 3 ของรายได้ในแต่ละเดือน ซึ่งคุณสามารถยื่นขอตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร เพื่อแสดงให้เห็นถึงภาพรวมหนี้สินของคุณได้ค่ะ
พิจารณาและเปรียบเทียบเกณฑ์การขอสินเชื่อของแต่ละธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นวงเงินที่จะได้รับ, อัตราดอกเบี้ยบ้านที่ต้องจ่าย, จำนวนงวด, ระยะเวลาในการผ่อนชำระ และจำนวนเงินที่ต้องผ่อนในแต่ละงวด 


ดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้าน 2567 ธนาคารไหน อนุมัติง่าย

คุณน้าได้รวบรวม 7 ธนาคารพาณิชย์ที่ให้อัตราดอกเบี้ยบ้านต่ำสุด ประจำปีเดือนสิงหาคม ปี 2567 สำหรับบุคคลทั่วไปที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจให้กับทุกคนค่ะ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ดอกเบี้ยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ สินเชื่อบ้าน 2567

ธนาคารอาคารสงเคราะห์

  • อัตราดอกเบี้ย (3 ปีแรก) : 3.00%
  • MRR (อ้างอิงตามธนาคาร) : 6.545%
  • วงเงินสูงสุด : ตามธนาคารอนุมัติ
  • ระยะเวลากู้ (ปี) : 40 ปี


ดอกเบี้ยของธนาคารไทยพาณิชย์ สินเชื่อบ้าน 2567

ธนาคารไทยพาณิชย์

  • อัตราดอกเบี้ย (3 ปีแรก) : 3.47%
  • MRR (อ้างอิงตามธนาคาร) : 7.30%
  • วงเงินสูงสุด : 100%
  • ระยะเวลากู้ (ปี) : 30 ปี


ดอกเบี้ยของธนาคารกรุงไทย สินเชื่อบ้าน 2567

ธนาคารกรุงไทย

  • อัตราดอกเบี้ย (3 ปีแรก) : 3.60%
  • MRR (อ้างอิงตามธนาคาร) : 7.05%
  • วงเงินสูงสุด : 100%
  • ระยะเวลากู้ (ปี) : 40 ปี


ดอกเบี้ยของธนาคารกรุงศรีอยุธยา สินเชื่อบ้าน 2567

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

  • อัตราดอกเบี้ย (3 ปีแรก) : 4.42%
  • MRR (อ้างอิงตามธนาคาร) : 7.40%
  • วงเงินสูงสุด : 110%
  • ระยะเวลากู้ (ปี) : 30 ปี


ดอกเบี้ยของธนาคารกรุงเทพ สินเชื่อบ้าน 2567

ธนาคารกรุงเทพ

  • อัตราดอกเบี้ย (3 ปีแรก) : 4.55%
  • MRR (อ้างอิงตามธนาคาร) : 7.05%
  • วงเงินสูงสุด : 100%
  • ระยะเวลากู้ (ปี) : 30 ปี


ดอกเบี้ยของธนาคารออมสิน สินเชื่อบ้าน 2567

ธนาคารออมสิน

  • อัตราดอกเบี้ย (3 ปีแรก) : 4.795%
  • MRR (อ้างอิงตามธนาคาร) : 6.595%
  • วงเงินสูงสุด : 110%
  • ระยะเวลากู้ (ปี) : 40 ปี


ดอกเบี้ยของธนาคารกสิกรไทย สินเชื่อบ้าน 2567

ธนาคารกสิกรไทย

  • อัตราดอกเบี้ย (3 ปีแรก) : 6.42%
  • MRR (อ้างอิงตามธนาคาร) : 7.30%
  • วงเงินสูงสุด : 90%
  • ระยะเวลากู้ (ปี) : 30 ปี


สรุปการเปรียบเทียบดอกเบี้ยบ้าน สำหรับบุคคลทั่วไป 2567 ธนาคารไหนดี?

เปรียบเทียบดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน 2567 ธนาคารไหนดี?

รวม 3 ข้อสงสัยเกี่ยวกับการตัดสินใจกู้บ้าน?

Q. การติดเครดิตบูโรซื้อบ้านได้ไหม?

ตอบ. หลาย ๆ คนคงเกิดความสงสัยว่า การติดเครดิตบูโร แต่อยากซื้อบ้านสามารถทำได้ไหม คุณน้าขอบอกว่า หากคุณติดเครดิตบูโรก็จะกู้ไม่ผ่านค่ะ เนื่องจากประวัติการชำระหนี้ของคุณจะแสดงอยู่บนสถานะเครดิตบูโร 040 หรือมีการชำระหนี้ล่าช้าเกิน 30 วันธนาคารจะเป็นผู้ประเมินว่า ผู้ขอกู้จะความสามารถในการชำระหนี้สินในอนาคตได้หรือไม่? และหากคุณติดเครดิตบูโร นั่นแสดงให้เห็นว่า ประวัติการชำระหนี้ไม่ดี อีกทั้งอาจส่งผลกระทบทำให้เกิดหนี้เสียได้ 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้ขอกู้จะติดเครดิตบูโร แต่คุณสามารถปิดชำระหนี้ให้ครบก่อนค่อยยื่นขอสินเชื่อบ้านใหม่อีกรอบได้เช่นเดียวกันค่ะ ซึ่งจะต้องรอระยะเวลาให้สถานะเครดิตบูโรรีเซตก่อน หรือบางธนาคารมีระยะเวลากำหนดไว้ที่ 6 เดือน – 2 ปี ถึงจะสามารถยื่นขอซื้อบ้านได้ใหม่อีกรอบนั่นเองค่ะ

Q. การกู้ซื้อบ้านร่วมกันสามารถทำได้หรือไม่?

ตอบ. การกู้ซื้อบ้านร่วมกันสามารถทำได้ค่ะ เพราะการกู้ร่วมกันมีโอกาสในการขอสินเชื่อผ่านมากกว่าการขอกู้เพียงคนเดียว เนื่องจากการกู้ร่วมจะเป็นการนำรายได้และหนี้สินของผู้กู้ร่วมมารวมกันนั่นเอง ซึ่งธนาคารจะประเมินถึงความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ได้มั่นคงยิ่งขึ้น แต่คุณน้าขอบอกว่า ไม่ใช่ใครก็สามารถกู้ร่วมกันได้นะคะ เพราะการกู้ร่วมกันจะต้องมีหลักฐานยืนยันการอยู่ร่วมกัน โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

  • สายเลือดเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นพ่อ, แม่, พี่, น้อง หรือบุตร เป็นต้น
  • พี่น้องคนละนามสกุล แต่จะต้องมีพ่อหรือแม่เดียวกัน ซึ่งผู้ขอกู้ร่วมจะต้องแสดงหลักฐานยืนยัน
  • คู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสหรือไม่จดทะเบียนสมรสก็ได้ แต่จะต้องแสดงหลักฐานยืนยันการอยู่ร่วมกันจริง นอกจากนี้ บางธนาคารยังให้คู่รัก LGBTQ+ สามารถกู้ร่วมกันได้เช่นเดียวกันค่ะ

Q. เงินเดือนขั้นต่ำเท่าไหร่จึงจะสามารถซื้อบ้านได้?

ตอบ. คุณน้าขอบอกว่า เงินเดือนขั้นต่ำเท่าไหร่ก็สามารถผ่อนบ้านได้ค่ะ แต่ก็จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารเป็นผู้ประเมินรายได้ของผู้กู้ ก่อนที่จะกำหนดวงเงินสูงสุดและ LVT เพื่อประเมินความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ในอนาคต สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่อยากมีบ้านหลังแรก คุณน้าขอแนะนำว่า ในกรณีที่มีการผ่อนชำระบ้านอย่างเดียว ผู้ขอกู้ไม่ควรผ่อนบ้านเกิน 50% ของรายได้ต่อเดือน และหากมีการผ่อนชำระอย่างอื่นร่วมด้วย ไม่ควรผ่อนบ้านเกิน 30% ของรายได้ต่อเดือนค่ะ


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสินเชื่อบ้าน 2567

มือใหม่ทำอย่างไรถึงจะกู้ซื้อบ้านผ่าน?

  • สำรวจโครงการที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้ง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาภายหลัง
  • ตรวจสอบเงินออมที่จะนำมาดาวน์บ้านก่อนเริ่มผ่อน เพื่อลดภาระที่มีต่อตัวเองให้ได้มากที่สุด
  • ตรวจสอบความสามารถทางการเงินในแต่ละเดือน
  • พิจารณาเกณฑ์การขอสินเชื่อของแต่ละธนาคาร

สินเชื่อบ้านธนาคารไหนดีสุด 2567

  • ธนาคารอาคารสงเคราะห์ : อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.00%
  • ธนาคารไทยพาณิชย์ : อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.47%
  • ธนาคารกรุงไทย : อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.60%
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา : อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 4.42%
  • ธนาคารกรุงเทพ : อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 4.55%
  • ธนาคารออมสิน : อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 4.795%
  • ธนาคารกสิกรไทย : อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 6.42%

กู้ซื้อบ้านไม่ผ่านเพราะอะไร?

กู้ซื้อบ้านไม่ผ่านเพราะติดเครดิตบูโร 040 หรือชำระหนี้ล่าช้าเกิน 30 วัน


สรุปสินเชื่อบ้าน 2567

ทั้งหมดนี้ก็คือ รวมทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับสินเชื่อบ้าน 2567 สำหรับใครที่อยากกู้ซื้อบ้านหลังแรกสามารถเปรียบเทียบเรตดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารที่คุณน้าได้รวบรวมไว้ได้เลยค่ะ โดยคุณน้าหวังว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนที่กำลังตัดสินใจกู้ซื้อบ้าน และก่อนจากกันในวันนี้ อย่าลืมพิจารณาสถานะทางการเงินและศึกษาความเสี่ยงเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยให้ดี ก่อนตัดสินใจขอกู้บ้าน ไม่เช่นนั้น คุณอาจจะก่อหนี้โดยไม่รู้ตัว ด้วยความปรารถนาดีจากทีมงานคุณน้าพาเทรดค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย, AP Thai, DDproperty และแสนสิริ


สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge

khunnaphatrade
khunnaphatrade
Recent Post
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 16 ธันวาคม 2567
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 16 ธันวาคม 2567 By คุณน้าพาเทรด

วิเคราะห์ทองคำวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ซึ่งมีข่าวสำคัญจากสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลงไปที่บริเวณ 2,645-2,647 ดอลลาร์ และเกิด QM ค่ะ

แนะนำ 10 หุ้นน่าลงทุน ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส
แนะนำ 10 หุ้นน่าลงทุน ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส

คุณน้าจะขอแนะนำ 10 หุ้นน่าลงทุนต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส ไปกับตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนจะเริ่มต้นปี 2025 กันค่ะ

วิเคราะห์ทองคำวันที่ 11 ธันวาคม 2567
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 11 ธันวาคม 2567 By คุณน้าพาเทรด

สวัสดีสายเทรดทองทุกท่านนะคะ วันนี้มาติดตามวิเคราะห์ทองคำประจำวันพุธที่ 11 ธันวาคม 2567 กันค่า วิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ เมื่อวานนี้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 33 ดอลลาร์