Indicator เป็นหนึ่งในสิ่งที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ขาดไม่ได้เลยค่ะ เพราะจะช่วยให้วิเคราะห์และหาจุดเข้าได้แม่นยำยิ่งขึ้น และหนึ่งใน Indicator ยอดนิยมในตลาด Forex หรือแทบจะทุกตลาดที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นิยมใช้ก็คือ CCI ค่ะ
ว่าแต่ CCI คืออะไร มีวิธีใช้งานยังไง มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันค่ะ
Indicator คืออะไร ?
Indicator เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคสำหรับการเทรดค่ะ และสามารถใช้ได้กับ Forex ด้วย
ซึ่งเป็นเครื่องมือทางคณิตศาสตร์ที่จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์โดยอิงจาก 5 หลักใหญ่ ๆ ได้แก่ ราคาเปิด, ราคาสูงสุด, ราคาต่ำสุด, ราคาปิด และปริมาณการซื้อขาย
โดยส่วนใหญ่การคำนวณโดยใช้ Indicator Forex จะแสดงผลเป็นรูปแบบแผนภูมิหรือกราฟดัชนีต่าง ๆ ออกมาให้เราค่ะ
พูดง่าย ๆ Indicator คือเครื่องมือที่จะช่วยให้เราวิเคราะห์กราฟและราคาได้ง่ายขึ้น เหมือนมีผู้ช่วยให้ข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจนั่นเองค่ะ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคู่มือสำหรับการเทรด แต่เราจะเลือกใช้หรือไม่ใช้ก็ได้เช่นกันค่ะ
สามารถอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ Indicator มากขึ้นได้ในบทความนี้
บทความที่เกี่ยวข้อง
- RSI คืออะไร ? วิธีใช้ RSI ทำกำไรจากการเทรด
- MACD คืออะไร ? วิธีใช้ MACD ทำกำไรจากการเทรด
- วิธีเปิดบัญชีเทรด Forex แบบละเอียด
- 5 Indicators ยอดนิยม
CCI คืออะไร ?
Commodity Channel Index (CCI) คือ หนึ่งใน Indicator ยอดนิยมที่เทรดเดอร์และนักลงทุนใช้ในการระบุภาวะการซื้อมากเกินไปและการขายมากเกินไปในตลาดเพื่อหาเทรนด์ที่ได้เปรียบและหาจุดกลับตัวของเทรนด์ค่ะ
โดยเจ้า CCI ถูกพัฒนาโดย Donald Lambert เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ปัจจุบันมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายตลาดการลงทุน รวมถึงหุ้น และตลาด Forex ด้วยค่ะ
ค่าราคาจะอยู่ในระดับ 0 – 100 ค่ะ หากเกิน 100 นั่นหมายถึงเข้าสู่ Overbought
และหากค่าต่ำกว่า 0 แปลว่าเข้าสู่ Oversold ค่ะ
CCI เป็น Indicator ประเภทไหน
สำหรับ CCI นั้น จัดเป็น Indicator ประเภทที่ใช้บอก Momentum ของตลาดค่ะ โดย Commodity Channel Index เป็นตัวสร้างโมเมนตัมเป็นหลัก ซึ่งหมายความว่าใช้เพื่อระบุเทรนด์และแนวโน้มของราคาค่ะ
ถ้าหากใครอยากอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับประเภทของ Indicator อีก สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความนี้
การใช้งาน CCI ในการวิเคราะห์
การตั้งค่าเฉพาะสำหรับ Commodity Channel Index (CCI) ขึ้นอยู่กับรูปแบบสไตล์การเทรดรวมถึงความชอบของแต่ละบุคคลค่ะ และอีกหนึ่งสิ่งที่ควรถูกนำมาพิจารณาด้วยก็คือ Timeframe เพราะถ้าสังเกตกันจริง ๆ จะพบว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ จะมีการตั้งค่า Indicator ต่างกันในแต่ละ Timeframe ถึงแม้ว่าจะเป็น Indicator ตัวเดิมค่ะ
และการตั้งค่าเริ่มต้นสำหรับ CCI มักจะอยู่ที่ 14 ซึ่งเลข 14 นั้นมาจากจำนวนวันย้อนหลังที่จะถูกนำมาคำนวณทิศทางที่มีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต
ควรตั้งค่า CCI อย่างไร ? ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง ?
1.ระยะเวลาที่ต้องการ
ระยะเวลามาตรฐานสำหรับ CCI คือ 14 ซึ่งหมายความว่าจะดูข้อมูลราคาในช่วง 14 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเลขที่ผ่านการวิเคราะห์มาแล้วว่าเหมาะสมกับการนำมาปรับใช้ แต่ใช่ว่าเราจะไม่สามารถปรับได้นะคะ
ถ้าหากว่าใครต้องการปรับระยะเวลามาตรฐานของ CCI คุณน้าขอแนะนำดังนี้
- ระยะเวลาที่สั้นกว่า (เช่น 9 หรือ 10) อาจสร้างสัญญาณมากขึ้น มีโอกาสทำกำไรมากขึ้น แต่สัญญาณที่เกิดขึ้นก็อาจจะเป็นสัญญาณหลอก ทำให้เกิดความเสียหายต่อพอร์ตเราได้
- ระยะเวลาที่นานขึ้น (เช่น 20 หรือ 25) อาจสร้างสัญญาณน้อยลง มีโอกาสทำกำไรน้อยกว่าการตั้งค่าที่สั้นกว่านี้ แต่สามารถกรองสัญญาณได้มากกว่า ความแม่นยำมีสูงกว่าค่ะ แต่อาจจะไม่ถูกใจสายเปิดออเดอร์หลายรอบต่อวันเท่าไหร่
2.Timeframe
CCI สามารถนำไปใช้กับ Timeframe ที่แตกต่างกัน เช่น 1H, 4H รวมถึง 1D หรือ 1W ค่ะ โดยปรับการตั้งค่าตามกรอบเวลาการซื้อขายที่เราต้องการ ซึ่งช่วงเวลาที่สั้นกว่าอาจเหมาะสำหรับการซื้อขายรายวัน ในขณะที่ช่วงเวลาที่ยาวกว่าอาจเหมาะกับการมองเทรนด์ใหญ่ที่เราควรถือออเดอร์นาน หรือว่าแนวโน้มว่าเทรนด์ของตลาดกำลังไปในทิศทางใดค่ะ
3.การ Back Test ยืนยัน
อีกหนึ่งอย่างที่คุณน้าอยากแนะนำให้ทุกคนลองทำก่อนที่จะใช้การตั้งค่า CCI คือลองใช้ค่ามาตรฐานหรือค่าที่ต้องการกับการ Back Test ดูก่อนค่ะ เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าในช่วงเวลาต่าง ๆ ตัว CCI แสดงผลอย่างไร เพื่อที่จะได้เจอค่าที่เหมาะกับสไตล์การเทรดกับเรา ซึ่งเราสามารถใช้กับ Indicators ตัวอื่นได้ด้วยเช่นกัน
4.ใช้ร่วมกับ Indicator อื่น
ยิ่งเราทดลองใช้ CCI ร่วมกับ Indicator ตัวอื่น ก็จะช่วยคอนเฟิร์มว่าทิศทางถูกต้องมากน้อยเพียงใด และโอกาสในการเจอจุดเข้าหรือว่าการกลับตัวของเทรนด์จะยิ่งชัดขึ้น โอกาสพลาดน้อยลงด้วยค่ะ
5.สภาวะตลาด
อีกหนึ่งปัจจัยที่จะต้องถูกนำมาคำนวณในการใช้ CCI คือสภาวะตลาดค่ะ เพราะเราควรมี Set Up ของ CCI ในช่วงตลาดนิ่งกับตลาดผันผวนที่แตกต่างกัน
ข้อดี และ ข้อควรระวัง ของการใช้ CCI
ข้อดี
- บอก Overbought และ Oversold ได้ดี
- คอนเฟิร์มเทรนด์ของราคาได้ดี
- บอกจุดกลับตัวหรือเปลี่ยนเทรนด์ได้ดี
- ปรับใช้ได้ในทุกกราฟราคาจากทุกตลาด
ข้อควรระวัง
- เกิดสัญญาณเท็จอยู่บ้าง เช่น การกลับตัว (แต่จริง ๆ ไปต่อ)
- ความแม่นยำลดลงเมื่อราคาผันผวนรุนแรง
- ควรวิเคราะห์ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ การใช้ Indicator CCI ในการทำกำไร
1.CCI คืออะไร ?
CCI คือ Indicator ที่ใช้ในการระบุภาวะการซื้อมากเกินไปและการขายมากเกินไปในตลาดเพื่อหาเทรนด์ที่ได้เปรียบและหาจุดกลับตัวของเทรนด์
2.CCI ตั้งค่าเท่าไหร่ดี ?
ปกติ CCI นั้นจะตั้งค่าอยู่ที่ 14 ซึ่งหมายถึงการวิเคราะห์ราคา 14 วันก่อนหน้า ถ้าหากยิ่งตั้งตัวเลขสูง จะยิ่งมีความแม่นยำมากขึ้น แต่การให้สัญญาณก็จะมีความถี่ที่ต่ำลงค่ะ
3. CCI ดู Divergence ยังไง ?
การสังเกต Divergence จาก CCI นั้น สามารถสังเกตจากราคาที่เคลื่อนที่เข้าสู่ Overbought หรือ Oversold ได้ หากราคามีค่าสูงกว่า 100 ขึ้นไป ราคาก็อาจจะกำลังอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น แต่ถ้าหากราคายังคงสูง แต่ CCI กราฟนั้นลดระดับต่ำลงจาก 100 ก็แปลได้ว่ามีโอกาสกลับตัวสูงค่ะ
สรุป
CCI เป็น Indicator ที่ได้รับความนิยมจากการใช้ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ก็สามารถนำมาปรับใช้ในตลาดการลงทุนอื่น ๆ ได้ดีไม่แพ้กันเลยค่ะ เพราะสามารถบ่งบอกเทรนด์และสัญญาณได้เป็นอย่างดี
แต่เทรดเดอร์ก็ต้องระมัดระวังในการเข้าออกออเดอร์นะคะ เพราะถึงแม้ว่า Indicator จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้เทรดเดอร์รู้เทรนด์หรือแนวโน้มได้ดียิ่งขึ้น แต่บางครั้ง Indicator อาจจะไม่ได้ให้สัญญาณที่ถูกต้องเสมอไป โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่กราฟมีความผันผวนจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ข่าว, สงคราม และ โรคระบาด
เพราะฉะนั้นการเช็กสัญญาณหลอก และออกออเดอร์โดยตั้ง TP และ SL จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งค่ะ ด้วยความปรารถนาดีจาก คุณน้าพาเทรด
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเทรดเดอร์หรือผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วคุณน้าจะเขียนบทความให้ทุกคนได้อ่านและศึกษาเรื่อย ๆ เลยค่ะ
สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยชินกับการใช้ Indicator ลองเข้าไปใช้ได้ที่ https://th.tradingview.com ได้นะคะ เพื่อจะได้ทดลองดูกราฟและวิเคราะห์ดูก่อน
ขอบคุณข้อมูลจาก : Investopedia
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge