“การลงทุน” ฟังดูแล้วเหมือนเป็นเรื่องไกลตัวใช่ไหมคะ ? หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าต้องใช้เงินเป็นมาก ๆ ในการลงทุน อาจจะต้องใช้หลักหมื่น หรือหลักแสนกันเลยทีเดียว แต่คุณน้าต้องขอบอกไว้ก่อนเลยนะคะว่า ไม่จริงเลยค่ะ เพราะที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะมีรายได้เท่าไหร่ก็สามารถลงทุนได้ค่ะ แต่จะ ลงทุนอะไร เพียงแค่เราจัดสรรปันส่วนให้เหมาะสม ก็สามารถนำเงินไปลงทุนเพื่อต่อยอดได้ค่ะ
สำหรับเด็กจบใหม่ที่มีเงินเดือนอาจจะยังไม่มาก หรือคนที่มีรายได้น้อย ก็สามารถนำไอเดียเหล่านี้ไปต่อยอดได้นะคะ จะมีอะไรบ้างที่เราสามารถให้เงินทำงานแทนเรา
มีเงิน 10000 บาท ลงทุนอะไรดีในปี 2023 ?
จากวิธีการจัดสรรเงินเดือนข้างต้น เงินที่เราจะนำมาแบ่งลงทุนคือ 30% ของเงินเดือน อันดับแรกสิ่งที่จะทำให้เราเก็บเงินมาลงทุน คือเราต้องตั้งเป้าหมายการลงทุนของเราให้ชัดเจน และศึกษาประเภทการลงทุนที่เราคิดว่าเหมาะสมกับตัวเอง จากนั้นก็สามารถเริ่มลงทุนได้เลยค่ะ ซึ่งคุณน้าได้มีการแบ่งประเภทการลงทุนมาทั้งหมด 8 ประเภท ดังนี้
ฝากประจำ
หากใครที่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง คุณน้าขอแนะนำด้วยการเริ่มจาก เก็บออมเงินในบัญชีฝากประจำ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายสุด ๆ เลยค่ะ เพราะบัญชีประเภทนี้ มีการบังคับให้ฝากเงินในจำนวนที่เท่ากันทุกเดือน ตามระยะเวลาที่ธนาคารกำหนด และการฝากประจำยังให้ดอกเบี้ยสูงกว่าการฝากแบบอื่นด้วยค่ะ โดยให้ผลตอบแทนประมาณ 3% ต่อปี และหากผู้ฝากไม่ทำผิดเงื่อนไข คุณน้ารับรองว่า การฝากแบบนี้ไม่มีทางขาดทุนแน่นอนค่ะ
สลากออมทรัพย์
สำหรับคนที่ยอมรับความเสี่ยงได้น้อย สลากออมทรัพย์ นับเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีสิทธิ์ได้รับเงินรางวัลทุกเดือน ซึ่งจะคล้ายกับการฝากประจำ ที่มีระยะเวลาที่แน่นอน มีสิทธิ์ลุ้นเงินรางวัลทุกงวด แต่ถือว่าเปอร์เซ็นต์การลุ้นรับเงินรางวัลก้อนโตมหาศาลนี้ เกิดขึ้นได้น้อยมากค่ะ ทว่าเมื่อเกิดขึ้นกับเราก็สามารถเปลี่ยนชีวิตได้ภายในข้ามคืนเลยค่ะ
ตราสารหนี้
ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้จากธนาคาร หรือหุ้นกู้จากภาคเอกชน ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างคงที่ และถือว่ามีความเสี่ยงน้อยมาก ๆ ค่ะ หรือซื้อกองทุนรวมตราสารหนี้ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญนำเงินไปลงทุนแทน อาจจะได้รับผลตอบแทนมากกว่าการซื้อเองก็ได้นะคะ ซึ่งการลงทุนเช่นนี้ จะได้ผลตอบแทนจากการจ่ายดอกเบี้ยสม่ำเสมอ โดยให้ผลตอบแทนประมาณ 4% ต่อปีเลยค่ะ
กองทุนรวม
กองทุนรวม ถือเป็นทางเลือกการลงทุนทั้ง มือใหม่ และมือเก่า เพราะสามารถลงทุนในสินทรัพย์แบบครอบคลุมทั้งหมดก็ว่าได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็น เงินฝาก, ตราสารหนี้, ทองคำ, หุ้นในประเทศ, หุ้นต่างประเทศ, สินค้าโภคภัณฑ์, อสังหาริมทรัพย์ และอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังมี ผู้จัดการกองทุน ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนคอยบริหารจัดการเงินที่เราลงทุน
ทองคำ
ทุกคนคงทราบกันดีค่ะว่า ทองคำนั้นเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งการลงทุนในทองคำมีหลากหลายวิธีเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนโดยตรงจากการซื้อทองคำแท่ง หรือทองรูปพรรณมาเก็บไว้, การลงทุนทองคำผ่านกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในทองคำ, Gold Futures หรือหากใครห่วงเรื่องความปลอดภัย ไม่อยากถือครองไว้เอง ก็สามารถออมทองคำผ่านโบรกเกอร์ที่ให้บริการได้เช่นกันค่ะ
หุ้น (Stock)
หลายคนคงคุ้นชินกับคำว่า หุ้น มาพอสมควรใช่ไหมคะ ซึ่งการลงทุนในหุ้น ถ้าจะให้พูดง่าย ๆ นั่นก็คือ การแสดงถึงความเป็น เจ้าของกิจการ ผู้ลงทุนมีฐานะเป็นเจ้าของร่วมในบริษัทที่เราเข้าไปซื้อหุ้น โดยผลตอบแทนของ หุ้น อยู่ในรูปแบบของ เงินปันผล (Captain Gain) และส่วนต่างของราคา (Dividend Yield) ไม่จำกัดแค่หุ้นในประเทศไทย แต่ยังกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้อีกด้วย นอกจากนี้ ต้องมีการพิจารณาการซื้อหุ้น ด้วยนะคะ
สรุป
สุดท้ายนี้ สำหรับใครที่เคยคิดว่าตัวเองมีต้นทุนน้อย แล้วจะลงทุนให้เงินงอกเงยไม่ได้ คงต้องคิดใหม่แล้วนะคะ เพราะหากเรารู้จักจัดสรรเงินให้เหมาะสม และมองหาช่องทางการลงทุนที่เข้ากับตัวเอง ตัวเราเองก็สามารถสร้างรายได้ใหม่ ๆ ได้ ไม่ว่าจะเลือกลงทุนแบบไหนค่ะ อย่างไรก็ตาม ทุกคนลงทุนล้วนมีความเสี่ยง แต่หากเรามีความเข้าใจ และประเมินความเสี่ยงอยู่เสมอ คุณน้าเชื่อว่า สามารถป้องกันความเสี่ยงได้ดีเลยทีเดียวค่ะ
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge