ตามรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ในวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทพลังงานได้ระงับการผลิตน้ำมัน 1.74 ล้านบาร์เรลต่อวันในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐอเมริกาตามรายงานของสำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม (BSEE) ในขณะที่พายุเฮอริเคนไอดากระแทกชายฝั่งหลุยเซียน่าเป็นพายุในระดับ 4 เลยทีเดียวค่ะ
Ida ทำแผ่นดินถล่มเมื่อวันอาทิตย์ใกล้กับ Port Fourchon ซึ่งเป็นฐานที่ดินของ Louisiana Offshore Oil Port (LOOP) ซึ่งเป็นคลังน้ำมันดิบของเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา
บริษัทน้ำมันต่างเร่งอพยพพนักงานออกจากโครงสร้างพื้นฐานนอกชายฝั่งในช่วงหลายวันก่อนเกิดพายุ ส่งผลให้โรงงานของพวกเขาในอ่าวต้องปิดตัวลง หน่วยงานกำกับดูแลนอกชายฝั่งระบุว่าเกือบ 94% ของการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ ก็ออกมาเนื่องจากพายุเช่นกัน
บริษัทพลังงานได้อพยพ 288 แท่น มากกว่าครึ่งหนึ่งอยู่ในอ่าวเม็กซิโก ณ วันอาทิตย์ และแท่นขุดเจาะทั้ง 11 แห่ง ตามข้อมูลของ BSEE
และเนื่องจากเหตุนี้เลยส่งผลให้อ่าวในเม็กซิโกต้องระงับการผลิตน้ำมันซึ่งนำว่าเป็น 96% เลยทีเดียวค่ะ
เหตุการณ์นี้ส่งผลอย่างไรบ้าง
อย่างที่ว่าน้ำมันเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่มีการขุดเจาะและการผลิตเพื่อส่งออกขายและใช้งานในทุกวัน พอการผลิตน้ำมันระงับเลยส่งผลต่อราคาด้วยเช่นกันค่ะ เลยทำให้ราคาน้ำมันได้พุ่งสูงขึ้นมาอีกประมาณ 2% เลยทีเดียวค่ะ
ประธานาธิบดีสหรัฐขอให้ OPEC จับตาดูราคาน้ำมัน
เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจากเหตุการณ์พายุ IDA ถล่ม ทางฝ่ายบริหารของคุณโจไบเดนได้ออกมาเรียกร้องให้ทาง OPEC จับตามองราคาน้ำมันและต้องควบคุมเพื่อไม่ให้ราคานั้นขึ้นสูงเกินไปในสถานการณ์แบบนี้ค่ะ