หลาย ๆ คนอาจจะรู้จักระบบธนาคารกันดีอยู่แล้วใช่ไหมคะ? บทความนี้คุณน้าจะพาท่องโลก เปิดหน้าประวัติศาสตร์กันสักหน่อยค่ะ คุณน้าจะพาไปรู้จักกับตระกูลนึง ซึ่งมีชื่อเสียงมากในช่วงรอยต่อระหว่างยุคกลาง และยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา หรือที่เราเรียกว่า ยุคเรอเนสซองส์ (Renaissance) แน่นอนว่า ทุกช่วงคาบเกี่ยวจะต้องมีสิ่งใหม่ ๆ กำเนิดขึ้นเสมอ เฉกเช่นเดียวกับตระกูลนี้ค่ะ
ในหน้าประวัติศาสตร์ ภายหลังจากการสิ้นสุดของกาฬโรค หรือ Black Death ชีวิตคนเราเปลี่ยนไปเกือบสิ้นเชิง แต่ก็ได้ถือกำเนิดสิ่งใหม่ ๆ อารยธรรมใหม่ ๆ รวมไปถึงบุคลสำคัญใหม่ ๆ ตามมาด้วยเช่นกัน และแน่นอนค่ะ ตระกูลนี้ก็ถือว่า เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่ถือกำเนิดขึ้น หลังจากเหตุการณ์โรคระบาดครั้งนั้น ตระกูลนี้ได้มีการสร้างและวางรากฐานทั้งด้านศิลปะ ศาสนา การเมืองการปกครอง หรือแม้กระทั่ง ด้านการเงิน ซึ่งส่งผลกระทบมาถึงปัจจุบัน
หลาย ๆ คนคงจะสนใจที่จะรู้จักตระกูลนี้แล้วใช่ไหมคะ? มาค่ะ มารู้จักตระกูลนี้กัน คุณน้าพาท่องโลกครั้งนี้ ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จัก เมดิซี (The House of Medici) ตระกูลผู้วางรากฐานธนาคารแรกของโลก
สารบัญเนื้อหา
เมดิซี ต้นกำเนิดระบบธนาคาร
อย่างที่เรารู้กันค่ะ ธนาคารเปรียบเสมือนสถานที่ที่เราฝากทรัพย์สินของเราไว้เพื่อความปลอดภัย อีกทั้ง ยังได้ดอกเบี้ยจากการฝากด้วย นอกจากนั้น เรายังใช้บริการธนาคารในการกู้ยืมเงิน แม้กระทั่ง ทำธุรกรรมด้านสินเชื่อต่าง ๆ แต่เคยสงสัยกันไหมคะว่า ใครเป็นคนวางรากฐานสิ่งเหล่านี้? คำตอบก็คือ “ตระกูลเมดิซี (Medici)” นั่นเองค่ะ
อย่างไรก็ตาม หากเราลองค้นหาคำว่า ‘ธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดของโลก’ เรามักจะเจอกับบทความที่กล่าวว่า ‘Banca Monte dei Paschi di Siena’ ธนาคารที่ตั้งอยู่ ณ เมือง Siena ประเทศอิตาลี เป็นธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงดำเนินการธุรกรรมมาตั้งแต่ ปี 1472 จนถึงปัจจุบัน แต่นั่นไม่ใช่ความจริงทั้งหมดค่ะ ถึงอย่างนั้น มันก็ยังมีส่วนที่ถูกต้องอยู่
ในความเป็นจริงก็คือ Banca Monte dei Paschi di Siena เป็น 1 ในธนาคารที่ตั้งขึ้นในช่วงที่มีการก่อตั้งธนาคารอย่างแพร่หลาย และยังคงดำเนินการมาถึงปัจจุบัน สิริรวมก็ 550 ปีแล้ว ถือว่า เป็นธนาคารที่มีประวัติยาวนานมากเลยค่ะ แต่ข้อเท็จจริง คือ ยังมีธนาคารอื่น ๆ ที่ก่อตั้งในระยะเวลานั้น เพียงแค่ธนาคารเหล่านั้นปิดกิจการลงไปก่อนแล้วก็เท่านั้นค่ะ
หากย้อนกลับไปในยุคนั้น ธนาคารที่มีชื่อเสียงและเป็นรากฐานสิ่งต่าง ๆ มาถึงปัจจุบันก็คือ “ธนาคารเมดิซี” ซึ่งก่อตั้งโดยสมาชิก 1 ในตระกูลเมดิซีอย่าง จิโอวานนี เดอ เมดิชี ในปี 1397 เพื่อตอบสนองการค้าที่เฟื่องฟูในช่วงเวลาหลังจากกาฬโรคสิ้นสุดลงนั่นเองค่ะ จิโอวานนีได้นำระบบการเงินต่าง ๆ มาบริหารธนาคารของตน จนส่งผลให้ธนาคารเมดิซีเป็นธนาคารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์
เมดิซี รากฐานธนาคารแห่งอนาคต
รากฐานต่าง ๆ ที่ธนาคารเมดิซีเป็นต้นแบบนั้น มีหลัก ๆ อยู่ทั้งหมด 3 อย่างค่ะ ซึ่งทั้งสามอย่างนี้ ถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน นั่นก็คือ
ระบบบัญชีคู่ (Double-entry Bookkeeping System)
ระบบบัญชีคู่จริง ๆ แล้วมีมาตั้งแต่สมัยโรมันเลยค่ะ แต่หลังจากที่อาณาจักรโรมันล่มสลาย ระบบนี้ก็ถูกใช้กันน้อยลง แต่เมดิซีได้นำระบบนี้มาใช้ในการบริหารของธนาคารตนเอง จนเป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน โดยระบบบัญชีคู่นั้น คือ การทำบัญชีที่ค่อนข้างแม่นยำ และค่อนข้างผิดพลาดน้อยมาก ๆ เริ่มจากการบันทึกทั้งด้านเครดิต และด้านเดบิตด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน เพื่อให้เกิดการดุลในตัวเองตามหลัก
“สินทรัพย์ทั้งหมด = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ (ดุล)”
ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ธนาคารทราบต้นตอที่มาของเงิน และช่วยให้ธนาคารตัดสินใจทางการเงินได้ดีขึ้น ซึ่งคำว่า เครดิตและเดบิตที่ใช้กันในปัจจุบันก็มีที่มาจากระบบบัญชีคู่นี้เองค่ะ
บริษัทโฮลดิ้ง (Holding Company)
พูดง่าย ๆ ก็คือ ระบบนี้เปรียบเสมือนจุดกำเนิดของการถือหุ้นค่ะ เนื่องจากธนาคารเมดิซีมีชื่อเสียงอย่างมากในยุคนั้น ทำให้ธนาคารจะต้องขยับขยายสาขาไปยังหัวเมืองสำคัญต่าง ๆ นอกจากเมืองที่สาขาหลักตั้งอยู่อย่าง ฟลอเรนซ์ อิตาลี โดยคนที่เป็นคนคุมทั้งหมดก็คือ สาขาหลักที่เป็นเจ้าของเงินทุน และนำเงินไปลงทุนในธนาคารสาขาลูกต่าง ๆ
อีกทั้ง ด้วยการขยายสาขาของธนาคารเมดิซีที่ได้รับผลตอบรับดีมาก ทำให้มีเครือข่ายธนาคารที่กว้างขวางขึ้น และส่งผลให้ธนาคารเมดิซีได้คิดค้นเครื่องมือใหม่ขึ้นมา นั่นก็คือ ตราสารเครดิต (Letter of credit)
ตราสารเครดิต (Letter of Credit)
แน่นอนค่ะ เจ้าสิ่งนี้มีคำว่า เครดิต ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการให้เครดิตนั่นเองค่ะ เนื่องจากธนาคารเมดิซีมีเครือข่ายที่กว้างขวางอย่างมาก ทำให้เมดิซีสามารถให้บริการเครดิตได้ โดยผู้ซื้อและผู้ขายจะมาทำข้อตกลงซื้อสินค้าตามราคาที่ตกลงกันไว้ และมีธนาคารเป็นตัวกลาง ซึ่งธนาคารเมดิซีใช้ระบบนี้เป็นระบบชำระเงินระหว่างคู่ค้าระหว่างประเทศ ทำให้ธนาคารได้กำไรจากการเก็บค่าธรรมเนียมอย่างมหาศาลเลยทีเดียว สิ่งนี้ถือว่า เป็นรากฐานของการเก็บค่าธรรมเนียมของธนาคารในปัจจุบันเลยค่ะ
สรุป
เราจะเห็นได้ว่า ตระกูลเมดิซีนั้น ได้ริเริ่มวางรากฐานสำคัญต่าง ๆ ค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ แต่คุณน้าขอแอบบอกไว้ก่อนเลยนะคะว่า ไม่เพียงแค่ระบบการเงินเท่านั้นค่ะ จริง ๆ แล้ว ตระกูลนี้ค่อนข้างเป็นสายเปย์ที่ให้การอุปถัมภ์ในหลาย ๆ แขนง อาทิ ศิลปะ วิทยาศาสตร์ ศาสนา แม้กระทั่งระบบการเมืองการปกครอง ลองคิดดูสิคะ ถ้าตระกูลเมดิซีไม่ได้ทำการวางรากฐาน หรืออุปถัมภ์สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ในปัจจุบัน ระบบต่าง ๆ น่าจะแปลกตามากกว่านี้แน่นอนค่ะ
สำหรับบทความนี้ คุณน้าหวังว่า ทุกคนจะได้รับแรงบันดาลใจ และได้รับความรู้เกี่ยวกับ ตระกูลเมดิซี ไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วพบกันใหม่กับคุณน้าพาท่องโลก สำหรับบทความนี้ สวัสดีค่ะ
บทความในด้านเศรษฐกิจที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge