คงเคยเห็นกันผ่าน ๆ ตามาบ้างแล้วใช่ไหมคะ ในช่วงอาจจะมีกระแสหุ้นมีมบ้าง แต่คิดว่าหลายคนคงสงสัยกันใช่ไหมคะว่ามันคืออะไร ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เดี๋ยวคุณน้าจะพาทุกคนไปดูกันค่ะว่า หุ้นมีม คืออะไร และมีจุดกำเนิดมาจากอะไร
หุ้นมีม (Meme Stock)
หุ้นมีม หรือที่เราเรียกว่า Meme Stock นั้นก็คือหุ้นที่มีอัตราการเติบโตจากกระแสในโซเชียลมีเดีย ไม่ใช่จากการเติบโตของบริษัทจริง ๆ เช่น กระแสที่เกิดใน Reddit หรือ Twitter นั่นเองค่ะ ซึ่งนี่เองก็เป็นเหตุผลที่ว่าหุ้นเหล่านี้มักจะมาไวไปไวนั่นเองค่ะ
ตัวอย่างของหุ้นมีม เช่น GameStop, AMC และ BlackBerry เพราะว่าตัวบริษัทเองก็ไม่ได้มีผลประกอบการที่ดีนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่หุ้นของทั้ง 3 บริษัทนี้กลับไวรัลบนกระทู้ของ Reddit และทำให้ราคาพุ่งสูงมากในต้นปีที่ผ่านมา โดยหุ้นของ BlackBerry นั้นได้เพิ่มขึ้นมาถึง 3 เท่า ในขณะที่ AMC นั้นเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า และ GameStop ได้เพิ่มขึ้นกว่า $100 ในระยะเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้นค่ะ
หุ้นมีมทำงานอย่างไร ?
หุ้นมีมนั้นดังขึ้นมาได้ก็เพราะว่ามีการพูดถึงในสังคมออนไลน์ และด้วยกระแสของมันจึงทำให้ราคาขึ้นและลงไวได้เช่นกันค่ะ ด้วยราคาที่พุ่งสูงขึ้นไม่ได้มีนัยยะและบริษัทก็ไม่ได้มี Performance ที่ดี ส่งที่ตามมาคือราคาร่วงอย่างหนักนั่นเอง ซึ่งสามารถอธิบายวัฏจักรของหุ้นมีมได้ดังนี้
- Early Adopter Phase: เป็นช่วงที่นักลงทุนเชื่อว่าหุ้นนั้น ๆ เป็นม้ามืดและเริ่มเข้าซื้อเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ราคาของหุ้นนั้นค่อยๆ ไต่ขึ้นมาอย่างช้าๆ
- Middle Phase: เป็นช่วงที่คนกำลังให้ความสนใจกับหุ้นตัวนี้ บุคคลทั่วไปเริ่มเข้าซื้อมากขึ้น จึงเท่าให้ราคาหุ้นนั้นพุ่งไปสูงมาก
- Late/FOMO Phase: เป็นช่วงที่หุ้นนี้กำลังเป็นที่พูดถึงในโซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มออนไลน์ ดังนั้นจึงเกิดอุปทานหมู่ให้คนแห่เข้ามาซื้อ
- Profit-Taking Phase: หลังจากผ่านไปหลายวัน ราคาก็เริ่มตกลง เหมือนกับตอนซื้อที่เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่เพราะว่าคนก็กลัวขาดทุน จึงพากันเทขายนั่นเอง
ด้วยวัฏจักรนี้คนกลุ่มแรกจึงเป็นบุคคลที่ได้กำไรจริงๆ จากหุ้นมีม และเมื่อไหร่ที่หุ้นเริ่มเข้าสู่ช่วง FOMO Phase แล้วล่ะก็ เมื่อนั้นก็จะถือว่าช้าไปแล้วสำหรับโอกาสทำเงินกับหุ้นมีม
อย่างไรก็ตามในการที่จะลงทุนกับหุ้นมีมนั้นเราต้องทำการศึกษาไว้ให้มากๆ ค่ะ เนื่องจากมีความผันผวนของราคาที่ค่อนข้างมาก และยังเป็นหุ้นที่ต้องอาศัยความไวของข่าวสาร ดังนั้นคุณน้าพาเทรดจึงขอแนะนำให้ทุกคนมั่นใจในฝีมือของตัวเองก่อนที่จะทำการซื้อนะคะ เพราะว่าไม่เช่นนั้นอาจจะขาดทุนอย่างมหาศาลได้เลยล่ะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : Investopedia
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : คลิกที่นี่
คลังความรู้จากคุณน้า : คลิกที่นี่