RSI คืออะไร ? : วิธีใช้ RSI ทำกำไรจากการวิเคราะห์กราฟ

RSI คืออะไร?
Table of Contents

วันนี้คุณน้าอยากหยิบยกสาระดี ๆ กับเทคนิควิธีดูกราฟเพื่อทำกำไรด้วยเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ที่มีชื่อว่า RSI (Relative Strength Index) มาฝากทุกคนกันค่ะ ซึ่งการใช้ RSI Indicator จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถหาจุดเข้าออกออเดอร์ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่า เทรดเดอร์มีโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้นนั่นเอง ดังนั้น ในบทความนี้คุณน้าจะพาทุกคนมารู้จักกับ RSI คืออะไร มีวิธีการใช้งานอย่างไร และที่สำคัญมีข้อควรระวังเรื่องอะไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบค่ะ!

*หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงบทความให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการชักชวนให้ลงทุนแต่อย่างใด อีกทั้ง Indicator แต่ละตัวก็มีเทคนิคที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

คุณน้าพารู้จัก RSI

Indicator (อินดิเคเตอร์) คืออะไร?

Indicator (อินดิเคเตอร์) คือ ตัวชี้วัดทางเทคนิคสำหรับการเทรดในตลาดการเงินต่าง ๆ โดยเฉพาะตลาด Forex

อินดิเคเตอร์เป็นเครื่องมือทางคณิตศาสตร์ที่จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์กราฟราคา โดยอิงจาก 5 ปัจจัย ได้แก่ ราคาเปิด, ราคาสูงสุด, ราคาต่ำสุด, ราคาปิด และปริมาณการซื้อขาย

โดยปกติแล้ว การคำนวณโดยใช้อินดิเคเตอร์ในตลาด Forex จะแสดงผลออกมาในรูปแบบของแผนภูมิหรือกราฟดัชนีต่าง ๆ

Indicator (อินดิเคเตอร์) คือ ตัวชี้วัดทางเทคนิคสำหรับการเทรดในตลาดการเงิน

ดังนั้น สรุปง่าย ๆ ว่า Indicator คือ เครื่องมือที่จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์กราฟและราคาได้ง่ายขึ้น ซึ่งเหมือนกับการมีผู้ช่วยในการให้ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจนั่นเองค่ะ เรียกได้ว่า Indicator เป็นอีกหนึ่งคู่มือสำหรับการเทรดที่มีประสิทธิภาพ สำหรับใครที่ยังคงสงสัยว่า Indicator คืออะไร คุณน้าเคยเขียนบทความเกี่ยวกับอินดิเคเตอร์ไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ สามารถอ่านได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลย

บทความที่เกี่ยวข้องกับ Indicator :


RSI คืออะไร?

RSI คือ อินดิเคเตอร์ที่ใช้วัดปริมาณการซื้อขาย

RSI ย่อมาจาก Relative Strength Index คือ เครื่องมือที่จะช่วยบ่งบอกปริมาณการซื้อขายในตลาดว่า อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงค่ะ โดย RSI จะสามารถอ่านค่าในกราฟราคาได้ตั้งแต่ 0-100 ซึ่งจะใช้เป็นตัววัดความแข็งแกร่งของกราฟราคาในแต่ละช่วงเวลา เพราะ RSI เป็นอินดิเคเตอร์ประเภท Momentum Oscillator ที่ใช้วัดการแกว่งตัวของราคา เพื่อดูปริมาณการซื้อขายว่าอยู่ในระดับที่มากจนเกินไปหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถจับจังหวะซื้อขายได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น

🔍 เส้น RSI ควรตั้งเท่าไหร่ดี?

จากที่กล่าวไปข้างต้นจะเห็นได้ว่า เส้น RSI จะอยู่ที่กรอบตั้งแต่ 0-100 ซึ่งโดยปกติแล้วเทรดเดอร์ควรจะตั้งค่าเส้น RSI เริ่มต้นอยู่ที่ 30 (Oversold) และ 70 (Overbought) จะถือว่าอยู่ในปริมาณที่ดี รวมทั้งเทรดเดอร์ควรตั้งกรอบเวลา (TF) ตั้งแต่ 1 ชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งถ้าจะให้อยู่ในเกณฑ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ควรตั้งกรอบเวลา อยู่ที่ Time Frame Day ค่ะ เนื่องจากการอ่านค่าเส้น RSI จะสามารถบ่งบอกได้ 2 สภาวะ ดังนี้

  • หากเส้น RSI ต่ำกว่า 30 จะเท่ากับว่า ราคาอยู่ในภาวะการขายมากเกินไป (Oversold)
  • หากเส้น RSI มากกว่า 70 จะเท่ากับว่า ราคาอยู่ในภาวะการซื้อมากเกินไป (Overbought)


RSI คำนวณจากอะไร?

เส้น RSI สามารถคำนวณได้ตามสูตรด้านล่าง โดยมีรายละเอียด ดังนี้

RSI = 100 – (100 ÷ 1 + RS*)

*RS คือ ค่าเฉลี่ยราคาของวันที่ราคามีการปรับตัวขึ้นในช่วง ‘N’ วัน ÷ ค่าเฉลี่ยของวันที่ราคามีการปรับตัวลงในช่วง ‘N’ วัน จากนั้นจะนำมาปรับค่าเฉลี่ยให้อยู่ในช่วง 0-100

Tip! ปกติแล้วค่าเริ่มต้นของการคำนวณ RSI ในช่วง ‘N’ จะมีค่าเท่ากับ 14 วันค่ะ ซึ่ง RSI 14 หมายถึงการนำราคาปิดย้อนหลังของแท่งเทียน 14 แท่งมาคำนวณ เพราะจะถือว่าเป็นตัวเลขที่สามารถคำนวณค่าได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้เกิดความผิดพลาดได้น้อยที่สุดนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น หากเทรดเดอร์ชื่นชอบการเทรดรายวัน จะใช้เส้น RSI ย้อนหลัง 14 วัน แต่หากเทรดเดอร์ชื่นชอบการเทรดรายชั่วโมง จะใช้เส้น RSI ย้อนหลัง 14 ชั่วโมง เป็นต้น

🔍 เกร็ดความรู้เสริม! RSI 7 VS RSI 14 คืออะไร?

จากที่กล่าวไปข้างต้นว่า RSI 14 คือ การนำราคาปิดย้อนหลังของแท่งเทียน 14 วันมาคำนวณ ซึ่ง RSI 7 ก็คือ การนำราคาปิดย้อนหลังของแท่งเทียน 7 วันมาคำนวณนั่นเองค่ะ ซึ่ง RSI 7 จะเป็นการวัดความแข็งแกร่งของราคาในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ส่วน RSI 14 จะเป็นการวัดความแข็งแกร่งของราคาในช่วงระยะเวลาที่ยาวขึ้น

ดังนั้น สรุปง่าย ๆ ว่า ตัวเลขด้านหลังของ RSI คือ จำนวนวันที่นำมาใช้คำนวณในแต่ละช่วงเวลาที่ต้องการค่ะ


ข้อดีและข้อควรระวังของ RSI

ข้อดี

  • บอก Overbought และ Oversold ได้อย่างแม่นยำ
  • สามารถคอนเฟิร์มเทรนด์ของราคาได้ดี
  • บอกจุดกลับตัวหรือทิศทางได้ดี
  • ปรับใช้ได้ในทุกกราฟราคาจากทุกตลาด

ข้อควรระวัง

  • อาจเกิดสัญญาณหลอก เช่น การกลับตัว แต่จริง ๆ กราฟราคากำลังไปต่อ
  • ความแม่นยำลดลง เมื่อราคาผันผวนรุนแรง
  • ต้องอาศัยการวิเคราะห์ปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย


RSI ดูตรงไหน

RSI ดูตรงไหนบน MetaTrader

เทรดเดอร์สามารถดู RSI ได้บน MetaTrader, TradingView หรือแพลตฟอร์มที่โบรกเกอร์ให้บริการ คุณน้าขอยกตัวอย่างการค้นหา RSI บน MetaTrader 4 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • คลิกเข้าไปที่ Insert และเลือก Indicators
  • จากนั้นคลิกประเภทอินดิเคเตอร์ Oscillator
  • สุดท้ายเลือก Relative Strength Index ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ


รูปแบบการใช้ RSI Indicator

⭐ รูปแบบ RSI ที่ 1 : Bullish Convergence

วิธีการทำกำไร Bullish Convergence RSI

รูปแบบที่ 1 Bullish Convergence RSI คือ เส้นของกราฟราคาในปัจจุบันและเส้น RSI จะเคลื่อนที่ไปในแนวโน้มขาขึ้นเหมือนกัน ซึ่งหมายความว่า กราฟมีโอกาสที่จะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเองค่ะ

วิธีการดู Bullish Convergence RSI เป็นอย่างไร?

วิธีการดู Bullish Convergence RSI มีข้อสังเกต ดังนี้ :

  • กราฟของราคาในปัจจุบัน : จะทำ Higher High ขึ้นเรื่อย ๆ
  • กราฟของ RSI Indicator : จะทำ Higher High* ขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกัน

Higher High* คือ จุดราคาขายสูงสุดและราคาขายต่ำสุดอยู่ในระดับที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ


⭐ รูปแบบ RSI ที่ 2 : Bearish Convergence

วิธีการทำกำไร Bearish Convergence RSI

มาต่อกันที่รูปแบบที่ 2 Bearish Convergence RSI คือ เส้นของกราฟราคาในปัจจุบันและเส้น RSI จะเคลื่อนที่ไปในแนวโน้มขาลงเหมือนกัน ซึ่งหมายความว่า กราฟมีโอกาสที่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง

วิธีการดู Bearish Convergence RSI เป็นอย่างไร?

วิธีการดู Bearish Convergence RSI มีข้อสังเกต ดังนี้ :

  • กราฟราคาในปัจจุบัน : จะทำ Lower Low ต่ำลงเรื่อย ๆ
  • กราฟของ RSI Indicator : จะทำ Lower Low* ในระดับที่ต่ำลงเรื่อย ๆ เหมือนกัน

Lower Low* คือ จุดราคาขายสูงสุดและราคาขายต่ำสุดในระดับที่ต่ำลงกว่าเดิมเรื่อย ๆ


⭐ รูปแบบ RSI ที่ 3 : Bullish Divergence

วิธีการทำกำไร Bullish Divergence RSI

มาต่อกันที่รูปแบบที่ 3 นั่นก็คือ Bullish Divergence RSI โดยกราฟราคาในปัจจุบันจะทำ Lower Low ลงไปอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กราฟของเส้น RSI จะเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้ามกัน คือ กราฟของเส้น RSI จะทำการ Higher High ขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง

วิธีการดู Bullish Divergence RSI เป็นอย่างไร?

วิธีการดู Bullish Divergence RSI มีข้อสังเกต ดังนี้ :

  • กราฟราคาในปัจจุบัน : จะทำ Lower Low ต่ำลงเรื่อย ๆ
  • กราฟของ RSI Indicator : จะทำ Higher High ขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง


⭐ รูปแบบ RSI ที่ 4 : Bearish Divergence

วิธีการทำกำไร Bearish Divergence RSI

และรูปแบบ RSI อันดับสุดท้าย นั่นก็คือ Bearish Divergence RSI โดยกราฟราคาในปัจจุบันจะทำการ Higher High ขึ้นไปเรื่อย ๆ ในขณะที่กราฟ RSI จะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกัน คือ กราฟ RSI จะทำการ Lower Low ลงไปเรื่อย ๆ ค่ะ

วิธีการดู Bearish Divergence RSI เป็นอย่างไร?

วิธีการดู Bearish Divergence RSI มีข้อสังเกต ดังนี้ :

  • กราฟราคาในปัจจุบัน : จะทำ Higher High สูงขึ้นเรื่อย ๆ
  • กราฟ RSI Indicator : จะทำการ Lower Low ต่ำลงไปอย่างต่อเนื่อง


ข้อควรระวังของ RSI

จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่า รูปแบบของ RSI จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถจับจังหวะปริมาณการซื้อขายได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ดี RSI ก็มีข้อควรระวังเช่นกันค่ะ เพราะบางครั้งการเคลื่อนไหวของ RSI อาจจะเกิดสัญญาณหลอกได้ เมื่อตลาดเกิดความผันผวนสูง ดังนั้น เทรดเดอร์ควรศึกษาปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลกระทบต่อตลาดและควรใช้อินดิเคเตอร์ตัวอื่นควบคู่ไปด้วย คุณน้าขอยกตัวอย่าง 3 อินดิเคเตอร์ยอดนิยมของเทรดเดอร์ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • MACD : เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้บอกแนวโน้มของเทรนด์ ซึ่งจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุการกลับตัวของราคาได้
  • Ichimoku Cloud : เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้วิเคราะห์กราฟราคา โดยมีจุดเด่น คือ สามารถระบุแนวรับ-แนวต้านและใช้ดูแนวโน้มของตลาด
  • Bollinger Bands : เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้วัดความผันผวนของราคา ตลอดจนกรอบการเคลื่อนไหวของราคา


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้ RSI ในการทำกำไร

RSI เป็น Indicator ที่บ่งชี้ปริมาณการซื้อขายในตลาด โดยมีค่าตั้งแต่ 0 – 100 ซึ่งปกติแล้ว เส้น RSI จะมีการกำหนดว่า หากค่า RSI มากกว่า 70 นั่นแปลว่าตลาดเข้าสู่สภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) และหากค่า RSI ต่ำกว่า 30 นั่นแปลว่าตลาดเข้าสู่สภาวะขายมากเกินไป (Oversold)

การตั้งค่า RSI นั้น สามารถใช้ได้ดีกับค่าพื้นฐานใน TF 1 ชั่วโมงขึ้นไป แต่หากจะให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เทรดเดอร์ควรใช้กับ Time Frame Day

การสังเกต Divergence จาก RSI นั้น สามารถสังเกตได้จากราคาที่ทะลุลงไปทั้งโซน Overbought และ Oversold โดยหากราคาทำยอดแหลมเหมือนกับภูเขาในโซนใดโซนหนึ่งจำนวน 2 ครั้ง จะทำให้มีโอกาสกลับตัวสูง เช่น หากกราฟแสดงผลทะลุ Oversold โดยมียอดแหลม 2 ยอด แสดงว่าราคามีแนวโน้มกลับตัวเป็นขาขึ้นสูง


สรุป RSI คืออะไร?

สรุปได้ว่า RSI เป็นหนึ่งใน Indicator ยอดนิยมของเทรดเดอร์ใช้กันเป็นประจำ เพราะจุดเด่นของ RSI ก็คือ สามารถบอกจุดกลับตัวหรือเปลี่ยนเทรนด์ของราคาได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ควรระมัดระวังเกี่ยวกับการเข้า-ออกออเดอร์ด้วยนะคะ เมื่อตลาดเกิดความผันผวนค่อนข้างสูง การใช้ RSI อาจเกิดสัญญาณหลอกได้

ดังนั้น เทรดเดอร์ควรเช็กสัญญาณหลอกให้ดี รวมทั้งควรตั้งจุด Take Profit และ Stop Loss เพื่อช่วยป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ ด้วยความปรารถนาดีจากทีมงานคุณน้าพาเทรดค่ะ ซึ่งคุณน้าหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย และในบทความหน้า คุณน้าจะพาทุกคนไปรู้จักกับอินดิเคเตอร์ตัวไหน โปรดติดตามกันให้ดีนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : Investopedia

คุณน้าพารู้จัก RSI Indicator


สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge

คุณน้า
คุณน้า
คุณน้าเป็นเทรดเดอร์ที่คลุกคลีอยู่ในตลาดต่าง ๆ ร่วม 10 ปี จึงอยากนำความรู้ที่มีมาแบ่งปันให้กับทุกคน
Recent Post
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 16 ธันวาคม 2567
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 16 ธันวาคม 2567 By คุณน้าพาเทรด

วิเคราะห์ทองคำวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ซึ่งมีข่าวสำคัญจากสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลงไปที่บริเวณ 2,645-2,647 ดอลลาร์ และเกิด QM ค่ะ

แนะนำ 10 หุ้นน่าลงทุน ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส
แนะนำ 10 หุ้นน่าลงทุน ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส

คุณน้าจะขอแนะนำ 10 หุ้นน่าลงทุนต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส ไปกับตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนจะเริ่มต้นปี 2025 กันค่ะ

วิเคราะห์ทองคำวันที่ 11 ธันวาคม 2567
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 11 ธันวาคม 2567 By คุณน้าพาเทรด

สวัสดีสายเทรดทองทุกท่านนะคะ วันนี้มาติดตามวิเคราะห์ทองคำประจำวันพุธที่ 11 ธันวาคม 2567 กันค่า วิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ เมื่อวานนี้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 33 ดอลลาร์