รายได้มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ขอคืนภาษีได้ไหม?! สำหรับผู้ที่มีรายได้เกินเกณฑ์แล้วต้องยื่นภาษี เคยตรวจสอบกันไหมคะว่า ตัวเองมีเงินคืนภาษีหรือเปล่า เพราะคนจำนวนไม่น้อยเลยค่ะที่ละเลยเงินในส่วนนี้ คิดว่าการขอคืนนั้นยุ่งยาก แต่ในบทความนี้คุณน้าจะพาไปดูวิธีการขอคืนภาษีง่าย ๆ กันค่ะ พร้อมเคล็ดลับยื่นยังไงให้ได้คืนเร็ว ถ้าพร้อมแล้วไปติดตามกันค่ะ
ภาษี คืออะไร ?
ภาษี (Tax) คือ เงินที่รัฐจัดเก็บจากประชาชนและผู้ประกอบการ เพื่อเป็นรายได้นำมาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้น ประชาชนจึงมีหน้าที่ที่จะต้องนำส่งเงินส่วนนี้ให้แก่ภาครัฐค่ะ โดยภาษีที่มนุษย์เงินเดือนต้องยื่น คือ “ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” ซึ่งจะมีการยื่นภาษีปีละ 1 ครั้ง ในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม ของทุกปีค่ะ
การยื่นภาษี VS การเสียภาษี
- การยื่นภาษี คือ การนำส่งข้อมูลรายได้ให้แก่สรรพากรของผู้ที่มีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 120,000 บาทเป็นต้นไป
- การเสียภาษี คือ การจ่ายเงินภาษีตามเกณฑ์ที่สรรพากรกำหนด สำหรับผู้ที่มีรายได้สุทธิเกิน 150,001 บาทขึ้นไป
ดังนั้น การยื่นภาษีจึงไม่เท่ากับเสียภาษีค่ะ เพราะการเสียภาษีจะต้องเป็นผู้ที่มีรายได้สุทธิหลังหักค่าลดหย่อนต่าง ๆ แล้วยังเกินเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด ซึ่งจำนวนเงินที่ต้องเสียภาษีนั้นขึ้นอยู่กับรายได้ของแต่ละคนค่ะ
วิธีการยื่นภาษีออนไลน์ ทำยังไง ?
- เข้าไปที่เว็บไซต์ของสรรพากร (www.rd.go.th)
- สมัครสมาชิกและเข้าสู่ระบบ
- เตรียมเอกสารและหลักฐานที่แสดงรายได้และรายการลดหย่อนภาษี
- กด “ยื่นแบบออนไลน์”
- หากต้องเสียภาษีให้ชำระยอดตามช่องทางที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งรองรับทั้ง
- E-Payment
- Internet Credit Card
- ATM
- Internet Banking
- Mobile Banking
- หากมีการนำส่งเอกสารหรือขอคืนเงินภาษีที่มีการนำส่งไว้เกินในส่วนของภาษีหัก ณ ที่จ่าย ให้กด “ตรวจสอบขอคืน/ นำส่งเอกสาร”
- ตรวจสอบสถานะการจ่ายหรือขอคืนภาษี
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย คืออะไร ?
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย คือ เงินส่วนหนึ่งที่ผู้จ่ายหักออกไว้ล่วงหน้าก่อนจ่ายให้กับผู้รับเพื่อนำส่งให้กับสรรพากร ซึ่งในการหักเงินส่วนดังกล่าว ผู้จ่ายจะต้องออกหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) เพื่อเป็นหลักฐานแก่ผู้รับด้วย นอกจากนี้ ผู้ที่มีสิทธิหักเงินส่วนนี้จะต้องมีสถานะเป็นบริษัทหรือนิติบุคคลเท่านั้นค่ะ
การขอคืนภาษี คืออะไร ?
การขอคืนภาษี คือ การที่เราขอเงินภาษีในส่วนที่มีการชำระไว้เกินคืน เนื่องจากจำนวนเงินที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายระหว่างปีมากกว่ามูลค่าภาษีที่เราจะต้องจ่ายจริงค่ะ ดังนั้น สำหรับใครที่ไม่มีการเสียภาษีก็ลองเช็คกันดูด้วยนะคะว่า ตัวเองมีจำนวนภาษีที่โดนหักไว้เกินหรือเปล่า เผื่อได้เงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายต่อไปได้ค่ะ
ต้องการขอคืนเงินภาษี ทำยังไง ?
หลังจากยื่นแบบสำเร็จแล้ว ในหน้าสุดท้ายจะปรากฏว่า ทุกคนต้องเสียภาษีหรือไม่ ซึ่งหากไม่ได้เสียและมียอดที่หักชำระไว้เกิน เราจะสามารถขอคืนภาษีได้ค่ะ โดยกด “ต้องการขอคืนภาษีที่ชำระไว้เกิน” หรือเลือกเมนู “สอบถามการคืนภาษี” ค่ะ
เช็คเงินคืนภาษียังไง ?
- เข้าไปที่เว็บไซต์ของสรรพากร (www.rd.go.th)
- เลือกเมนู “สอบถาม/ ส่งเอกสารคืนภาษี”
- กด “My Tax Account”
- เข้าสู่ระบบ
- กด “ติดตามสถานะขอคืน/ นำส่งเอกสาร”
- กด “เลือกเอกสารเพื่อนำส่ง” เพื่อส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง หรือตามที่เจ้าหน้าที่สรรพากรเรียก
- ติดตามสถานะอย่างสม่ำเสมอผ่านเว็บไซต์ หรือข้อความโทรศัพท์
เงินคืนภาษีเข้าบัญชีไหน ?
- บัญชีพร้อมเพย์ (PromptPay) ที่ผูกกับเลขประจำตัวบัตรประชาชน 13 หลัก
- บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
- เช็คสำหรับผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน ซึ่งสามารถนำไปขึ้นเงินกับสาขาธนาคารได้ค่ะ
ขอคืนภาษีกี่วันได้เงิน
หลังจากยื่นแบบและนำส่งเอกสารเพื่อพิจารณาคืนภาษีแล้ว หากผ่านขั้นตอนการพิจารณา ทุกคนก็จะได้รับเงินภาษีคืนภายใน 3 – 4 วันทำการค่ะ แต่กระบวนการที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน คือ การพิจารณาค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่สรรพากรอาจมีการเรียกเอกสารหรือข้อมูลเพิ่มเติม และจำเป็นต้องรอคิวเจ้าหน้าที่ในการตรวจเอกสารค่ะ
7 เคล็ดลับทำให้ได้เงินภาษีคืนเร็วขึ้น !
จากประสบการณ์ของคุณน้า ขอแนะนำวิธีที่จะทำให้เงินภาษีเร็วยิ่งขึ้น จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ
- เตรียมเอกสารที่ใช้เป็นหลักฐานต่าง ๆ ทั้งหนังสือรับรองเงินเดือน, ใบทวิ 50 และหลักฐานการลดหย่อนทั้งหมด
- หากเอกสารไม่ครบ ให้รีบติดต่อสอบถามกับบริษัทที่จ่ายเงินให้เราเพื่อขอเอกสารเพิ่มเติมให้ครบ
- แปลงเอกสารให้อยู่ในรูปแบบไฟล์ JPG, BMP, PNG, TIFF หรือ PDF ที่มีขนาดไฟล์ไม่เกิน 3 MB ทั้งหมดรวมกันต้องไม่เกิน 20 MB โดยตั้งชื่อให้ง่ายต่อการเรียกดู เช่น ใบทวิ 50 20-01-2566_คุณน้าพาเทรด เป็นต้นค่ะ
- หากไฟล์เอกสารไหนมีการใส่รหัสเพื่อเข้าดู ให้แปลงเป็นไฟล์ปกติกันด้วยนะคะ
- ยื่นภาษีตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ต้องรอช่วงโค้งสุดท้าย เพราะจะทำให้ต้องรอคิวในการพิจารณานานค่ะ
- อัปโหลดไฟล์เอกสารได้เลยไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่สรรพากรเรียก เพื่อเพิ่มความรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่หากเอกสารไม่ครบ เจ้าหน้าที่จะมีการร้องขอเพิ่มเติมค่ะ
- ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชนเพื่อรับเงินคืนภาษีจะทำให้เราได้เงินเร็วขึ้นด้วยค่ะ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการขอคืนภาษี
จะรู้ได้ยังไงว่าได้เงินภาษีคืน ?
ทุกคนสามารถตรวจสอบผ่านเว็บไซต์สรรพากร > My Tax Account ตรวจสอบข้อมูลทางภาษี > Login เข้าสู่ระบบ > ติดตามสถานะและส่งเอกสาร > สอบถามชื่อธนาคารที่นำเงินคืนภาษีเข้าบัญชีพร้อมเพย์
ได้เงินภาษีคืนเท่าไหร่ เช็คยังไง ?
การจะรู้ว่าเราได้เงินภาษีคืนเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเรามีรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายเท่าไหร่ ต้องเสียภาษีไหม และมีรายการลดหย่อนหรือไม่ ซึ่งจำนวนเงินทั้งหมดจะปรากฏตามที่เรายื่นแบบแล้วสรรพากรคำนวณมาให้เลยค่ะ โดยสามารถเข้าไปดูได้ที่ My Tax Account ตรวจสอบข้อมูลทางภาษีค่ะ
ขอคืนภาษีย้อนหลังได้กี่ปี ?
หากตรวจสอบแล้วว่าตัวเองมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายระหว่างปีมากกว่ามูลค่าภาษีที่เราจะต้องจ่ายจริง สามารถขอคืนย้อนหลังได้ภายใน 3 ปี นับจากวันสุดท้ายของกำหนดเวลายื่นรายการภาษีค่ะ
ขอคืนภาษีย้อนหลังทำยังไง ?
หากต้องการขอคืนภาษีย้อนหลังจำเป็นต้องไปยื่นเรื่องที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่เท่านั้นค่ะ โดยจะต้องนำเอกสารแสดงรายได้, ใบทวิ 50 ตลอดจนเอกสารแสดงการลดหย่อนต่าง ๆ ไปด้วยค่ะ
สรุป การขอคืนภาษี
ทุกคนเห็นแล้วใช่ไหมคะว่า การขอคืนภาษีนั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้นก็ทำให้เราได้เงินส่วนนี้คืน และสามารถนำไปใช้จ่ายหรือซื้อของที่อยากได้ได้แล้วค่ะ เพราะฉะนั้น หากมีเงินที่หักภาษี ณ ที่จ่ายระหว่างปีมากกว่ามูลค่าภาษีที่เราจะต้องจ่ายก็อย่าลืมไปขอคืนกันนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : E-filing, กรมสรรพากร, ฐานเศรษฐกิจ และประชาชาติธุรกิจ
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge