PMI คืออะไร? ทำไมเทรดเดอร์ควรติดตามข่าว PMI

PMI คืออะไร? ทำไมเทรดเดอร์ควรติดตามข่าว PMI

PMI คืออะไร? ทำไมเทรดเดอร์ควรติดตามข่าว PMI
Table of Contents

การเป็นเทรดเดอร์หรือนักลงทุนจำเป็นอย่างมากที่ต้องรู้แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศหรือภูมิภาคนั้น ๆ เพราะถ้าเรารู้ข้อมูลเหล่านี้แล้ว จะทำให้สามารถคาดการณ์สิ่งที่จะที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งหนึ่งใน Indicators ที่นักลงทุนมืออาชีพมักจะใช้เป็นประจำเพื่อวิเคราะห์ดูแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคตก็คือ “ดัชนี PMI” วันนี้คุณน้าจึงได้รวบรวมสิ่งที่เทรดเดอร์ควรรู้เกี่ยวกับดัชนี PMI มาไว้ให้แล้ว ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลยค่ะ

*หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงบทความให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการชักชวนเพื่อลงทุนแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

PMI คืออะไร?

PMI (Purchasing Managers Index) หรือดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ คือ ดัชนีที่ใช้วัดการเติบโตของธุรกิจภาคการผลิตและบริการ โดยดัชนี PMI จะเป็นตัวชี้วัดการเติบโตของเศรษฐกิจ ทำให้ธนาคารกลางใช้ข้อมูลนี้ร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ อย่างข้อมูล Gross Domestic Product (GDP) ในการกำหนดนโยบายทางการเงินค่ะ นอกจากนี้ นักลงทุนยังใช้ข้อมูล PMI ในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental) เพื่อเข้าลงทุนในตลาดการเงินอีกด้วยค่ะ


PMI คืออะไร?


ใครเป็นคนจัดทำดัชนี PMI

สำหรับดัชนี PMI ไม่ได้ถูกจัดทำโดยองค์กรใดองค์กรหนึ่งแต่ร่วมกันจัดทำกับสถาบันหรือองค์กรต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ ดังนี้ค่ะ

ผู้จัดทำดัชนี PMI ภายในประเทศไทย

  • ธนาคารกลางแห่งประเทศไทย : จัดทำดัชนี “PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ” ร่วมกับ Markit Economics* ซึ่งในปัจจุบันควบรวมกิจการกับ S&P Global Market Intelligence ค่ะ
  • สมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งประเทศไทย : จัดทำดัชนี “PMI ภาคการผลิต”

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับ Markit Economics

Markit Economics คือ บริษัทที่มีการจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการสำรวจธุรกิจมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นบริษัทที่เผยแพร่ข้อมูล PMI ในหลายประเทศค่ะ โดยทางบริษัทจะทำการรวบรวมข้อมูลกว่า 20,000 บริษัท ใน 30 ประเทศทั่วโลก เพื่อจัดทำ PMI 4 ดัชนี ได้แก่ 

  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคก่อสร้าง
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคค้าปลีก

ปัจจุบัน Markit Economics ได้ควบรวมกิจการกับ S&P Global Market Intelligence และดำเนินการภายใต้ชื่อ S&P Global Market Intelligence นั่นเอง

ผู้จัดทำดัชนี PMI ในต่างประเทศ

  • S&P Global : จัดทำดัชนี PMI ในกว่า 30 ประเทศทั่วโลก
  • ISM (Institute for Supply Management) : จัดทำดัชนี PMI ในประเทศสหรัฐอเมริกา
  • Caixin Media Company Ltd : จัดทำดัชนี PMI ในประเทศจีน


PMI แบ่งเป็นกี่ดัชนี?

ดัชนี PMI แบ่งเป็น 2 ดัชนีหลัก ดังนี้

  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI)
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (Non-Manufacturing PMI หรือ Services PMI)

ตัวแปรที่ใช้ในการคำนวณดัชนี PMI

ในการคำนวณดัชนี PMI จะมีการคำนึงถึง 5 ตัวแปรและมีค่าน้ำหนักที่นำมาใช้ในการคำนวณในแต่ละตัวแปรไม่เท่ากัน ดังนี้ค่ะ

  • คำสั่งซื้อใหม่ (New Order) ให้ค่าน้ำหนัก 0.30
  • ผลผลิต (Output) ให้ค่าน้ำหนัก 0.25
  • การจ้างงาน (Employment) ให้ค่าน้ำหนัก 0.20
  • เวลาขนส่งของวัตถุดิบ (Supplier’s Delivery Times) ให้ค่าน้ำหนัก 0.15
  • สินค้าคงคลังวัตถุดิบ (Stock of items Purchased) ให้ค่าน้ำหนัก 0.10

โดยทั้ง 5 ตัวแปรนี้ จะบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยหากเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ผู้จัดการฝ่ายซื้อจะมีการเร่งซื้อวัตถุดิบเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันนี้ ดังนั้น ผลสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อหรือ PMI ก็จะเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่าเศรษฐกิจเติบโตเพิ่มขึ้นนั่นเอง


สูตรการคำนวณดัชนี PMI

ดัชนี PMI (Purchasing Managers Index) เป็นการคำนวณโดยอาศัยข้อมูลจากภาคการผลิตและปัจจัยด้านการผลิตต่าง ๆ ซึ่งดัชนี PMI จะสะท้อนการเติบโตของเศรษฐกิจและสภาวะของภาคการผลิตและภาคบริการออกมาเป็นตัวเลขตั้งแต่ 0 ถึง 100 โดยใช้สูตรคำนวณดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ดังนี้

สูตรการคำนวณดัชนี PMI

P1 หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของตัวแปรที่นำมาคำนวณมีการขยายตัว
P2 หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของตัวแปรที่นำมาคำนวณไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเท่าเดิม
P3 หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของตัวแปรที่นำมาคำนวณมีการหดตัว


ค่าของดัชนี PMI มีการตีความหมายอย่างไร?

การใช้ดัชนี PMI เป็นตัวชี้วัดแนวโน้มของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งนักลงทุนสามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์การวางแผนลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากดัชนี PMI สามารถสะท้อนความเป็นไปทางเศรษฐกิจได้อย่างทันท่วงที ซึ่งค่าของดัชนี PMI มีการตีความหมาย ดังนี้

  • ถ้าดัชนี PMI มีค่ามากกว่า 50 หมายถึง เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวจากระดับปัจจุบัน
  • ถ้าดัชนี PMI มีค่าเท่ากับ 50 หมายถึง เศรษฐกิจมีแนวโน้มคงที่จากระดับปัจจุบัน
  • ถ้าดัชนี PMI มีค่าน้อยกว่า 50 หมายถึง เศรษฐกิจมีแนวโน้มหดตัวจากระดับปัจจุบัน


ข้อมูล PMI สามารถบอกอะไรได้บ้าง?

ถ้าหากค่าตัวเลขออกมาสูงกว่า 50 นั่นแปลว่าสภาวะเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดีค่ะ ถ้าหากต่ำกว่า 50 แปลว่าเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะถดถอยหรือเริ่มไม่ดีแล้ว

ข้อมูล PMI สามารถบอกอะไรได้บ้าง?

คุณน้ายกตัวอย่างข้อมูล PMI ในตลาดตราสารหนี้

ในตลาดตราสารหนี้เฝ้าดูการเติบโตของการส่งมอบของผู้ขายและราคาที่จ่าย เพราะตัวเลขสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อได้ ดัชนีนี้มีความสำคัญไม่เพียงแต่กับภาคการผลิตเท่านั้น แต่กับเศรษฐกิจทั้งหมดด้วยเนื่องจากภาคการผลิตเป็นส่วนสำคัญ ดังนั้นหาก PMI ลดลงในประเทศหนึ่ง นักลงทุนอาจพิจารณาลดความเสี่ยงของพวกเขาในตลาดทุนของประเทศนั้น และเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศอื่น ๆ ที่มีค่า PMI ที่สูงขึ้น


Flash Services PMI คืออะไร?

Flash Services PMI คือ ค่าประมาณล่วงหน้าของดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการในแต่ละประเทศ ซึ่ง Flash Services PMI ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นข้อมูลบ่งชี้เบื้องต้น ก่อนที่ข้อมูล PMI จะถูกเผยแพร่ในช่วงท้ายเดือนค่ะ

📢 สำหรับการเทรดในตลาด Forex ประเทศที่เป็นคู่สกุลเงินหลักมักจะถูกจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะข้อมูล Flash Services PMI สามารถบ่งชี้ได้ถึงสภาวะเศรษฐกิจของประเทศในช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งแน่นอนว่า สหรัฐฯ เป็นประเทศที่ถูกจับตามองมากที่สุดค่ะ

Flash Services PMI คืออะไร?

ข้อมูล Flash Services PMI ถูกรวบรวมจากไหนบ้าง?

การสำรวจรายเดือน : 

การส่งแบบสอบถามให้กับบริษัทในภาคการบริการ 400 แห่ง ในทุกต้นเดือน เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับแง่มุมของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทางธุรกิจ, คำสั่งซื้อขาย, การจ้างงาน และความคาดหวังในอนาคตค่ะ

การรวบรวมข้อมูล : 

หลังจากสำรวจแบบสอบถามในช่วงต้นเดือนเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้น จะเริ่มมีการคำนวณ Flash Services PMI 

ประกาศเลขดัชนีแบบคาดการณ์ : 

โดยปกติแล้ว Flash Services PMI จะถูกประกาศ หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนในการคำนวณค่าเรียบร้อยแล้ว ซึ่ง Flash Services PMI จะเป็นแบบเบื้องต้นที่เผยแพร่ก่อน เพื่อให้เห็นถึงแนวโน้มแบบเรียลไทม์ ก่อนที่การเผยแพร่ข้อมูล PMI จะประกาศในช่วงท้ายเดือนค่ะ

ปฏิกิริยาของตลาด : 

หลักจากประกาศรายงาน Flash Services PMI จะส่งผลกระทบต่อปฏิกิริยาของตลาดในทันที เพราะรายงาน Flash Services PMI ที่ออกมานั้น ผิดจากที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ตลาดการเงินเกิดความผันผวนค่อนข้างรุนแรงค่ะ


Flash Manufacturing PMI คืออะไร?

Flash Manufacturing PMI คือ ค่าประมาณการล่วงหน้าของผู้จัดการฝ่ายการผลิตในแต่ละประเทศ โดยอิงจากข้อมูลประมาณ 85% ถึง 90% ของการตอบแบบสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อทั้งหมดในแต่ละเดือน ซึ่ง Flash Manufacturing PMI เป็นข้อมูลเบื้องต้น ก่อนที่ข้อมูล PMI จะถูกประกาศอย่างเป็นทางการค่ะ

Flash Manufacturing PMI คืออะไร?

ข้อมูล Flash Manufacturing PMI ถูกรวบรวมจากไหนบ้าง?

โดยปกติแล้ว ข้อมูล Flash Manufacturing PMI จะประกาศออกมาพร้อม ๆ กับข้อมูล Flash Services PMI ค่ะ เพราะบริษัทที่ทำการจัดสำรวจเป็นบริษัทเดียวกัน อย่างไรก็ดี ขั้นตอนในการรวบรวมอาจจะมีความแตกต่างกัน ดังนี้ค่ะ

การสำรวจรายเดือน :

การส่งแบบสอบถามให้กับบริษัทในภาคการผลิต 800 แห่ง ในทุกต้นเดือน เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับคำสั่งซื้อใหม่, ผลผลิต, การจ้างงาน, สินค้าคงคลัง และระยะเวลาในการส่งมอบสินค้าค่ะ

การรวบรวมข้อมูล : 

หลังจากสำรวจแบบสอบถามในช่วงต้นเดือนเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้น จะเริ่มมีการคำนวณ Flash Manufacturing PMI โดยใช้ข้อมูลอ้างอิงประมาณ 85% ถึง 90% ของการตอบแบบสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อทั้งหมดในแต่ละเดือน

ประกาศเลขดัชนีแบบคาดการณ์ : 

หลังจากคำนวณเรียบร้อยแล้ว จะมีการประกาศรายงาน Flash Manufacturing PMI ในช่วงต้นเดือนก่อนประกาศข้อมูล PMI ค่ะ


นักลงทุนนิยมใช้ PMI ในการวิเคราะห์หรือตัดสินใจลงทุนอะไร

1. เพื่อประเมินสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน :

  • หากดัชนีภาคการผลิต สูงกว่า 50 แสดงว่า ภาคการผลิตมีแนวโน้มขยายตัวและเศรษฐกิจกำลังเติบโตในช่วงนี้ นักลงทุนอาจพิจารณาเลือกลงทุนในกองทุนหรือหุ้นกลุ่มพลังงาน
  • หากดัชนีภาคการบริการ สูงกว่า 50 แสดงว่า ภาคการบริการกำลังขยายตัว นักลงทุนอาจพิจารณาเลือกลงทุนในกองทุนหรือหุ้นกลุ่มธุรกิจสินค้าปลีก เนื่องจากธุรกิจสินค้าปลีกมักได้รับผลดีจากการขยายตัวภาคการบริการค่ะ

2. เพื่อคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต :

PMI ถือเป็นดัชนีที่ช่วยวัดให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์ถึงทิศทางของเศรษฐกิจล่วงหน้าได้ หากดัชนี PMI ภาคการผลิตมีแนวโน้มขาลงบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว นักลงทุนอาจชะลอการลงทุนในกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้น เป็นต้น

3. เพื่อเปรียบเทียบเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ :

นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบค่า PMI ของประเทศต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์และเปรียบเทียบเศรษฐกิจในประเทศต่าง ๆ โดยนักลงทุนอาจพิจารณาลงทุนในประเทศที่มีค่า PMI ที่สูงกว่า เพราะมีแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีกว่าประเทศที่มีค่า PMI ที่น้อยกว่า

4. เพื่อวิเคราะห์ผลประกอบการของบริษัท :

นักลงทุนสามารถวิเคราะห์ผลประกอบการของบริษัทที่อยู่ในภาคการผลิตและบริการ โดยพิจารณาจาก PMI ของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น หากดัชนี PMI ภาคการผลิตมีแนวโน้มขาลง บ่งชี้ว่าธุรกิจในภาคการผลิตมีแนวโน้มได้รับผลกระทบ นักลงทุนอาจพิจารณาขายหรือชะลอการลงทุนในหุ้นของบริษัทภาคการผลิต


ข่าว PMI ดูได้จากไหน?

ข่าว PMI ดูได้จากไหน?
ข่าว ISM Services PMI จาก Forex Factory

นักลงทุนสามารถติดตามข่าว PMI ได้จากเว็บไซต์ Forex Factory โดยจะประกาศเป็นประจำทุกเดือน โดยข่าว PMI มักจะส่งผลกระทบระดับรุนแรง สำหรับเทรดเดอร์ Forex ค่ะ เพราะเป็นกระทู้กล่องแดง ซึ่งส่งผลกระทบต่อคู่สกุลเงินเป็นอย่างมาก 

นอกจากนี้ ข่าว PMI แล้ว Forex Factory ยังรายงานข่าวสารอื่นที่สำคัญต่อตลาดการเงิน ไม่ว่าจะเป็น CCI, CPI หรือ PPI เป็นต้น สามารถอ่านวิธีการดู Forex Factory ได้ที่ลิงก์ด้านล่างได้เลย

PMI มีผลต่อทองยังไง?

รู้หรือไม่? ค่า PMI สามารถบ่งบอกสภาวะเศรษฐกิจได้ค่ะ หากสภาวะเศรษฐกิจดี ก็แปลว่า ทองคำหรือสินทรัพย์ปลอดภัยอาจไม่ใช่สิ่งที่นักลงทุนมองหาในช่วงเวลานั้น แต่ในทางกลับกัน หากสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ก็แปลว่า ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่น่าลงทุนในช่วงเวลานั้น ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้นนั่นเองค่ะ

💡 ทริคง่าย ๆ สำหรับค่า PMI กับราคาทองคำ

PMI สูง = ราคาทองคำอาจปรับตัวลงต่ำ
PMI ต่ำ = ราคาทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้น

PMI มีผลต่อทองยังไง?

PMI กับตลาดการเงิน Forex

แม้ว่าดัชนี PMI และตลาดการเงิน Forex จะไม่ได้มีความสัมพันธ์กันโดยตรงเหมือนกับทองคำ แต่อาจมีปัจจัยทางอ้อมอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อกัน ดังนี้ค่ะ

ความสัมพันธ์ทางอ้อมระหว่าง PMI กับ Forex

1. ดัชนี PMI สะท้อนสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันและคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต

  • PMI สูง : บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัว ภาคธุรกิจมีการผลิตและสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจในเศรษฐกิจ เริ่มมีการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ มากขึ้น เช่น หุ้น กองทุน หรือตราสารหนี้ ทำให้ค่าเงินของประเทศเริ่มแข็งค่าขึ้น
  • PMI ต่ำ : บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีการชะลอตัวหรือหดตัว ภาคธุรกิจมีการผลิตและสั่งซื้อสินค้าลดลง และนักลงทุนมีความกังวลต่อเศรษฐกิจและชะลอการลงทุนในช่วงดังกล่าว ส่งผลทำให้ค่าเงินของประเทศนั้นอ่อนค่าลง

2. PMI สูงช่วยกระตุ้นการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

ค่า PMI สูง แสดงให้เห็นถึงภาพรวมของเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวสูงขึ้น ซึ่งช่วยกระตุ้นการลงทุนของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้เป็นอย่างดี เมื่อนักลงทุนต่างชาติเริ่มเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้นจะส่งผลให้ความต้องการของสกุลเงินนั้น ๆ สูงขึ้น ทำให้สกุลเงินในประเทศแข็งค่าขึ้นและเกิดการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีค่ะ

🔎แล้วความสัมพันธ์ทางอ้อมของดัชนี PMI และ Forex สำคัญอย่างไร ?

ความสัมพันธ์ของ PMI และ Forex จะอยู่ที่แนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศที่เกิดการขยายตัวหรือหดตัว โดยวิเคราะห์จากตัวเลขดัชนี PMI ซึ่งตัวเลขดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อค่าเงินในประเทศ ซึ่งค่าเงินถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในตลาด Forex ค่ะ

🔎 บทความที่เกี่ยวข้องกับดัชนี PMI ที่เทรดเดอร์ควรรู้


ดัชนี PMI ใช้บ่งบอกแนวโน้มของเศรษฐกิจ หากดัชนี PMI สูงกว่า 50 แสดงว่า เศรษฐกิจหรือภาวะธุรกิจมีทิศทางดีขึ้น แต่หากดัชนี PMI ต่ำกว่า 50 แสดงว่า เศรษฐกิจหรือภาวะธุรกิจมีทิศทางแย่ลง

PMI ย่อมาจาก Purchasing Managers Index คือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ เป็นตัวบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจของภาคการผลิตว่าดีขึ้นหรือแย่ลง ดังนั้น ตัวเลขจากดัชนี PMI ย่อมส่งผลกระทบต่อค่าเงินในประเทศ ซึ่งค่าเงินถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในตลาด Forex

ดัชนี PMI ใช้เพื่อให้ข้อมูลทางด้านสภาวะเศรษฐกิจ ณ ขณะนั้นต่อนักลงทุน เพื่อใช้ในการวางแผนการลงทุน

🔍 Flash Services PMI คืออะไร?

Flash Services PMI คือ ค่าประมาณการล่วงหน้าของดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการในแต่ละประเทศ โดยจะเป็นข้อมูลเบื้องต้น ก่อนที่รายงาน PMI จะประกาศออกมา

🔍 Flash Manufacturing PMI คืออะไร?

Flash Manufacturing PMI คือ ค่าประมาณการล่วงหน้าของดัชนีผู้จัดการฝ่ายผลิตในแต่ละประเทศ โดยจะเป็นข้อมูลเบื้องต้น ก่อนที่รายงาน PMI จะประกาศออกมา


PMI คือ ดัชนีที่ใช้เป็นตัวชี้วัดการเติบโตหรือสภาวะทางเศรษฐกิจ หากค่าตัวเลขออกมาสูงกว่า 50 แสดงว่า สภาวะเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดีหรือมีการขยายตัว แต่ถ้าหากค่าต่ำกว่า 50 แสดงว่า เศรษฐกิจอยู่ในสภาวะถดถอย โดยค่า PMI นี้ ถือเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนในการพิจารณาตลาดเพื่อเลือกลงทุนได้อย่างคุ้มค่านั่นเองค่ะ


สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge

Picture of คุณน้า
คุณน้า
คุณน้าเป็นเทรดเดอร์ที่คลุกคลีอยู่ในตลาดต่าง ๆ ร่วม 10 ปี จึงอยากนำความรู้ที่มีมาแบ่งปันให้กับทุกคน
Recent Post
เทรดหุ้น CFD กับ IUX โบรกเกอร์หุ้นค่าธรรมเนียมถูก
เทรดหุ้น CFD กับ IUX โบรกเกอร์หุ้น ค่าธรรมเนียมถูก?! อัปเดตปี 2025

ในวันนี้คุณน้าจะมานำเสนอเทรดหุ้น CFD กับ IUX โบรกเกอร์หุ้น ค่าธรรมเนียมถูก พร้อมเจาะคุณสมบัติเด่น ๆ ของ IUX ว่ามีอะไรบ้าง? !

วิเคราะห์ราคาทองคำ วันที่ 24-28 มีนาคม 2568
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 24-28 มีนาคม 2568 By คุณน้าพาเทรด

วิเคราะห์ทองคำวันที่ 24-28 มีนาคม 2568 ซึ่งมีข่าวสำคัญจากสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับที่ 2,983 ดอลลาร์ ก่อนกลับตัวขึ้นไป