เปิดโลกการลงทุนในตลาดหุ้นกับคุณน้า ที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าใจถึงความหมายของหุ้นสามัญ (Common Stock), หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) และความแตกต่างระหว่างผู้ถือหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิที่นักลงทุนควรรู้ เพื่อให้เป็นนักลงทุนมืออาชีพ โดยคุณน้าจะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับหุ้นให้มากขึ้นในบทความนี้กันค่ะ

บทความเกี่ยวกับหุ้นเพิ่มเติม :
- วัน XD คืออะไร แตกต่างจากวันที่จ่ายปันผลหรือไม่?
- ทำความรู้จัก “4 เครื่องหมายหุ้นใหม่” เตือนนักลงทุน หุ้นเสี่ยงมีปัญหา
- สอนใช้งาน Streaming แอปเทรดหุ้นยอดนิยม มือใหม่ทำตามได้ !
หุ้น คืออะไร? แบ่งเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง?
หุ้น คือ ตราสารทุนที่แสดงความเป็นเจ้าของบริษัท เมื่อนักลงทุนเข้าไปซื้อหรือเข้าไปลงทุนค่ะ โดยการที่บริษัทออกขายหุ้นก็เพื่อต้องการระดมเงินลงทุน ทั้งจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปนั่นเองค่ะ
ซึ่งหุ้นที่บริษัทเขาขายกันก็จะมี 2 ประเภท ได้แก่
- หุ้นสามัญ (Common Stock)
- หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock)
🔍 คุณน้ามีความรู้เพิ่มเติมที่เกี่ยวกับตราสารทุนหรือหุ้น คือ ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrants) หรือที่นักลงทุนเรียกว่า วอร์แรนท์ เป็นตราสารอนุพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับตราสารทุน ซึ่งผู้ถือวอร์แรนท์สามารถแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยมูลค่าของวอร์แรนท์ขึ้นอยู่กับมูลค่าของราคาหุ้นสามัญที่อ้างอิงและวอร์แรนท์สามารถนำมาจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างกำไรจากการลงทุนได้ค่ะ
หุ้นสามัญ คืออะไร?

หุ้นสามัญ (Common Stock) คือ ตราสารที่บริษัทออกให้ผู้ลงทุนเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของในบริษัท ทำให้ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิ์ออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น มีส่วนร่วมในการตัดสินใจต่าง ๆ ภายในบริษัทค่ะ
ลองคิดภาพว่า ถ้าเราซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เราก็เหมือนเป็นหุ้นส่วนเจ้าของบริษัทค่ะ คือ มีสิทธิ์มีเสียงในการตัดสินใจต่าง ๆ เวลาบริษัทมีประชุม เราจะได้ออกเสียงเลือกกรรมการ วางแผนนโยบาย หรือมีส่วนร่วมในการบริหารบริษัท เหมือนเป็นหุ้นส่วนนั่นเองค่ะ
💡หุ้นสามัญมีข้อดี คือ ถ้าบริษัททำกำไรได้ดี เราก็มีสิทธิ์ได้เงินปันผล หรือถ้าราคาหุ้นขึ้น เราก็สามารถนำหน่วยลงทุนไปขายทำกำไรในตลาดรองได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษอย่างการจองซื้อหุ้นใหม่ (Subscription Right) ก่อนใครอีกด้วยค่ะ
ทำไมต้องออกหุ้นสามัญ?
บริษัทออกขายหุ้นสามัญเพื่อระดมเงินทุนเข้าบริษัท ไปใช้ในการพัฒนาบริษัทหรือปัจจัยทางการเงินต่าง ๆ ทั้งนี้คุณน้าได้รวมเหตุผลที่บริษัทออกขายหุ้นสามัญมาบอก ดังนี้
- ระดมเงินทุนเพื่อขยายกิจการ
- ระดมเงินทุนเพื่อลดภาระหนี้สิน
- ระดมเงินทุนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องบริษัท
ผลตอบแทนหุ้นสามัญมีอะไรบ้าง?
หุ้นสามัญให้ผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้นได้ 2 รูปแบบ ดังนี้ค่ะ
- เงินปันผลหรือหุ้นปันผล
- ส่วนต่างของราคาหุ้น
ประเภทของหุ้นสามัญ มีอะไรบ้าง?
หุ้นสามัญสามารถแบ่งประเภทได้ตามลักษณะและมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ตามความเหมาะสมกับแผนการลงทุนค่ะ
หุ้นสามัญแบ่งตามลักษณะของหุ้น
หุ้นสามัญสามารถแบ่งตามลักษณะของหุ้นออกเป็นกลุ่ม ๆ ได้ โดยหุ้นแต่ละกลุ่มจะมีการเคลื่อนไหวของราคาและแบบแผนการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างกันไปค่ะ ซึ่งสามารถแบ่งหุ้นออกเป็น 8 กลุ่ม ดังนี้ค่ะ

หุ้น Blue Chip
หุ้น Blue Chip คือ หุ้นของธุรกิจที่ก่อตั้งมานาน เป็นขนาดใหญ่ มีอันดับความเชื่อถือ (Credit Rating) ในระดับสูง ที่สำคัญเป็นธุรกิจที่มีความสม่ำเสมอในการเติบโตของผลกำไร และยังมีการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นสามัญได้อย่างต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจจะดีหรือซบเซานั่นเองค่ะ
ตัวอย่างหุ้น Blue Chip ได้แก่ หุ้นในดัชนี SET 50 Index หรือ SET 100 Index ซึ่งมีการทบทวนดัชนีทุก 6 เดือนค่ะ
💡สำหรับนักลงทุนมือใหม่ คุณน้าแนะนำให้เริ่มลงทุนจากหุ้นกลุ่มนี้ก่อนค่ะ เพราะเป็นหุ้นที่ค่อนข้างปลอดภัยราคามีความผันผวนต่ำ แล้วยังได้รับเงินปันผลอย่างสม่ำเสมออีกด้วยค่ะ
หุ้น Growth Stock
หุ้น Growth Stock คือ หุ้นของธุรกิจที่อยู่ในช่วงเติบโต มีผลการดำเนินการเติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง ทั้งยอดขายและกำไร มีการเติบโตดีกว่าบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่เนื่องจากหุ้นในกลุ่มนี้อยู่ในช่วงกำลังเติบโตจึงมีการจ่ายปันผลในอัตราที่ต่ำ เมื่อเทียบกับกำไรที่ทำได้ค่ะ
💡 หากนักลงทุนสนใจในหุ้นประเภทนี้ คุณน้าขอแนะนำว่าให้เน้นทำกำไรจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นเป็นหลักนะคะ อย่าคาดหวังเงินปันผลมากนัก แต่ถ้าบริษัทเติบโตได้ดีมาก ราคาหุ้นก็อาจจะขึ้นสูงตามไปด้วยค่ะ
หุ้น Value Stock
หุ้น Value Stock คือ หุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงหรือธุรกิจเดียวกัน แต่มีการจ่ายเงินปันผลที่สูงกว่ากลุ่มธุรกิจเดียวกัน หุ้นกลุ่มนี้เหมาะกับการลงทุนระยะยาวค่ะ
💡 หากนักลงทุนสนใจในหุ้นประเภทนี้ คุณน้าขอแนะนำให้ถือไว้ยาว ๆ เลยค่ะ เพราะนอกจากจะได้เงินปันผลที่สูงแล้ว ในอนาคตถ้านักลงทุนเห็นว่าหุ้นกลุ่มนี้ราคาถูกเกินไปอาจเข้าซื้อ แล้วราคาหุ้นก็อาจจะปรับตัวขึ้นไปอีกได้ค่ะ
หุ้น Income Stock
หุ้น Income Stock หรือหุ้นปันผล (Dividend Stock) คือ หุ้นที่มีความผันผวนของราคาต่ำ ซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่มีการขยายตัวไม่สูงมาก แต่มีรายได้และกำไรสม่ำเสมอ แล้วยังสามารถจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่อง
หุ้นในกลุ่ม Income Stock สามารถวิเคราะห์และเลือกลงทุนได้จาก SET High Dividend 30 Index ซึ่งมีการทบทวนดัชนีทุก 6 เดือน
หุ้น Defensive Stock
หุ้นในกลุ่ม Defensive Stock คือ หุ้นของธุรกิจที่มีผลประกอบการดี มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ไม่ค่อยผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งหุ้นกลุ่มนี้มักจะเป็นบริษัทในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ เช่น กลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มอาหาร เป็นต้นค่ะ
💡 คุณน้าแนะนำสำหรับนักลงทุนที่กังวลเรื่องเศรษฐกิจและกลัวความเสี่ยงต่าง ๆ การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ถือว่าช่วยรักษาเงินต้นได้ดี แถมยังมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมออีกด้วยค่ะ
หุ้น Cyclical Stock
หุ้นกลุ่ม Cyclical Stock คือ หุ้นของธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทและราคาหุ้นผันผวนตามเศรษฐกิจด้วย ซึ่งหุ้นในกลุ่มนี้ ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ยานยนต์ เครื่องจักรหนัก การเดินเรือ โรงกลั่นน้ำมัน เป็นต้น
หุ้น Speculative Stock
หุ้น Speculative Stock คือ หุ้นของบริษัทใหม่หรือบริษัทขนาดเล็กที่มีความไม่แน่นอนของธุรกิจสูง ทำให้นักลงทุนมักเข้าซื้อหุ้นตามข่าว ส่งผลให้ราคาหุ้นผันผวนค่อนข้างสูง เนื่องจากนักลงทุนทำกำไรจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากข่าวหรือสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่จากผลประกอบการ
หุ้น Penny Stock
หุ้นในกลุ่ม Penny Stock คือ หุ้นของบริษัทที่มีราคาซื้อขายต่ำ ซึ่งในสหรัฐอเมริกาได้นิยาม Penny Stock ว่าเป็นหุ้นที่มีราคาซื้อขายต่ำกว่า 5 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ หรือในไทยนักลงทุนมักเรียกว่า “หุ้นจิ๋ว” ค่ะ
หุ้นสามัญแบ่งตามมูลค่าตลาด (Market Capitalization)
เวลาจะแบ่งว่าหุ้นตัวไหนเป็นหุ้นขนาดใหญ่ กลาง หรือเล็ก เราจะดูจากมูลค่าตลาดของบริษัทนั้น ๆ ค่ะ ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีเกณฑ์การแบ่งที่แตกต่างกันไป ซึ่งประเทศไทยสามารถแบ่งขนาดของหุ้นตามมูลค่าตลาดได้ 3 ประเภท คือ

หุ้นขนาดใหญ่ (Large Cap Stock)
Large Cap Stock คือ หุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงสุด 50 อันดับแรก หรือหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET 50 Index
หุ้นขนาดกลาง (Mid Cap Stock)
Mid Cap Stock คือ หุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงตั้งแต่ลำดับที่ 51 – 100 หรือหุ้นที่อยู่ลำดับ 51 – 100 ในดัชนี SET 100 Index
หุ้นขนาดเล็ก (Small Cap Stock)
Small Cap Stock คือ หุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ได้อยู่ใน SET 100 Index
ข้อดีและข้อเสียของหุ้นสามัญ
หุ้นสามัญดียังไง?
- สิทธิในความเป็นเจ้าของ ผู้ถือหุ้นสามัญเป็นเจ้าของบริษัทและมีสิทธิออกเสียงในการประชุม
- โอกาสได้รับผลตอบแทนสูง หากเงินผลประกอบการดีผู้ถือหุ้นสามัญอาจได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากเดิมค่ะ
- สภาพคล่องสูง ซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ง่ายในตลาดหุ้น
หุ้นสามัญมีอะไรต้องระวังบ้าง?
- ความเสี่ยงและความผันผวนสูง
- สิทธิในทรัพย์สินต่ำกว่าหุ้นบุริมสิทธิ หากบริษัทล้มละลาย ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้รับเงินคืนเป็นลำดับสุดท้าย
- เงินปันผลไม่แน่นอน หากผลประการไม่ดีบริษัทอาจไม่จ่ายเงินปันผลค่ะ
หุ้นบุริมสิทธิ คืออะไร?

หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) คือ ตราสารที่บริษัทออกให้ผู้ลงทุนเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของในบริษัทเหมือนหุ้นสามัญ โดยมีข้อแตกต่างที่น่าสนใจ คือ เราจะไม่มีสิทธิ์ออกเสียงในการประชุมบริษัท แต่จะได้สิทธิพิเศษอื่น ๆ แทน เช่น ได้รับเงินปันผลก่อน และถ้าบริษัทปิดกิจการ เราก็จะได้รับเงินคืนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญค่ะ แต่คุณน้าขอบอกก่อนนะคะว่า หุ้นประเภทนี้มีน้อยมาก และไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ เพราะสภาพคล่องค่อนข้างต่ำค่ะ
ทำไมต้องออกหุ้นบุริมสิทธิ?
บริษัทออกหุ้นบุริมสิทธิเพื่อระดมทุนไปพัฒนากิจการเหมือนหุ้นสามัญ แต่ที่บริษัทออกหุ้นบุริมสิทธิ เพราะว่าการระดมเงินทุนด้วยหุ้นบุริมสิทธิจะไม่ลดอำนาจของผู้บริหาร ทำให้พวกเขาสามารถควบคุมอำนาจได้ แล้วยังดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่มั่งคงอีกด้วยค่ะ
ผลตอบแทนหุ้นบุริมสิทธิมีอะไรบ้าง?
หุ้นบุริมสิทธิให้ผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้นได้ 2 รูปแบบ ได้แก่
- เงินปันผลหรือหุ้นปันผล แต่หุ้นบุริมสิทธิจะมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งขึ้นอยู่กับบริษัทว่าจะกำหนดดอกเบี้ยแบบคงที่หรือลอยตัวค่ะ
- ส่วนต่างของราคาหุ้น
ประเภทของหุ้นบุริมสิทธิ มีอะไรบ้าง?
หุ้นบุริมสิทธิแบบตามสิทธิประโยชน์ที่นักลงทุนได้รับ โดยสามารถแบ่งได้ 9 ประเภท ดังนี้

1. หุ้นบุริมสิทธิชนิดสะสม
หุ้นบุริมสิทธิชนิดสะสม คือ หุ้นบุริมสิทธิชนิดที่ผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลในปีที่ไม่ได้ประกาศจ่ายเงินปันผล โดยปีที่ไม่ได้จ่ายปันผลจะยกยอดไปรวมกับเงินปันผลปีถัดไป ถือเป็นหุ้นชนิดที่ผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลแน่นอน แม้ว่าปีนั้นจะไม่ได้มีการประกาศจ่ายปันผลค่ะ เพราะเงินปันผลนั้นจะถูกสะสมแล้วนำไปทบรวมกับเงินปันผลในปีถัดไปที่บริษัทมีการประกาศจ่ายเงินปันผลนั่นเองค่ะ
2. หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่สะสม
หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่สะสม คือ หุ้นบุริมสิทธิชนิดที่หากปีใดไม่ได้จ่ายเงินปันผล จะไม่สามารถยกยอดไปจ่ายในปีถัดไปได้ค่ะ
3. หุ้นบุริมสิทธิชนิดไถ่ถอนคืน
หุ้นบุริมสิทธิชนิดไถ่ถอนคืน คือ หุ้นบุริมสิทธิที่สามารถถูกเรียกคืน (Call Option) ในวันที่กำหนด หรืออาจถูกไถ่ถอนโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดเหตุบางอย่างที่ระบุไว้ในอนาคต คุณน้าขอยกตัวอย่างหุ้นบุริมสิทธิของ Ford Preferred Stock Series B ที่บริษัทสามารถไถ่ถอนได้ เมื่อมีผลประกอบการที่มั่นคงและต้องการลดต้นทุนนั่นเองค่ะ
4. หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่ไถ่ถอนคืน
หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่ไถ่ถอนคืน คือ หุ้นบุริมสิทธิที่ไม่สามารถไถ่ถอนคืนได้ นอกจากบริษัทเลิกกิจการ ซึ่งมีลักษณะคล้ายหุ้นสามัญ
5. หุ้นบุริมสิทธิชนิดร่วมรับ
หุ้นบุริมสิทธิชนิดร่วมรับ คือ หุ้นบุริมสิทธิที่ผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลร่วมกับผู้ถือหุ้นสามัญอีก หลังจากที่ได้รับเงินปันผลในอัตราที่กำหนดแล้ว
6. หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่ร่วมรับ
หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่ร่วมรับ คือ หุ้นบุริมสิทธิที่ได้รับเงินปันผลตามอัตราที่กำหนดเท่านั้น โดยปกติแล้วหุ้นบุริมสิทธิที่ออกส่วนใหญ่จะเป็นชนิดไม่ร่วมรับ
7. หุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพ
หุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพ คือ หุ้นบุริมสิทธิที่ผู้ถือสามารถแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ตามอัตราและระยะเวลาที่กำหนดไว้
8. หุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพไม่ได้
หุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพไม่ได้ คือ หุ้นบุริมสิทธิที่ผู้ถือไม่สามารถแปลงเป็นหุ้นสามัญได้
9. หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่จ่ายเงินปันผล
หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่จ่ายเงินปันผล คือ หุ้นบุริมสิทธิที่ผู้ถือไม่มีสิทธิได้รับเงินปันผล โดยจะได้รับผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นบุริมสิทธิเท่านั้นค่ะ
ข้อดีและข้อเสียของหุ้นบุริมสิทธิ
หุ้นบุริมสิทธิดียังไง?
- ได้รับเงินปันผลคงที่
- มีสิทธิในการเรียกร้องทรัพย์สินก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ หากบริษัทเลิกกิจการหรือล้มละลาย
- สามารถแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้เมื่อถึงเวลาที่กำหนด แต่ขึ้นอยู่กับประเภทของหุ้นบุริมสิทธินะคะ
หุ้นบุริมสิทธิมีอะไรต้องระวังบ้าง?
- ได้รับเงินปันผลจำกัด แม้ว่ากิจการจะทำกำไรได้มากก็ตามค่ะ
- ไม่มีสิทธิลงคะแนนในที่ประชุมของผู้ถือหุ้น
ความแตกต่างของหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ
ความแตกต่างของหุ้นสามัญกับหุ้นบุริมสิทธิ คือ เรื่องสิทธิของการออกเสียง เนื่องจากผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุม ส่วนเงินปันผลได้ตามอัตราคงที่ จะมากหรือน้อยกว่าหุ้นสามัญก็ได้ค่ะ แต่หุ้นสามัญผู้ถือหุ้นสามารถออกเสียงได้ตามสัดส่วนของหุ้นที่ถือครองอยู่ และในกรณีที่กิจการล้มละลายการขายสินทรัพย์เพื่อมาชำระหนี้ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับก่อนผู้ถือหุ้นสามัญค่ะ

นักลงทุนได้รับประโยชน์จากการลงทุนหุ้นอย่างไร?
นักลงทุนอาจสงสัยว่าการลงทุนในหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิล้วนมีความเสี่ยง แล้วอย่างนี้นักลงทุนจะได้ประโยชน์อะไรบ้างจากการลงทุน ดังนั้น คุณน้าขอยกตัวอย่างข้อดีของการลงทุนในหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ ดังนี้
1. มีโอกาสได้รับผลตอบแทน
การลงทุนในหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิจะช่วยให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผล, การได้รับกำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Grain) ในกรณีที่ราคาของหุ้นเพิ่มขึ้น หรือแม้แต่การได้รับสิทธิประโยชน์ก่อนนักลงทุนรายอื่น ๆ
💡 ยกตัวอย่างเช่น บริษัท A ต้องการออกหุ้นใหม่ เพื่อขยายการลงทุนในกิจการเพิ่มเติม โดยผู้ถือหุ้นตัวอื่น ๆ ในบริษัท A อยู่แล้ว จะมีสิทธิ์ในการจองหุ้นใหม่ก่อนนักลงทุนทั่วไปนั่นเอง
2. มีสภาพคล่องที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
ในกรณีที่นักลงทุนต้องการซื้อขายหรือเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้น นักลงทุนสามารถทำได้โดยทันทีค่ะ เพราะหุ้นเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง และสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี หุ้นแต่ละตัวก็มีสภาพคล่องที่แตกต่างกันนะคะ โดยนักลงทุนควรเลือกหุ้นในบริษัทที่มีพื้นฐานดีหรือหุ้นเด่นในปีนี้ เพราะจะเป็นบริษัทที่ได้รับความสนใจแก่นักลงทุน ทำให้มีโอกาสในการซื้อง่ายและขายคล่องมากขึ้นนั่นเองค่ะ
3. สร้างความมั่นคงในระยะยาว
การลงทุนในหุ้นจะสามารถสร้างความมั่นคงในระยะยาวได้ ในกรณีที่นักลงทุนเลือกหุ้นที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต เพราะมูลค่าของหุ้นจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของบริษัทนั่นเอง
*หมายเหตุ : หุ้นเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ดังนั้น นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและรอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหุ้น
บริษัทไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ในกรณีใดบ้าง?
บริษัทไม่สามารถจ่ายปันผลได้ในกรณี ดังต่อไปนี้
- ขาดทุนสะสม
- ขาดสภาพคล่องในบริษัท
- มติการประชุมในบริษัท อาจนำเงินไปขยายกิจการต่อแทนการจ่ายปันผล
การที่กิจการซื้อหุ้นสามัญคืน จะมีผลกระทบต่อกำไรต่อหุ้นอย่างไร?
การซื้อหุ้นสามัญคืนจะทำให้กำไรต่อหุ้น (EPS) สูงขึ้น เนื่องจากจำนวนหุ้นที่มีในตลาดลดลง โดยไม่จำเป็นต้องมีการเพิ่มกำไรสุทธิค่ะ
ทำไมบริษัทต้องซื้อหุ้นคืน?
ที่บริษัทซื้อหุ้นคืนเพราะเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผู้ถือหุ้นและลดการยึดอำนาจจากภายนอกนั่นเองค่ะ
หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิในเรื่องใดบ้าง?
หุ้นบุริมสิทธิได้รับเงินปันผลก่อนและมีสิทธิในการได้รับเงินคืนก่อนหากบริษัทเลิกกิจการ อีกทั้ง ยังมีหุ้นบุริมสิทธิบ้างประเภทที่สามารถแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้ค่ะ
หุ้น 8 กลุ่ม มีอะไรบ้าง?
หุ้นสามัญสามารถแบ่งตามลักษณะของหุ้นออกเป็นกลุ่ม 8 กลุ่ม ได้แก่ 1. Blue Chip 2. Growth Stock 3. Value Stock 4. Income Stock 5. Defensive Stock 6. Cyclical Stock 7. Speculative Stock 8. Penny Stock
หุ้นกู้ คืออะไร?
หุ้นกู้เป็นตราสารหนี้ที่บริษัทออกเพื่อระดมทุน โดยผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนด แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น
หุ้นกู้กับหุ้นสามัญต่างกันอย่างไร?
หุ้นกู้คือตราสารหนี้มีสถานะเป็นเจ้าหนี้ ส่วนหุ้นสามัญคือตราสารทุนมีสถานะเป็นเจ้าของค่ะ
สรุป หุ้น คืออะไร?
หุ้น คือ ตราสารทุนที่กิจการออกให้กับผู้ถือ เพื่อทำการระดมทุนไปบริหารกิจการ โดยให้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผลซึ่งขึ้นอยู่กับกำไรและนโยบายที่ตกลงตอนแรกกับกิจการ โดยหุ้นสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. หุ้นสามัญ และ 2. หุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งทั้งสองประเภทมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการ แต่แตกต่างกันตรงที่หุ้นสามัญจะมีสิทธิ์ออกเสียงในที่ประชุม ส่วนหุ้นบุริมสิทธิไม่มีสิทธิ์ออกเสียงในที่ประชุม อีกทั้งเรื่องเงินปันผลที่ได้รับนั้น หุ้นสามัญจะได้รับตามการเติบโตของกิจการ ส่วนหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับตามอัตราส่วนคงที่และได้รับก่อนหุ้นสามัญนั่นเอง
อย่างไรก็ดี ก่อนลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทใด นักลงทุนควรศึกษารายละเอียดของเงื่อนไข, ผลตอบแทน, กำไร รวมถึงความเสี่ยง เพื่อให้นักลงทุนเข้าใจหลักทรัพย์ที่ลงทุน และสามารถเลือกประเภทสินทรัพย์ได้เหมาะสมกับสไตล์การลงทุนของตนเองค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : Investopedia
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge