NFT (Non-Fungible Token) มีการใช้งานหลากหลาย ทั้งในวงการเกมส์ ศิลปะ และ Yield Farming แต่แท้จริงแล้วมัน NFT คือ อะไรกันแน่ ทำไมไปแทรกซึมหลายวงการขนาดนี้ ต่างกับคริปโตเคอเรนซียังไง ?
NFT (Non-Fungible Token) เป็นการนำเทคโนโลยีบล็อคเชนมาประยุกต์ใช้กับการซื้อขายสินค้า โดยแปลงเป็น Token ซึ่งทุกวันนี้ก็กระจายหลายวงการมาก แต่จะเห็นกันบ่อย ๆ จะเป็นวงการดิจิตอลเป็นส่วนมาก เพราะสะดวกในการใช้งาน
โดยการใช้งาน NFT มีความแพร่หลายไปทุก ๆ วงการ แต่ที่เห็นมากที่สุดจะเป็นวงการดิจิตอลต่าง ๆ เพื่อใช้ NFT เป็นตัวกลางในการซื้อขายงานดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่าย, ลายเซ็นต์, เพลง, วีดีโอเกมส์, ไอเทมต่าง ๆ ที่อยู่ภายในเกมส์ รวมไปถึงสินค้าอื่น ๆ ที่อยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ถ้าเราลองนึกย้อนกลับไปสมัยก่อน ถ้าศิลปินคนไทยจะขายภาพวาดให้คนซื้อที่อยู่โซนยุโรป ค่าใช้จ่ายในการจัดส่งคงมหาศาล ยิ่งเป็นงานศิลปะด้วยแล้ว คงจะยิ่งต้องมีขั้นตอนในการจัดส่งที่พิเศษออกไป แต่ถ้าเป็นการวาดภาพดิจิตอลและซื้อขายกันด้วย NFT แล้ว จะลดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลงได้เยอะเลยทีเดียว
ลักษณะเฉพาะตัวของ NFT (Non-Fungible Token)
NFT (Non-Fungible Token) จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำกัน สามารถเชื่อมโยงไปถึงตัวเจ้าของทรัพย์สินได้ เหมือนบ้านที่แต่ละหลังถึงแม้จะสร้างออกมาเหมือน ๆ กัน แต่ก็จะมีบ้านเลขที่ที่เป็นลักษณะเฉพาะที่ทำให้เรารู้ว่าเป็นบ้านใคร ต่อให้สร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นมาเหมือนเดิมเป้ะ สุดท้ายก็ต้องจดทะเบียนเป็นบ้านหลังใหม่อยู่ดี
แม้ว่าการใช้ NFT (Non-Fungible Token) จะแพร่กระจายในอุตสาหกรรมต่าง ๆ แต่อย่างที่บอกไปเบื้องต้นว่ามักจะใช้งานกับวงการเกมส์ หรือวงการที่เป็นดิจิตอลซะมากกว่า มักจะสร้างโทเคนขึ้นมาบนเครือข่ายบล็อคเชนของ Ethereum ในช่วงแรก ๆ แต่หลัง ๆ ก็จะเห็นว่ามีการกระจายออกไปใช้งานบล็อคเชนอื่น ๆ ขึ้นมากเหมือนกัน เช่น Binance Smart Chain เป็นต้น
NFT (Non-Fungible Token) แตกต่างจากคริปโตหรือไม่ ?
เชื่อว่า คริปโตเคอเรนซี และ บล็อกเชน เองก็ยังเป็นของใหม่ของหลาย ๆ คน ในขณะที่ยังทำความเข้าใจกับสองเรื่องนี้อยู่ ก็มีเรื่องของ NFT (Non-Fungible Token) เข้ามาให้ปวดหัวอีก คงจะมีคำถามเกิดขึ้นมากมายว่ามันต่างกันยังไง
ถ้าว่าด้วยเรื่องของเทคโนโลยีที่ใช้งานนั้นก็ไม่แตกต่างกันมาก ส่วนของคริปโตเคอเรนซี่สามารถที่จะนำออกมาแลกเป็นเงินจริง หรือใช้แทนเงินเพื่อจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันได้ จะเห็นว่าบางร้านในประเทศไทยเราเองก็มีติดป้ายหน้าร้านกันเลยว่า รับชำระด้วยเงินคริปโต บางเว็บไซต์ก็จ่ายค่าสินค้าเป็นเงินคริปโตได้ หรือแม้แต่รถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของอีลอน มัสก์ เองก็ประกาศว่ารับชำระค่ารถด้วยเงินบิทคอยน์ แต่ในส่วนของ NFT (Non-Fungible Token) จะเป็นสินทรัพย์ที่เอาไว้ครอบครองกับใครรายใดรายหนึ่ง การจะแลกเปลี่ยนเป็นเงินกันก็คงต้องเป็นความยินยอมของทั้งสองฝ่ายที่ตกลงร่วมกัน ซึ่งอีกไม่นานก็น่าจะมีเว็บไซต์ซื้อขายทั่วไปที่รับซื้อขาย NFT (Non-Fungible Token) เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
NFT มีประโยชน์อย่างไร ?
ด้วยความที่มันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวว่าใครเป็นเจ้าของ ทำให้ได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่ายทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย นอกจากจะทำให้การซื้อขายของสะสม หรือผลงานต่าง ๆ ด้วยช่างทางดิจิตอลง่ายขึ้นแล้ว ยังสามารถเป็นทางเลือกให้ธุรกิจต่าง ๆ ออก Token เหล่านี้ไประดมทุนได้อีกต่างหาก
สรุป
NFT เป็นโทเคนที่พัฒนาบนระบบบล็อคเชน นิยมพัฒนาบน Ethereum และ Binance Chain จุดเด่นคือสามารถระบุเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลลงไปได้ ทำให้ปลอมแปลงได้ยากมาก มีการใช้อย่างแพร่หลายบนธุรกิจที่เป็นดิจิตอลกันเป็นส่วนมาก เช่น เกมส์, ภาพถ่าย, ฟุตเทจ, ศิลปะ เป็นต้น
——————————————————————————————————————————————————————————
น่าสนใจเป็นอย่างมากว่า ในอนาคต NFT (Non-Fungible Token) จะไปในทิศทางไหน แต่คุณอาเชื่อว่าอีกไม่นาน NFT จะเข้ามามีบทบาทขึ้นในอีกหลากหลายวงการจนกลายเป็นเรื่องใกล้ตัว และเป็นที่น่าจับตามองสำหรับทุกคน คุณอาหวังเป็นอย่างยิ่งเมื่ออ่านบทความนี้จบลง ทุกคนเข้าใจ NFT คือ อะไร มากขึ้นค่ะ
——————————————————————————————————————————————————————————
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : คลิกที่นี่
คลังความรู้จากคุณน้า : คลิกที่นี่