หากพูดถึง Luxury Brand ทุกคนจะคิดถึงแบรนด์ไหนกันบ้างคะ มีชื่อ Louis Vuitton, Christian Dior หรือ Celine บ้างมั้ย? แล้วรู้หรือเปล่าคะว่า แบรนด์เหล่านี้อยู่ภายใต้อาณาจักร LVMH เครือแบรนด์หรูชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป ซึ่งการันตีโดยการติด Top 5 ดัชนี Euro Stoxx 50 แถมไม่ได้มีแค่ 3 แบรนด์ที่ได้เอ่ยชื่อไปนะคะ แต่มีมากถึง 75 แบรนด์เลยค่ะ!!
ดังนั้น คุณน้าจะพาทุกคนไปรู้จักและไขความลับความสำเร็จของ LVMH เครือธุรกิจยักษ์ใหญ่สุดหรูกันค่ะ พร้อมทั้งดูว่าหุ้น LVMH ยังน่าลงทุนไหม? ถ้าพร้อมแล้วไปติดตามกันได้เลยค่ะ
Luxury Brand คืออะไร ?
Luxury Brand หรือแบรนด์หรู คือ แบรนด์ที่มีความโดดเด่นในด้านคุณภาพ, ความพิเศษเฉพาะตัว และราคาที่เกินเอื้อม เรียกว่า ไม่ใช่แค่มีเงินอย่างเดียวก็จะสามารถซื้อได้ค่ะ เพราะบางครั้งแบรนด์หรูเหล่านี้อาจมีการกำหนดกลุ่มลูกค้าที่สามารถครอบครองสินค้าของพวกเขาได้ไว้แล้ว
แม้จะไม่ได้มีคำจำกัดความที่ตายตัว แต่แบรนด์เหล่านี้ก็มักจะมีจุดขายที่เหมือนกัน คือ การสร้างคุณค่าและประสบการณ์อันแสนพิเศษให้แก่กลุ่มลูกค้านั่นเองค่ะ
5 Luxury Brand ยอดนิยมที่มีมูลค่าสูงสุดในปี 2023
ตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยหรือ Luxury Brand มักจะมีการจำกัดกลุ่มเป้าหมายลูกค้าเพื่อสร้างความพิเศษและเหนือชั้นให้แก่ผู้ครอบครอง แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น มันก็ยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากค่ะ หลักฐานที่ค่อนข้างชัดเจน คือ มูลค่าของแบรนด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในเดือนเมษายน 2023 ที่ผ่านมา ดัชนี STOXX Europe Luxury 10 ได้ขยับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดตลอดกาลค่ะ
ดังนั้น คุณน้าจะพาทุกคนไปทำความรู้จัก Luxury Brand ยอดนิยมที่มีมูลค่าสูงสุดในปี 2023 กันค่ะ ซึ่งประกอบไปด้วย
- Louis Vuitton มูลค่า 124,822 พันล้านดอลลาร์
- Hermès มูลค่า 76,299 พันล้านดอลลาร์
- Chanel มูลค่า 55,939 พันล้านดอลลาร์
- Gucci มูลค่า 26,306 พันล้านดอลลาร์
- Christian Dior มูลค่า 11,442 พันล้านดอลลาร์
(อ้างอิงข้อมูลจาก Statista และ Kantar)
จากทั้ง 5 อันดับ ทุกคนเริ่มสังเกตเห็นอะไรกันบ้างหรือยังคะ? ดูเหมือนอันดับ 1 และอันดับ 5 จะเป็นแบรนด์ที่อยู่ในเครือ LVMH นี่นา แต่ว่า… แค่มีชื่อ 2 ใน 5 แล้วจะเป็นยังไงนะ? คุณน้าอยากให้ทุกคนลองจินตนาการสักนิดค่ะว่า ถ้าในตลาดมีร้านค้าอยู่ 10 ร้าน แต่เป็นของคุณน้าไปแล้ว 4 ร้าน อีก 6 ร้านที่เหลือกระจายเป็นของคนอื่น มันจะเกิดอะไรขึ้น? คำตอบ คือ อำนาจ, อิทธิพล, รายรับที่เพิ่มขึ้น รวมถึงอื่น ๆ จะตกเป็นของคนที่มีส่วนแบ่งมากที่สุดนั่นเองค่ะ
ดังนั้น แม้ว่าจะดูไม่มากแต่ LVMH ก็กินส่วนแบ่งตลาด Luxury Brand ไปเกือบครึ่ง ทำให้ปัจจุบัน เครือธุรกิจสุดหรูนี้กลายเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรปเลยทีเดียว แถมยังดันให้ Bernard Arnault เจ้าของ LVMH ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลกในปัจจุบัน เป็นรองเพียง Elon Musk เท่านั้นค่ะ
LVMH คืออะไร ?
LVMH คือ เครือบริษัทมหาชนจากประเทศฝรั่งเศสที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าหรูหรา ครอบคลุมตั้งแต่สินค้าแฟชั่นและเครื่องหนัง, น้ำหอมและเครื่องสำอาง, นาฬิกาและเครื่องประดับ, ไวน์และสุรา, ห้างและร้านค้าปลีก จนไปถึงธุรกิจอื่น ๆ รวมทั้งหมด 75 แบรนด์ค่ะ เรียกได้ว่าเป็น “ผู้นำระดับโลกในด้านสินค้าหรูหรา” ด้วยยอดขายกว่า 79 พันล้านยูโร ในปี 2022 ที่ผ่านมาค่ะ
โดย LVMH เกิดจากการควบรวม 2 กิจการ ได้แก่
- LV – Louis Vuitton
- MH – Moët Hennessy
หลังจาก LVMH ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 ก็มีโมเดลธุรกิจที่สร้างสรรค์และอัตลักษณ์ที่โดดเด่น ทำให้แบรนด์ในเครือเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า Bernard Arnault เจ้าของ LVMH เป็นหัวใจสำคัญของการสร้างเครือธุรกิจดังกล่าวค่ะ แม้แต่นิตยสาร Forbes ก็ยังขนานนามให้เขาเป็น “ผู้สร้างรสนิยม (Taste-maker)” แห่งวงการ
ธุรกิจ LVMH มีอะไรบ้าง ?
แบรนด์ในเครือของ LVMH มีมากถึง 75 แบรนด์ ครอบคลุมหลากหลายธุรกิจ แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ สินค้าแฟชั่น, น้ำหอม, เครื่องสำอาง และเครื่องประดับค่ะ ซึ่งตัวอย่างธุรกิจในเครือ LVMH ที่มีความโดดเด่นและเป็นที่รู้จักอย่างหลากหลาย เช่น
- Louis Vuitton
- Christian Dior
- Celine
- Bvlgari
- Givenchy
- Fendi
- LOEWE
ฐานลูกค้าผู้เสพความหรูหราของ LVMH
สินค้าหรูหราภายใต้อาณาจักร LVMH ได้รับความนิยมข้ามยุคข้ามสมัยมาอย่างยาวนาน ปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่า แบรนด์สัญชาติยุโรปนี้มีคุณภาพและอัตลักษณ์ที่เฉพาะตัว ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่จะมีผู้ต้องการครอบครองสินค้าหรูหราเหล่านั้นเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดี ยอดขายสินค้า LVMH ในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2023 แสดงว่า ภูมิภาคที่มีการซื้อสินค้าหรูหราเหล่านี้อันดับ 1 กลับไม่ใช่ยุโรปหรืออเมริกา แต่เป็นเอเชียค่ะ
ภูมิภาค | สัดส่วนรายได้ครึ่งแรกของปี 2023 | อัตราการเติบโตจากปีก่อนหน้า |
---|---|---|
ญี่ปุ่น | 7% | +31% |
เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) | 34% | +23% |
อเมริกา | 24% | +3% |
ยุโรป | 23% | +22% |
อื่น ๆ | 12% | – |
จากข้อมูลข้างต้น ทุกคนเห็นมั้ยคะว่า เอเชียถือเป็นฐานลูกค้าที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่มีการคิดสัดส่วนแยกออกมา และสัดส่วนดังกล่าวก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลัง ๆ เพราะ LVMH มีมุมมองที่จะตีตลาดเอเชียด้วยการผลิตสินค้าเพื่อขายให้จีน และตั้งศิลปินเอเชียมาเป็น Brand Ambassadors ของสินค้าต่าง ๆ ในเครือค่ะ
อิทธิพล K-POP ต่อการเติบโตของ LVMH
LVMH มีแบรนด์หรูในเครือมากถึง 75 แบรนด์ มีนักออกแบบที่เก่งกาจ, โดดเด่น และได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่ทำให้แบรนด์เติบโตเป็นอย่างมากในช่วงหลัง คือ วิสัยทัศน์ค่ะ เพราะแบรนด์ในเครือต่างก็คว้าศิลปิน K-POP มาเป็น Brand Ambassador อย่างมากมายหลากหลาย เนื่องจากพวกเขาหรือเธอมักจะสร้างมูลค่าทางสื่อ (Media Impact Value) และสร้าง Brand Awareness ได้อย่างมหาศาล เรียกว่ามีอิทธิพลทั้งทางสังคมและกำลังซื้อเลยค่ะ
ตำแหน่ง Ambassador ของแบรนด์มีกี่แบบ ?
ศิลปินที่ได้ร่วมงานกับแบรนด์ต่าง ๆ ไม่ใช่ทุกตำแหน่งจะเหมือนกันนะคะ ดังนั้น คุณน้าจะพามาทำความรู้จักตำแหน่งต่าง ๆ แบบคร่าว ๆ กันค่ะ
- Muse คือ คนดังที่มีภาพลักษณ์ตรงกับแบรนด์ แบบเห็นแล้วจะนึกถึงแบรนด์ทันทีเลยค่ะ แต่ผู้ที่เป็น Muse ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกอย่างของแบรนด์นะคะ
- Friend / Friend of House คือ คนดังที่มีภาพลักษณ์ตรงกับแบรนด์เหมือน Muse แต่จะส่งเสริมให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างได้มากกว่าค่ะ
- Brand Ambassador คือ คนที่มีชื่อเสียงและภาพลักษณ์ตรงกับแบรนด์ ดังนั้น จึงถูกแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนในการออกงานต่าง ๆ ในระดับประเทศ เพราะฉะนั้น Brand Ambassador จึงไม่สามารถสวมใส่แบรนด์อื่น ๆ ออกสื่อได้ค่ะ
- Global Brand Ambassador คือ ตัวแทนของแบรนด์ในระดับโลก คอยประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักแบรนด์มากขึ้น เรียกว่าเป็นระดับสูงสุดของ Brand Ambassador เลยค่ะ
ศิลปิน K-POP กับตำแหน่ง Global Brand Ambassador
ตัวอย่างไอดอลเกาหลีที่ได้รับตำแหน่ง Global Brand Ambassador ของแบรนด์ต่าง ๆ ในเครือ LVMH มีดังนี้ค่ะ
- Louis Vuitton : J-HOPE BTS และ Hyein NewJeans
- Givenchy : AESPA และ Taeyang
- LOEWE : Hyun-A
- Christian Dior : Jisoo BLACKPINK และ Jimin BTS
- Tiffany & Co. : Rosé BLACKPINK
- Bvlgari : Lisa BLACKPINK
- Celine : Lisa BLACKPINK
ทำไมต้องศิลปิน K-POP ?
คำตอบ คือ อัตราการบริโภคและการเติบโตของอุตสาหกรรม K-POP และ K-Drama ที่เพิ่มขึ้นสูงมาก ทำให้ศิลปินเกาหลีกลายเป็นผู้มีอิทธิพลนั่นเองค่ะ สังเกตได้จากถ้ามีกระแสอะไรเกิดขึ้นก็จะบูมไปทั่ว แถมกลุ่มแฟนคลับของพวกเขาหรือเธอก็ไม่ได้อยู่แค่ที่เกาหลีเท่านั้น บางวงหรือบางคนก็มีแฟนคลับเฉียดร้อยล้านคนกระจายตัวทั่วโลกเลยทีเดียว เรียกว่ามากกว่าประชากรประเทศหนึ่งเสียอีกค่ะ
อีกประเด็นสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ เกาหลีใต้ถือเป็นประเทศที่มีการใช้จ่ายเพื่อสินค้าแบรนด์เนมมากที่สุดในโลกในปี 2022 จากข้อมูลของ Morgan Stanley บริษัทจัดการด้านการลงทุนด้วยค่ะ เพราะฉะนั้น เกาหลีใต้จึงถือเป็นหมุดหมายที่ดีสำหรับแบรนด์ต่าง ๆ ค่ะ
การเติบโตของ Celine หลัง Lisa BLACKPINK เป็น Ambassador
Celine เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นและเครื่องหนังสุดหรูภายใต้อาณาจักร LVMH ที่มีการเติบโตเป็นอย่างมากหลัง Hedi Slimane เข้ามาดำรงตำแหน่ง Creative Director ในปี 2018 ค่ะ แม้ว่าเขาจะได้รับคำสบประมาทมากมาย แต่ก็ก้าวข้ามเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นด้วยการรีแบรนด์ครั้งใหญ่เพื่อให้เหมาะกับยุคสมัยและคนทุกกลุ่มค่ะ
นอกจากฝีมือการดีไซน์ที่โดดเด่นของ Hedi Slimane แล้ว อีกสิ่งที่ทำให้ยอดขายของ Celine ก้าวกระโดด คือ การคว้าตัว Lisa BLACKPINK มาเป็น Muse of Celine ก่อนจะเลื่อนเป็น Global Brand Ambassador ในปี 2020 ค่ะ โดยมีรายงานว่า รายได้ของ Celine ในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 19% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 ขณะที่ยอดขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้น 59% ค่ะ
ส่วนยอดขายทั้งหมดของ Celine ตั้งแต่ปี 2016 – 2021 มีดังนี้ค่ะ
นับตั้งแต่ Hedi Slimane เข้ามาปฏิวัติ ยอดขายของ Celine ก็เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า แม้ว่าจะเผชิญโรคระบาดโควิด-19 แต่ก็ยังถือว่าทำผลงานได้ดี แล้วค่อย ๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีถัดมาค่ะ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า Celine จะมีรายรับเกิน 2 พันล้านยูโรต่อปีในปีนี้อีกด้วยค่ะ
Lisa BLACKPINK ผู้นำแฟชั่นไอคอนสไตล์ที่สื่อถึง Celine ได้ดีที่สุด !
การดึงตัว Lisa BLACKPINK (ลิซ่า ลลิษา มโนบาล) ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังแห่งวงการ K-POP มาเป็น Global Brand Ambassador ของ Celine ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะ Lisa จัดเป็นผู้นำแฟชั่นและไอคอนสไตล์ที่สื่อถึง Celine ได้ดีที่สุดค่ะ (อันนี้คุณน้าไม่ได้โมเมนะคะ สำนักข่าวเขียนมาแบบนี้จริง ๆ ค่ะ)
ฐานแฟนคลับที่หนาแน่นของ Lisa ทำให้ทุกครั้งที่เธอสวมใส่อะไรก็จะ Sold Out แทบจะทันทีเลยค่ะ และถ้าถามว่า แฟนคลับของเธอเยอะขนาดไหนล่ะก็ คุณน้าตอบได้เลยว่า บัญชี IG ของเธอมีผู้ติดตามมากที่สุดในวงการ K-POP แล้วค่ะ (ข้อมูลจาก Kpopmap) ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่เธอจะสามารถสร้างมูลค่าทางสื่อได้สูงสุดในปี 2023 ค่ะ เรียกว่าสวยและมากความสามารถจริง ๆ
แนะนำ 5 กระเป๋า Celine ยอดนิยมที่ Lisa ใช้ในปี 2023
ไหน ๆ แล้ว คุณน้าก็จะมาแอบกระซิบกระเป๋า Celine ที่ Lisa ใช้ในปีนี้ค่ะ เผื่อใครอยากตามเทรนด์ ถือแล้วให้ฟีลตัวมัมผู้นำแฟชั่น จะมีใบไหนบ้าง ไปติดตามกันค่ะ!
- CELINE Triomphe Bag in Shiny Calfskin (เว็บไซต์) – ราคา 130,000 บาท
- CELINE Ava Triomphe Soft Bag in Smooth Calfskin (เว็บไซต์) – ราคา 86,000 บาท
- CELINE Ava Triomphe Soft in Triomphe Canvas and Calfskin (เว็บไซต์) – ราคา 78,000 บาท
- CELINE Teen Triomphe Bag in Lizard Light Pink (เว็บไซต์) – ราคา 280,000 บาท
- CELINE Clea in Shiny Calfskin (เว็บไซต์) – ราคา 135,000 บาท
Global Brand Ambassador ของ Celine มีใครบ้าง ?
ล่าสุดในปี 2023 Celine มี Global Brand Ambassador ซึ่งเป็นศิลปินเกาหลี ดังนี้ค่ะ
- Lisa BLACKPINK (ลิซ่า ลลิษา มโนบาล) : เมนแร็ปและแดนซ์สาวมากความสามารถของชาว Blink #LISAxCELINE
- V BTS (คิม แทฮยอง หรือวี) : หนุ่มเสียงทุ้มนุ่มหูจากวงบอยแบนด์ชื่อดังที่มักปรากฏตัวพร้อมแฟชั่นสุดล้ำ การันตีความดังจากการเป็นศิลปินชายที่มีผู้ติดตาม IG มากที่สุดในฝั่งเกาหลีค่ะ! #TAEHYUNGxCELINE
- Park Bo Gum (พัค โบกอม) : นักแสดงหนุ่มสุดหล่อมากความสามารถ ผลงานที่โดดเด่น เช่น Reply 1988 และ Love in the Moonlight ลองไปติดตามกันได้นะคะ #PARKBOGUMxCELINE
ทีเด็ด Global Brand Ambassador ของ Celine คือ การเป็นผู้มีอิทธิพลที่สามารถสร้างมูลค่าทางสื่อได้สูงสุด (Top Influencers EMV) ในงาน Milan and Paris Fashion Week Menswear SS23 โดย Lisa BLACKPINK คว้าอันดับ 1 ด้วยมูลค่า 29 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยอันดับ 2 – V BTS ด้วยมูลค่า 12 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ตัวแบรนด์ Celine ติดอันดับ 1 ในชาร์ตมูลค่าแบรนด์และมีการเติบโตมากที่สุดเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าค่ะ
การดึงตัวศิลปินเกาหลีมาเป็น Global Brand Ambassador ถือเป็นก้าวสำคัญในการเติบโตของแบรนด์เลยค่ะ ซึ่งทุกคนก็น่าจะเห็นได้จากมูลค่าที่ Lisa สร้างให้กับ Celine กันแล้ว มันมากเสียจนสั่นสะเทือนวงการกันเลยทีเดียว แม้ LVMH จะเป็นเครือธุรกิจที่ใหญ่อยู่แล้ว แต่ความร่วมมือครั้งนี้ก็ช่วยเสริมเกราะความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นไปอีกนั่นเองค่ะ
สรุปแล้ว LVMH ในปี 2023 น่าลงทุนไหม ?
หลังจากทำความรู้จัก LVMH เครือธุรกิจยักษ์ใหญ่สุดหรูกันไปแล้ว ทุกคนน่าจะตื่นตาตื่นใจมากใช่มั้ยคะ แต่สรุปแล้ว LVMH ยังน่าลงทุนไหมนะในปี 2023? คุณน้ามองว่า สิ่งที่ทำให้ LVMH มาอยู่จุดนี้ได้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลค่ะ นั่นทำให้ LVMH รักษาความสามารถในการทำกำไรได้แม้จะเผชิญกับความเสี่ยงต่าง ๆ อีกทั้ง นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่า ตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยจะโตเพิ่มมากขึ้นในปี 2025 ด้วย ดังนั้น LVMH จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ
แต่อย่างไรก็ตาม ผลงานในอดีตไม่สามารถการันตีอนาคตได้ เราผ่านเหตุการณ์ที่บริษัทใหญ่ ๆ ก็ล้มได้มาแล้ว ดังนั้น คุณน้าจึงหวังว่า ทุกคนจะศึกษาข้อมูลและความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : LVMH, Celine, Retaildogma, Forbes India, Lifestyleasia, Jeban, The Standard 1, The Standard 2, Allkpop และ GQ Thailand
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge