Stock101: ประเภทของหุ้น คือ หุ้นสามัญ และ หุ้นบุริมสิทธิ แตกต่างกันอย่างไร

ประเภทของหุ้น คือ หุ้นสามัญ และ หุ้นบุริมสิทธิ แตกต่างกันอย่างไร
Table of Contents

การลงทุนในปัจจุบัน นักลงทุนต้องมีการศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ของหลักทรัพย์แต่ละประเภท ว่ามีผลตอบแทน กำไรสุทธิต่อปี ความเสี่ยงยังไงบ้าง ซึ่งหลักทรัพย์มีหลายประเภทด้วยกัน เช่น ตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์ เป็นต้น และในบทความนี้จะมาพูดถึงในส่วนของ “ประเภทของหุ้น” หรือตราสารทุน (Share) กันค่ะ

ตราสารทุนหรือหุ้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ หุ้นสามัญ (Common Stock) และ หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) โดยประเภทหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิแตกต่างกันอย่างไร? ไปหาคำตอบกันค่ะ!

บทความเกี่ยวกับหุ้นเพิ่มเติม :


หุ้นสามัญ (Common Stock)

ประเภทของหุ้น หุ้นสามัญ (Common Stock) คืออะไร?

หุ้นสามัญ (Common Stock) คือ ตราสารที่บริษัทออกจำหน่าย เพื่อให้สิทธิแก่ผู้ถือในการร่วมเป็นเจ้าของบริษัท ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อร่วมตัดสินใจในการบริหาร การวางนโยบายการดำเนินการของบริษัท การเลือกตั้งกรรมการของบริษัท และเพื่อร่วมตัดสินใจในปัญหาสำคัญของบริษัท 

ผู้ถือหุ้นสามัญมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล เมื่อบริษัทมีกำไรและอนุมัติให้มีการจ่ายเงินปันผล หรือเมื่อราคาหุ้นในตลาดรองสูงขึ้นก็สามารถนำไปขาย เพื่อรับส่วนต่างจากราคาหุ้นที่ซื้อมา (Capital Gain) นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นจะได้รับสิทธิจองหุ้นใหม่ (Right) เมื่อบริษัทต้องการจะเพิ่มทุนด้วย

หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock)

ประเภทของหุ้น หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) คืออะไร?

หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) คือ ตราสารที่ผู้ถือมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการเช่นเดียวกับหุ้นสามัญ เพียงแต่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิไม่มีสิทธิออกเสียงในการบริหาร และมีข้อแตกต่างจากหุ้นสามัญ คือ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับสิทธิในการชำระคืนเงินทุนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญกรณีที่บริษัทเลิกกิจการ ในส่วนของผลตอบแทน ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับเงินปันผลก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ ​​หุ้นประเภทนี้มีไม่มากนักในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากมีสภาพคล่องต่ำ ทำให้การซื้อขายไม่ค่อยเป็นที่นิยมสำหรับนักลงทุนมากนัก

ประเภทของหุ้นบุริมสิทธิ มีอะไรบ้าง?

1. หุ้นบุริมสิทธิชนิดสะสม

คือ หุ้นบุริมสิทธิชนิดที่ผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลในปีที่ไม่ได้ประกาศจ่ายเงินปันผล

2. หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่สะสม

คือ หุ้นบุริมสิทธิชนิดที่หากปีใดไม่ได้จ่ายเงินปันผล จะไม่สามารถยกยอดไปจ่ายในปีถัดไป

3. หุ้นบุริมสิทธิชนิดร่วมรับ

คือ หุ้นบุริมสิทธิที่ผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลร่วมกับผู้ถือหุ้นสามัญอีก หลังจากที่ได้รับเงินปันผลในอัตราที่กำหนดแล้ว

4. หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่ร่วมรับ

คือ หุ้นบุริมสิทธิที่ได้รับเงินปันผลตามอัตราที่กำหนดเท่านั้น


ความแตกต่างของหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ

ความแตกต่างของหุ้นสามัญกับหุ้นบุริมสิทธิ คือ เรื่องสิทธิของการออกเสียง เนื่องจากผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุม ส่วนเงินปันผลได้ตามอัตราคงที่ จะมากหรือน้อยกว่าหุ้นสามัญก็ได้ค่ะ เช่นเดียวกับหุ้นกู้ แต่หุ้นสามัญ ผู้ถือหุ้นสามารถออกเสียงได้ตามสัดส่วนของหุ้นที่ถือครองอยู่ ส่วนในเรื่องของกรณีที่กิจการการขายสินทรัพย์เพื่อมาชำระหนี้ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับก่อนผู้ถือหุ้นสามัญค่ะ

นักลงทุนได้รับประโยชน์จากการลงทุนหุ้นอย่างไร?

นักลงทุนหลาย ๆ คน คงเกิดความสงสัยว่า หุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิล้วนมีความเสี่ยงทั้งสิ้น แล้วอย่างนี้นักลงทุนจะได้รับประโยชน์อะไรจากการลงทุนในหุ้นเหล่านี้กัน โดยคุณน้าขอยกตัวอย่าง 3 ข้อดีที่นักลงทุนควรลงทุนในหุ้นสามัญ และหุ้นสามัญ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

1. มีโอกาสได้รับผลตอบแทน

การลงทุนในหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิจะช่วยให้คุณได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผล, การได้รับกำไรส่วนต่าง (Capital Grain) ในกรณีที่ราคาของหุ้นเพิ่มขึ้น หรือแม้แต่การได้รับสิทธิประโยชน์ก่อนนักลงทุนรายอื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น บริษัท A ต้องการออกหุ้นใหม่ เพื่อขยายการลงทุนในกิจการเพิ่มเติม โดยผู้ถือหุ้นตัวอื่น ๆ ในบริษัท A อยู่แล้ว จะมีสิทธิ์ในการจองหุ้นใหม่ก่อนนักลงทุนทั่วไปนั่นเอง

2. มีสภาพคล่องที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้

ในกรณีที่นักลงทุนต้องการซื้อขายหรือเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้น คุณสามารถทำได้โดยทันทีค่ะ เพราะหุ้นเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง และสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี หุ้นแต่ละตัวก็มีสภาพคล่องที่แตกต่างกันนะคะ โดยคุณควรเลือกหุ้นในบริษัทที่มีพื้นฐานดีหรือหุ้นเด่นในปีนี้ เพราะจะเป็นบริษัทที่ได้รับความสนใจแก่นักลงทุน ทำให้มีโอกาสในการซื้อง่ายและขายคล่องมากขึ้นนั่นเองค่ะ

3. สร้างความมั่นคงในระยะยาว

การลงทุนในหุ้นจะช่วยให้คุณสามารถสร้างความมั่นคงในระยะยาวได้ ในกรณีที่คุณเลือกหุ้นที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต เพราะมูลค่าของหุ้นจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของบริษัทนั่นเอง

*หมายเหตุ : หุ้นเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ดังนั้น คุณควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและรอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสม


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหุ้น

หุ้นแบ่งเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง?

หุ้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. หุ้นสามัญ (Common Stock) และ 2. หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock)

หุ้นสามัญมีลักษณะอย่างไร?

หุ้นสามัญเป็นตราสารที่บริษัทจัดจำหน่าย เพื่อให้สิทธิแก่ผู้ถือในการร่วมเป็นเจ้าของบริษัท ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิ์ออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยผู้ถือหุ้นจะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผล เมื่อบริษัทมีกำไรที่เพิ่มมากขึ้น

หุ้นบุริมสิทธิ คืออะไร มีกี่ประเภท อะไรบ้าง?

หุ้นบุริมสิทธิ คือ ตราสารที่ผู้ถือมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการเช่นเดียวกับหุ้นสามัญ เพียงแต่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิไม่มีสิทธิ์ออกเสียงในการบริหาร แต่ในส่วนของการได้รับเงินปันผล หุ้นบุริมสิทธิจะได้รับก่อนหุ้นสามัญ สำหรับประเภทของหุ้นบุริมสิทธิมีทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่ หุ้นบุริมสิทธิชนิดสะสม, หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่สะสม, หุ้นบุริมสิทธิชนิดร่วมรับ และหุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่ร่วมรับ


สรุปประเภทของหุ้น

หุ้น คือ ตราสารทุนที่กิจการออกให้กับผู้ถือ เพื่อทำการระดมทุนไปบริหารกิจการ โดยให้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผลซึ่งขึ้นอยู่กับกำไรและนโยบายที่ตกลงตอนแรกกับกิจการ โดยหุ้นสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. หุ้นสามัญ และ 2. หุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งทั้งสองประเภทมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการ แต่แตกต่างกันตรงที่หุ้นสามัญจะมีสิทธิ์ออกเสียงในที่ประชุม ส่วนหุ้นบุริมสิทธิไม่มีสิทธิ์ออกเสียงในที่ประชุม อีกทั้งเรื่องเงินปันผลที่ได้รับนั้น หุ้นสามัญจะได้รับตามการเติบโตของกิจการ ส่วนหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับตามอัตราส่วนคงที่และได้รับก่อนหุ้นสามัญนั่นเอง

อย่างไรก็ดี ก่อนลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทใด คุณควรศึกษารายละเอียดของเงื่อนไข, ผลตอบแทน, กำไร รวมถึงความเสี่ยง เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจหลักทรัพย์ที่ลงทุน และสามารถเลือกประเภทสินทรัพย์ได้เหมาะสมกับสไตล์การลงทุนของตนเองค่ะ


ขอบคุณข้อมูลจาก : Investopedia

สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge

คุณหลาน
คุณหลาน
Recent Post
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 16 ธันวาคม 2567
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 16 ธันวาคม 2567 By คุณน้าพาเทรด

วิเคราะห์ทองคำวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ซึ่งมีข่าวสำคัญจากสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลงไปที่บริเวณ 2,645-2,647 ดอลลาร์ และเกิด QM ค่ะ

แนะนำ 10 หุ้นน่าลงทุน ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส
แนะนำ 10 หุ้นน่าลงทุน ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส

คุณน้าจะขอแนะนำ 10 หุ้นน่าลงทุนต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส ไปกับตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนจะเริ่มต้นปี 2025 กันค่ะ

วิเคราะห์ทองคำวันที่ 11 ธันวาคม 2567
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 11 ธันวาคม 2567 By คุณน้าพาเทรด

สวัสดีสายเทรดทองทุกท่านนะคะ วันนี้มาติดตามวิเคราะห์ทองคำประจำวันพุธที่ 11 ธันวาคม 2567 กันค่า วิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ เมื่อวานนี้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 33 ดอลลาร์