วันนี้คุณน้าชวนมารู้จักทฤษฎี Reflexivity ที่มหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลกนั้นได้นำมาปรับใช้ในการลงทุนของเขาจนประสบความสำเร็จกัน ถ้าพูดถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงจากการลงทุนในตำนานและยังคงมีชื่อเสียงอยู่ในยุคนี้ด้วยแล้วละก็ หลาย ๆ คนคงจะคิดถึงคุณ George Soros แน่นอนค่ะ เพราะคุณจอร์จนั้นเรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนเป็นอย่างมาก ทั้งจากการมองตลาดได้อย่างเฉียบขาด การวางแผน นับว่าเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่นักลงทุนทั่วโลกเอาเป็นแบบอย่างเลยทีเดียวค่ะ
George Soros คือใคร ?
George Soros เกิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ.1930 ที่ประเทศฮังการี เขาเรียนจบด้านปรัชญาหลังจากนั้นเขาได้ไปเรียนต่อทางด้านเศรษฐศาสตร์ เมื่อเรียบจบเขาได้ทำงานที่ธนาคารและเก็บเงินเปิดกองทุน Hedge fund เพื่อแสวงหากำไรในการลงทุนนี่จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของมหาเศรษฐี จนปี 1992 เขาได้รับฉายา “ชายหนุ่มผู้ทำลายธนาคารอังกฤษ” เพราะจากเหตุการณ์ที่ได้ทำการขายช็อตจากค่าสกุลเงินปอนด์และได้กำไรพันล้านดอลลาร์ในชั่วข้ามคืน แถมยังได้รับฉายา “พ่อมดแห่งโลกการลงทุน” อีกด้วย เพราะไม่ว่าจะขยับเขยื้อนหรือจะลงทุนอะไรก็สะเทือนไปทุกอย่างจริง ๆ ค่ะ
ทฤษฎี Reflexivity หรือทฤษฎีสะท้อนกลับ คืออะไร ?
การสะท้อนกลับในทางเศรษฐศาสตร์เป็นทฤษฎีที่มีวงจรป้อนกลับซึ่งการรับรู้ของนักลงทุนส่งผลต่อปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะเปลี่ยนการรับรู้ของนักลงทุนในแบบเดิมไปค่ะ ทฤษฎีการสะท้อนกลับมีรากฐานมาจากสังคมวิทยา แต่ในโลกของเศรษฐศาสตร์และการเงินเนี่ย
คุณจอร์จ โซรอส เชื่อว่า “การสะท้อนกลับหักล้างทฤษฎีเศรษฐศาสตร์กระแสหลักส่วนใหญ่ และควรกลายเป็นจุดสนใจหลักของการวิจัยทางเศรษฐกิจ และถึงกับกล่าวอ้างอย่างยิ่งใหญ่ว่า “ทำให้เกิดศีลธรรมใหม่และญาณวิทยาใหม่” เลยทีเดียว
ทฤษฎีการสะท้อนกลับนั้นจะทำให้นักลงทุนไม่ได้ตัดสินใจบนพื้นฐานของความเป็นจริง แต่อาศัยการรับรู้ถึงความเป็นจริงแทน การกระทำที่เกิดจากการรับรู้เหล่านี้มีผลกระทบต่อความเป็นจริงหรือปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งจะส่งผลต่อราคา กระบวนการนี้เสริมสร้างตัวเองและมีแนวโน้มไปสู่ความไม่สมดุล ทำให้ราคาแยกออกจากความเป็นจริงมากขึ้น คุณจอร์จมองว่าวิกฤตการเงินโลกเป็นตัวอย่างของทฤษฎีนี้เลยค่ะ ตัวอย่างเช่น ราคาบ้านที่เพิ่มสูงขึ้นชักจูงให้ธนาคารต่าง ๆ เพิ่มการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และในทางกลับกัน การปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นก็ช่วยผลักดันราคาบ้านให้สูงขึ้น หากไม่ตรวจสอบราคาที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดฟองสบู่ราคา ซึ่งสุดท้ายก็พังทลายลง ส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินและภาวะถดถอยครั้งใหญ่ได้เลยทีเดียว
สรุป
George Soros หรือพ่อมดในโลกการลงทุน ได้มีการใช้ทฤษฎี Reflexivity (ทฤษฎีสะท้อนกลับ) ที่ทำให้นักลงทุนไม่ได้ตัดสินใจบนพื้นฐานของความเป็นจริง แต่อาศัยการรับรู้ความเป็นจริงแทน ซึ่งการกระทำที่เกิดขึ้นนั้นมีผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานทำให้ราคาเกิดแนวโน้มความไม่สมดุลจนเป็นวิกฤตทางการเงินเลยทีเดียวค่ะ
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : คลิกที่นี่
คลังความรู้จากคุณน้า : คลิกที่นี่