ต้องบอกเลยนะคะว่า ทุกวันนี้แค่งานประจำนั้นอาจจะยังไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายของเราแล้ว เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นรวมไปถึงสภาวะเงินเฟ้อที่กำลังเกิดขึ้นแทบจะทั่วทุกมุมโลกเลย เพราะฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุด คือ การหารายได้เพิ่มค่ะ ซึ่งคุณน้าก็อยากนำเสนอการเทรด Forex เพื่อเป็นอีกหนึ่งโอกาสในการหารายได้ค่ะ
ทำไมถึงควรเทรด Forex?
เพราะ Forex เป็นตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่มีมูลค่าสูงที่สุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลกด้วย นอกจากนี้ยังมีเวลาให้เทรดถึง 5 วันต่อสัปดาห์เกือบตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย เรียกได้ว่า มีโอกาสสร้างกำไรสูงเลยค่ะ แถมตลาดนี้ยังมีคู่สกุลเงินหรือตราสารหลากหลายให้เลือกเทรดเลย มีทั้งสำหรับคนที่ชอบผันผวนต่ำและผันผวนสูง
ตลาด Forex ไม่ใช่ตลาดหลอกลวง
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า ตลาด Forex มีมาอย่างช้านานและมีผู้ลงทุนเข้าร่วมหลายแห่งทั่วโลกเลย ซึ่งการแลกเปลี่ยนสกุลเงินเนี่ยไม่ใช่ตลาดหลอกลวงแต่อย่างใดค่ะ เพราะมีทั้งการแลกเปลี่ยนสกุลเงินกันจริง ๆ อย่างธนาคารใหญ่หรือสถาบันการเงินที่รับแลกเปลี่ยนสกุลเงิน รวมไปถึงการซื้อขายแบบ CFD ที่แม้จะไม่ได้สกุลเงินจริง ๆ แต่ก็เป็นการเก็งกำไรจากส่วนต่างของสกุลเงินค่ะ
เพราะฉะนั้นใครที่เห็นข่าว Forex3D แล้วคิดว่าการเอาเงินไปลงทุนในตลาด Forex นั้นเป็นการหลอกลวง แปลว่าเข้าใจผิดนะคะ เพราะขบวนการต่างหากที่หลอกลวงค่ะ
ทำกำไรจากการเทรด Forex ได้อย่างไร?
การเทรด Forex คือ การซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของสกุลเงิน เพราะฉะนั้นเราก็จะได้กำไรจากค่าเงินที่เพิ่มขึ้นและลดลงค่ะ ดังนั้น จึงมีการทำกำไรได้ 2 รูปแบบ นั่นก็คือ เมื่อเราคิดว่าตราสารที่เราต้องการเทรดนั้นราคากำลังจะขึ้น และราคากำลังจะลงค่ะ ซึ่งก็จะเรียกกันว่า Buy และ Sell โดยจะมีหลักการและแนวคิดในการทำกำไร ดังนี้
- เราจะทำการเปิดออเดอร์ขาย (Sell) ในกรณีที่คิดว่า ราคาสินค้าหรือตราสารที่เราเทรดจะมีราคาที่ลดลง
- เราจะทำการเปิดออเดอร์ซื้อ (Buy) ในกรณีที่คิดว่า ราคาสินค้าหรือตราสารที่เราเทรดจะมีราคาที่สูงขึ้น
เวลาทำการของตลาด Forex
ตลาด Forex เปิดให้เทรดเกือบตลอด 24 ชั่วโมงในวันจันทร์ – ศุกร์ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเวลาทำการในแต่ละประเทศมีความคาบเกี่ยวกัน จึงทำให้เราสามารถเทรดในตลาด Forex ได้ตลอด 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่ช่วงตี 5 ของเช้ามืดวันจันทร์ไปจนถึงช่วงตี 4 ของวันศุกร์เข้าวันเสาร์ค่ะ
แล้วเราจะเทรด Forex ได้ยังไง ?
การจะเทรด Forex เราต้องเทรดผ่านนายหน้าหรือที่เรียกกันว่า โบรกเกอร์ (Broker) ค่ะ โดยโบรกเกอร์จะทำหน้าที่รับคำสั่งซื้อของเราไปยังตลาด Forex หรือจะมีโบรกเกอร์บางประเภทที่รับจ่ายเองด้วยค่ะ
ศัพท์พื้นฐานสำหรับตลาด Forex
กราฟ (Graph) คือ การเคลื่อนที่ของราคาค่ะ โดยราคาจะแสดงในรูปแบบแท่งเทียนเรียงตัวกันบนกราฟ ทำให้เราได้รู้สถิติของราคาว่าเคลื่อนที่ไปในทิศทางไหน และทำให้เราสามารถคำนวณแนวโน้มได้
ไทม์เฟรม (Timeframe) คือ การแสดงผลของกราฟราคาในระยะเวลาที่เราต้องการดูค่ะ มีให้เลือกทั้งแบบรายนาที รายชั่วโมง รวมไปถึงรายวันเลย (จุดนี้เราสามารถตั้งค่าเองได้)
สเปรด (Spread) เป็นเหมือนค่าธรรมเนียมที่เราจะต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์ค่ะ ซึ่งทุกครั้งที่เราเปิดออเดอร์ ออเดอร์ของเราจะติดลบก่อนเสมอ นั่นคือ ค่าสเปรดในคู่สกุลเงินต่าง ๆ (แต่บัญชีบางประเภทก็จะไม่มีค่าสเปรดค่ะ เพราะจะไปหักค่าคอมมิชชั่นในการเปิดออเดอร์แต่ละออเดอร์แทน)
เลเวอเรจ (Leverage) เป็นข้อเสนอจากโบรกเกอร์ค่ะ ซึ่งเปรียบเสมือนเรายืมเงินโบรกเกอร์มาก่อนแล้วลงทุนในจำนวนที่มากกว่าทุนจริง ๆ ของเรา เพราะโดยปกติถ้าหากเราลงเงิน 1 ดอลลาร์ก็แปลว่าเราลงทุนในจำนวน 1 ดอลลาร์ใช่ไหมคะ นั่นก็เปรียบเสมือนเราลงทุนแบบ 1:1 ก็คือ ไม่ใช้ตัวคูณใด ๆ เลย แต่หากเราใช้ Leverage ที่ 1:50 นั่นแปลว่า เรามีเงิน 1 ดอลลาร์ก็จริง แต่เราลงทุนในจำนวน 50 ดอลลาร์ค่ะ
สวอป (Swap) เป็นค่าธรรมเนียมสำหรับออเดอร์ที่เปิดค้างคืนค่ะ ซึ่งก็จะนับจาก 24 ชั่วโมงที่เราถือออเดอร์ แต่ในบางโบรกเกอร์ก็จะไม่มีการคิดค่า Swap นะคะ
โบรกเกอร์ Forex คืออะไร?
อย่างที่คุณน้ากล่าวไปข้างต้น โบรกเกอร์ Forex จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางของเราโดยส่งคำสั่งซื้อของเราไปยังศูนย์กลางหรือตลาด Forex โดยตรง ด้วยเหตุที่ว่านักลงทุนตัวเล็ก ๆ อย่างเราไม่สามารถเทรดในตลาดได้โดยตรงค่ะ เพราะเป็นตลาดขนาดใหญ่มาก มีการซื้อขายหลักหลายล้านเหรียญ ดังนั้น จึงต้องมีโบรกเกอร์เป็นคนที่รวบรวมคำสั่งซื้อของเราและส่งไปยังตลาดโดยตรงนั่นเองค่ะ ซึ่งโบรกเกอร์ก็จะได้กำไรจากการเป็นคนกลางจากค่า Spread ในแต่ละคู่สกุลเงินและค่า Commission ค่ะ
สำหรับใครที่ต้องการหาโบรกเกอร์ที่เหมาะกับตัวเอง คุณน้าก็มีการรีวิวโบรกเกอร์ไว้ รวมถึงการจัดอันดับโบรกเกอร์ในหัวข้อต่าง ๆ ด้วยค่ะ สามารถอ่านรีวิวการจัดอันดับโบรกได้ที่นี่ และอ่านรีวิวโบรกเกอร์ต่าง ๆ ได้ที่นี่
มือใหม่หัดเทรดกับบัญชี Demo
โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มักจะมีบัญชีประเภท Demo หรือบัญชีทดลองให้เหล่าเทรดเดอร์ได้ลองเทรดก่อนค่ะ ซึ่งเราสามารถเข้าไปทดลองเทรดได้ในตราสารต่าง ๆ เพื่อทำความเข้าใจและสร้างความคุ้นเคยกับอุปกรณ์ในการเทรด ข้อดีของการเทรดบัญชี Demo ก่อนเทรดจริง คือ เราจะได้ฝึกกลยุทธ์การเทรดและการออกออเดอร์ได้โดยที่เราไม่ต้องเสียเงินสักบาทเลยค่ะ
ขั้นตอนการเทรด Forex
1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตลาด Forex และทำความเข้าใจกับการเทรดเบื้องต้นก่อน รวมไปถึงเตรียมเงินทุนด้วย ควรจะเป็นเงินเย็นนะคะ เพราะหากขาดทุนหรือเทรดไม่เป็นไปตามที่เราต้องการขึ้นมาจะได้ไม่เดือดร้อนค่ะ
2. เลือกโบรกเกอร์ที่ต้องการเทรด เมื่อศึกษาข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ก็จะเริ่มขั้นตอนการเทรดแล้วค่ะ โดยเราต้องเริ่มจากการเลือกโบรกเกอร์ที่สนใจ (ถ้าหากใครยังไม่มีโบรกเกอร์ที่สนใจจะเปิดบัญชีด้วยหรืออยากศึกษาเพิ่มเติมก็สามารถศึกษาได้จากหน้ารีวิวของคุณน้าได้เลย) และเริ่มขั้นตอนการเปิดบัญชี ซึ่งก็จะมีการให้ยืนยันข้อมูลด้วยเอกสารต่าง ๆ จากนั้นก็เริ่มฝากเงินกับทางโบรกได้เลย หรืออาจจะลองเทรดด้วยบัญชี Demo ก่อนก็ได้นะคะ
3. เริ่มเทรดได้เลย ใช่ค่ะ หลายคนอาจจะกังวลว่า การเทรด Forex นั้นมีขั้นตอนยุ่งยาก อันที่จริงเพียงไม่กี่ขั้นตอนเราก็สามารถเริ่มเทรดได้เลย แถมยังเทรดได้ทุกที่ทุกเวลาในเวลาทำการของตลาดอีกด้วยค่ะ โดยการเริ่มเทรดเราก็จะเลือกคู่สกุลเงินที่สนใจแล้วเริ่มเปิดออเดอร์ Buy หรือ Sell ได้เลยค่า
ประเภทการเทรด
สำหรับใครที่คิดอยู่ว่ากลยุทธ์การเทรดแบบไหนจะเหมาะกับเรา วันนี้คุณน้ามี 3 ประเภทของการเทรดมาแนะนำ เผื่อว่าเหมาะกับผู้อ่าน ได้แก่
Day Trading : เน้นทำกำไรที่จะต้องปิดออเดอร์ให้ได้ภายในวันเดียวและไม่ถือข้ามคืนค่ะ เพราะในบางโบรกเกอร์จะมีการคิดค่า Swap (ค่าถือออเดอร์ข้ามคืน) โดย Day Trading เหมาะกับคนที่มีเวลาเสพข่าวหรือเฝ้าหน้าจอค่ะ
Trend Trading : การเทรดแบบ Trend Trading นั้น เราต้องอ่านเทรนด์ของกราฟให้ขาด เพราะต้องอาศัยจังหวะดี ๆ ในการเปิดออเดอร์และต้องคำนวณทิศทางราคาให้ถูกด้วยนะคะ อาจจะถือออเดอร์สั้น ๆ หรือยาวก็ได้จนกว่าราคาจะวิ่งไปถึงจุดที่เราคาดการณ์หรือเราพอใจค่ะ
Scalping : เป็นการเทรดที่เน้นความไว และความถี่ค่ะ โดยเน้นทำกำไรในระยะสั้น ๆ ภายในไม่กี่นาทีจนถึงชั่วโมงเพื่อดูทิศทางราคาในช่วงเวลานั้น ๆ เหมาะกับคนที่อยู่ติดจอตลอดเวลาและสามารถรับความเสี่ยงได้ค่ะ
แนะนำ Indicators ยอดนิยม
Indicator เป็นอีกหนึ่งในตัวช่วยสำคัญในการวิเคราะห์กราฟหรือทิศทางราคาเพื่อทำกำไรให้เราค่ะ โดยมี 3 Indicators ที่คุณน้าอยากแนะนำ นั่นก็คือ
RSI: เป็นตัวช่วยที่คอยบ่งชี้ปริมาณการซื้อขายในตลาดค่ะ โดยเราจะกำหนดปริมาณการซื้อขายในตลาดในกรอบระดับ 0 – 100, การซื้อขายปกติให้อยู่ในกรอบราคาช่วง 30 – 70 เปอร์เซ็นต์ และส่วนที่เกิน 30 – 70 เปอร์เซ็นต์เราจะนับว่าเป็นการซื้อขายแบบมีนัยยะสำคัญ
หลักการการใช้ RSI
- ถ้าหากระดับสูงเกิน 70 นั่นแปลว่า มีการซื้อมากเกินไป
- ถ้าหากระดับต่ำกว่า 30 นั่นแปลว่า มีการขายมากเกินไป
MA: MA ทุกประเภทจะใช้หลักการเดียวกัน คือ การหาค่าเฉลี่ยของราคา แล้วนำมาวาดเป็นกราฟเส้น แต่ก็มีสิ่งที่แตกต่างกันอยู่ค่ะ นั่นคือ การให้น้ำหนักของข้อมูลแต่ละตัวที่แตกต่างกันก่อนนำมาคำนวณค่าเฉลี่ย
หลักการการใช้ MA
- สัญญาณซื้อ (Buy Signal) เกิดขึ้นเมื่อกราฟราคาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (เส้น MA)
- สัญญาณขาย (Sell Signal) เกิดขึ้นเมื่อกราฟราคาอยู่ใต้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (เส้น MA)
MACD: โดย MACD ย่อมาจาก Moving Average Convergence Divergence ตัวนี้ทำงานแบบ วิ่งในกรอบ สถานะ Over Bought, Over Sold และร่วมกับ เส้น Moving Average
หลักการการใช้ MACD
- เมื่อเส้น MACD เคลื่อนตัวขึ้นเหนือเส้น Signal ให้เข้าเปิดออเดอร์ Sell
- เมื่อเส้น MACD เคลื่อนตัวลงทะลุผ่านเส้น Signal ลงมา ให้เข้าเปิดออเดอร์ Buy
สิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ นั่นก็คือ การบริหารเงินหรือ Money Management นั่นเองค่ะ
เพราะการบริหารจัดการเงินทุน เป็นการกำหนดกำไรที่เราต้องการ และการขาดทุนที่สามารถยอมรับได้ หรือรวมไปถึงการวางเงินในแต่ละคำสั่ง โดยการบริหารจัดการเงินทุนช่วยทำให้เราเทรด Forex ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งถ้าหากไม่มีการบริหารจัดการเงินทุน ส่งผลให้เราไม่มีแนวทางในการเทรดในตลาด Forex หรือหลักการทำกำไรที่ถูกต้อง บางครั้งการที่เราไม่ได้มีการวางแผนอาจทำให้เราได้กำไรก็จริง แต่เราก็อาจขาดทุน จนไปถึงขั้นล้างพอร์ตได้เลยค่ะ
สรุป
การเทรด Forex นั้นอาจจะดูเหมือนยาก แต่ที่จริงสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองเลยค่ะ แต่ที่ยากที่สุด คือ การทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้นต้องศึกษาการเทรดให้ดี และไม่ใช้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องในการเทรดนะคะ คุณน้าเห็นหลายคนเลยที่พอขาดทุนก็พยายามจะเทรดคืนโดยที่อารมณ์ไม่คงที่ จนทำให้ขาดทุนมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ ดังนั้น อย่าลืมเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมและใช้ Money Management เข้ามาช่วยบริหารจัดการเงินทุนให้ดีค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : Finxpd
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge