ดูเหมือนว่าอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ทั่วโลกนั้นจะต้องมีการปรับลดการผลิตลงภายใน 2 ปีข้างหน้าค่ะ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุหลักก็มาจากสงครามที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
3 สาเหตุหลักที่ทำให้การผลิตลดลง
- โรงงานในยุโรปตะวันออกปิดตัวลง
- ราคาวัตถุดิบที่มีราคาอยู่แล้ว ปรับราคาสูงขึ้นอีก
- โรงงานบางแห่งในยูเครนต้องหยุดจากสงคราม
ซึ่งในเดือนมีนาคมทาง S&P Global Mobility (หรือชื่อเดิม) IHS Markit ที่เป็นบริษัทให้ข้อมูลและการวิเคราะห์เกี่ยวกับยานยนต์ขนาดเล็กที่น่าเชื่อถืออันดับต้น ๆ ของโลกได้มีการปรับลดคาดการณ์การผลิตรถยนต์ทั่วโลกลง 2.6 ล้านคันในปี 2565 และ 2566 เลยทีเดียว โดยสาเหตุหลักอันเนื่องจากความขัดแย้งจากสงครามเป็นหลัก แถมยังมีคาดการณ์เบื้องต้นสำหรับ Worst Case ที่ 4 ล้านคันค่ะ
แถมยังมีการคาดการณ์การผลิตรถยนต์ของยุโรปคาดว่าจะลดลงประมาณ 9% – ประมาณ 1 ล้านคันอีกด้วย ซึ่งถ้านับตามนี้บางส่วนอาจเกิดจากการสูญเสียยอดขายรถยนต์ในรัสเซียและยูเครนโดยตรงค่ะ แต่ในอีกมุมนึง 2 ประเทศนี้นั้นเป็นนับเป็นสัดส่วนเล็ก ๆ ของตลาดยานยนต์ทั่วโลก หรือประมาณ 2% ของยอดรวมในปี 2564 เท่านั้น
และะนอกจากเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่น่ากังวลที่ใหญ่กว่าคือการขาดแคลนวัสดุและชิ้นส่วนที่ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปด้วยเช่นกันค่ะ เพราะหากว่าสงครามนั้นยังดำเนินต่อไปก็สามารถทำให้ราคานั้นพุ่งสูงยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์สินเชื่อของ S&P Global Ratings ยังคาดการณ์ว่าในปี 2565 ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกจะลดลง 2% ต่ำกว่าระดับปี 2564 นั่นคือการลดลงค่อนข้างมาก เพราะในตอนแรกมีการคาดการณ์ว่าปี 2565 จะโตขึ้น 4 – 6% เลยค่ะ (คาดการณ์ไว้ก่อนที่จะเกิดสงคราม)
และตอนนี้อุตสาหกรรมก็หยุดชะงักเลยค่ะ ในส่วนของการหาชิ้นส่วนจำเป็นจากทั้งยูเครนและรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายรัดสายไฟจากยูเครน ส่วนวัตถุดิบที่มีความเสี่ยงก็มาจากทางรัสเซีย เนื่องจากผลิตแพลเลเดียมดิบประมาณ 40% ของโลก ซึ่งใช้สำหรับการทำความสะอาดไอเสียจากรถยนต์ นอกจากนี้ภูมิภาคนี้ยังเป็นผู้ผลิตนิกเกิ ซึ่งใช้ในแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงแร่ธาตุและโลหะทั่วไป เช่น เหล็ก ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
แบบนี้ถ้าสงครามยังดำเนินต่อไปนี่มีแต่เสียกับเสียอย่างแน่นอนค่ะ คุณน้าขอเป็นส่วนหนึ่งที่เรียกร้องให้รัสเซียหยุดใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ และขอให้สันติภาพเกิดขึ้นอย่างไวที่สุดค่ะ