ประกันชีวิตแบบไหนดี? วิธีเลือกซื้อประกันชีวิตให้ได้สิทธิประโยชน์สูงสุด ปี 2567

ประกันชีวิตแบบไหนดี? วิธีเลือกซื้อประกันชีวิตให้ได้สิทธิประโยชน์สูงสุด ต้อนรับปี 2567
Table of Contents

ประกันชีวิตแบบไหนดี? คงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นได้กับใครหลาย ๆ คน เพราะการเจ็บป่วยและความตายเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด ไม่รู้ว่าทุกคนจะคิดแบบคุณน้ามั้ย? แต่สำหรับคุณน้า เรื่องเจ็บป่วยเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ ทำให้เราได้ลิ้มรสว่า การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจริง ๆ ค่ะ และช่วงที่เราเจ็บป่วยนี้เองที่ทำให้เราเห็นคุณค่าของการทำประกันขึ้นมาบ้าง แต่ในปัจจุบันประกันมีหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ประกันที่เหมาะกับเรานั้นเป็นแบบไหน?

ดังนั้น ในวันนี้คุณน้าจะพาทุกคนมารู้จักกับประกันชีวิตให้มากยิ่งขึ้น โดยการเลือกประกันชีวิตแบบไหนดี? วิธีเลือกซื้อประกันให้ได้สิทธิประโยชน์สูงสุด ปี 2567 เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจและเหมาะกับการวางแผนการใช้ชีวิตของคุณ ว่ากันแล้วก็มาเริ่มได้เลยค่ะ!


ประกันภัย คืออะไร ?

ประกันภัย คืออะไร ?

ประกันภัย คือ เครื่องมือบริหารความเสี่ยงชนิดหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน เมื่อเกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งผู้เอาประกันจะทำธุรกรรมไว้กับบริษัทประกันเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสี่ยงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเรานั่นเองค่ะ โดยปกติแล้ว ความคุ้มครองของประกันภัยจะขึ้นอยู่กับประเภทของประกันที่ผู้เอาประกันได้ทำไว้ ซึ่งจะแตกต่างกันตามนโยบายของบริษัทประกัน

ประกันภัย มีกี่ประเภท ?

โดยปกติแล้ว ประกันภัยจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทค่ะ ซึ่งมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

  • ประกันภัยบุคคล (Insurance of the Person) : เป็นการทำประกันภัยที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ตัวบุคคล โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ประกันชีวิต, ประกันอุบัติเหตุ และประกันสุขภาพ
  • ประกันภัยที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน (Property Insurance) : เป็นการทำประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับความเสียหายของทรัพย์สินและให้การคุ้มครองสินทรัพย์ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง, ประกันภัยรถยนต์, ประกันภัยทางอัคคีภัย และประกันภัยเบ็ดเตล็ด
  • ประกันภัยเกี่ยวกับความรับผิดตามกฎหมาย (Liability Insurance) : เป็นประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายที่เกิดจากความประมาทของผู้เอาประกัน ซึ่งทำให้คนอื่นบาดเจ็บ, ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ประกันภัยความรับผิดชอบวิชาชีพ, ประกันภัยความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ และประกันภัยความรับผิดชอบต่อสาธารณะ

ประกันชีวิต คืออะไร ?

ประกันชีวิต หรือ Life Insurance คือ ประกันชนิดหนึ่งที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับชีวิต กล่าวคือ เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิตจากเหตุที่ระบุไว้ตามกรมธรรม์ บริษัทประกันจะมีการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ตามสัญญาที่ระบุไว้ ซึ่งบริษัทประกันจะจ่ายเงินเอาประกันจำนวนหนึ่งให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขความคุ้มครองที่ผู้เอาประกันได้ทำไว้ในกรมธรรม์นั่นเองค่ะ

ประเภทของประกันชีวิต มีอะไรบ้าง ?

โดยประกันชีวิตสามารถแบ่งได้ 4 ประเภทหลัก ๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ

  • ประกันชีวิตตลอดชีพ : เป็นประกันชีวิตที่เน้นให้การคุ้มครองในระยะยาว โดยผู้เอาประกันจะต้องจ่ายเบี้ยประกันในระยะเวลาที่บริษัทกำหนด เช่น 2 ปี, 10 ปี และ 20 ปี เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ประกันชีวิตลักษณะนี้ จะให้ความคุ้มครองตลอดชีพ
  • ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา : เป็นประกันที่เน้นให้ความคุ้มครองในระยะสั้น ซึ่งผู้เอาประกันจะจ่ายเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่ให้การคุ้มครอง เช่น 2 ปี หรือ 5 ปี เป็นต้น โดยประกันชีวิตลักษณะนี้จะให้ความคุ้มครองตามระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาให้ความคุ้มครอง แล้วผู้เอาประกันยังมีชีวิตอยู่ก็จะถือว่ากรมธรรม์ฉบับนี้สิ้นสุดลงและผู้เอาประกันจะไม่ได้รับผลตอบแทนใด ๆ เพราะประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาเป็นการจ่ายเบี้ยประกันทิ้งนั่นเอง
  • ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ : เป็นประกันภัยที่เป็นส่วนผสมระหว่างการคุ้มครองชีวิตและการออมทรัพย์นั่นเองค่ะ โดยการให้ความคุ้มครองจะอยู่ภายใต้ระยะเวลาที่กำหนด ส่วนการออมทรัพย์ คือ ส่วนที่ผู้เอาประกันภัยจะได้รับคือเมื่อสัญญาครบกำหนด
  • ประกันบำนาญ หรือประกันชีวิตแบบเงินได้ประจำ : เป็นประกันชีวิตที่บริษัทจะจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันในจำนวนเงินเท่า ๆ กันในทุกปี เมื่อผู้เอาประกันเกษียณอายุหรือครบอายุครบตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา


บทความที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนการใช้ชีวิตเพิ่มเติม :

บริษัทประกันชีวิตได้กำไรจากไหน?

หากถามว่า บริษัทประกันจะได้อะไรจากเรา? ในเมื่อคนเรายังไงก็ต้องเสียชีวิตอยู่แล้ว คำตอบก็คือ “เบี้ยประกัน” ค่ะ เพราะผู้เอาประกันจะต้องส่งเบี้ยประกันทุกปีตลอดอายุสัญญา ซึ่งเงินส่วนนี้จะถูกนำไปใช้หมุนเวียนเพื่อการลงทุนและใช้จ่ายเพื่อดำเนินธุรกิจต่อไปนั่นเองค่ะ 

และไม่ต้องห่วงว่า บริษัทประกันจะขาดทุนจนล้มละลายไม่มีเงินจ่ายเราเลยค่ะ เพราะบริษัทประกันมีเกณฑ์ในการประเมินความเสี่ยงผู้เอาประกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำประกันชีวิตได้ อีกทั้งหากเหตุที่เกิดขึ้นไม่เข้าเกณฑ์ก็อาจจะไม่ได้รับเงินชดเชยด้วยค่ะ นอกจากนี้ กรมธรรม์ประกันชีวิตยังมีอายุสัญญาแตกต่างกัน หากผู้เอาประกันไม่ได้เสียชีวิตในช่วงสัญญาก็จะไม่ได้รับเงินชดเชยตามสัญญา แต่จะได้รับเป็นเงินทุนที่ใช้เอาประกันแทนค่ะ

ประกันชีวิตมีความสำคัญอย่างไร?

บางคนอาจจะมองว่า ตัวเองอายุยังน้อยและความตายเป็นเรื่องที่ไกลตัว โดยประกันชีวิตเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่คุณน้าขอแนะนำว่า ในอนาคตไม่แน่นอนและสามารถเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้ตลอดเวลาค่ะ ดังนั้น คุณน้าจะพาทุกคนไปดูความสำคัญของประกันชีวิตกันว่า ประกันชีวิตมีความสำคัญอย่างไร? โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ปัจจัยสำคัญ ดังต่อไปนี้

ประกันชีวิตแบบไหนดี? วิธีเลือกซื้อประกันชีวิตให้ได้สิทธิประโยชน์สูงสุด

1. เครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง

ประกันชีวิตสามารถใช้เป็นหลักประกันให้กับคนในครอบครัวได้ค่ะ เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เงินชดเชยที่ได้จากประกันชีวิตจะถูกใช้เป็นมรดกหรือทุนไว้ให้แก่ครอบครัวหรือคนรักของเราได้ โดยปกติแล้ว ทุกคนจะมีภาระหน้าที่แตกต่างกัน ซึ่งหากไม่มีภาระหรือคนที่ต้องดูแลก็แล้วไป แต่หากคุณเป็นเสาหลักในการหาเลี้ยงครอบครัว ประกันชีวิตก็ถือเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ประกันชีวิตยังสามารถใช้เป็นหลักประกันในการกู้ยืมได้ ทั้งจากการกู้เงินตามกรมธรรม์จากบริษัทประกันซึ่งมีดอกเบี้ยไม่สูงมาก และการนำเงินชดเชยที่ได้รับเมื่อเสียชีวิตมาใช้หนี้ เรียกได้ว่า คนข้างหลังไม่ต้องลำบากใช้หนี้ต่อจากเราเลยค่ะ

2. การออมทรัพย์และการลงทุน

การทำประกันนั้น ผู้เอาประกันจะต้องส่งเบี้ยประกันติดต่อกันทุกปีตามอายุสัญญา ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลยค่ะ ดังนั้น การทำประกันชีวิตจึงถือเป็นการฝึกวินัยการออมทรัพย์ได้เช่นกัน อีกทั้ง หากครบกำหนดสัญญาแล้วเรายังมีชีวิตอยู่ก็จะได้เงินต้นคืนพร้อมกับดอกเบี้ย นับเป็นการลงทุนระยะยาวที่ได้ผลตอบแทนแน่นอน ความเสี่ยงต่ำ แถมยังได้ความคุ้มครองด้วยค่ะ

3. สิทธิประโยชน์ทางภาษี

ผลประโยชน์ของประกันชีวิตที่ไม่ควรมองข้าม คือ สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี เพราะเบี้ยที่ใช้จ่ายประกันชีวิตนั้นสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามจริงสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนประกันแบบบำนาญสูงสุด 200,000 บาท โดยทั้ง 2 แบบมีข้อจำกัด คือ ต้องเป็นบริษัทประกันในไทย และมีระยะคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไปค่ะ สามารถติดตามการวางแผนลดหย่อนภาษีได้ที่นี่


วิธีการเลือกซื้อประกันชีวิตให้ได้สิทธิประโยชน์สูงสุด

ประกันชีวิตมีหลายประเภท แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ตัวเองเหมาะกับประกันแบบไหน วันนี้คุณน้าจะพาทุกคนไปดูวิธีการเลือกซื้อประกันชีวิตกันค่ะ

1. ศึกษาประกันชีวิตแต่ละประเภท

อันดับแรกเลย ทุกคนต้องทำความรู้จักประกันชีวิตแต่ละประเภทกันก่อนค่ะ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

วิธีเลือกซื้อประกันชีวิตให้ได้สิทธิประโยชน์สูงสุด
  • ประกันชีวิตตลอดชีพ 

ประกันชีวิตตลอดชีพเป็นการจ่ายเบี้ยประกันระยะยาวเพื่อแลกกับความคุ้มครองตลอดชีวิต (หรือจนถึงอายุ 99 ปี) เรียกได้ว่า ถือกรมธรรม์เล่มเดียวจบ ไม่ต้องทำประกันชีวิตใหม่เมื่อครบสัญญา 

ประกันชีวิตรูปแบบนี้ ค่อนข้างเหมาะกับผู้ที่ต้องการบริหารความเสี่ยงอย่างผู้ที่เป็นเสาหลักของครอบครัว และมีความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันในระยะยาวได้ เนื่องจากประกันชีวิตตลอดชีพมักจะมีเบี้ยประกันแบบคงที่ ณ ช่วงอายุที่เอาประกัน และครอบคลุมปัจจัยต่าง ๆ ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงค่ะ

  • ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา 

ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาเป็นการจ่ายเบี้ยประกันในช่วงระยะเวลาที่ทำสัญญา อาจจะเป็น 5 ปี, 10 ปี หรือ 15 ปี ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์ หากหมดสัญญาแล้วยังต้องการความคุ้มครองก็ต้องทำใหม่ค่ะ

ประกันชีวิตรูปแบบนี้ ค่อนข้างเหมาะกับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ทำให้อาจไม่สามารถหาเงินมาชำระเบี้ยประกันในระยะยาวได้ เพราะเบี้ยประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลานี้มักจะถูกกว่าเบี้ยประกันตลอดชีพนั่นเองค่ะ

  • ประกันชีวิตสะสมทรัพย์

ประกันชีวิตสะสมทรัพย์เป็นการจ่ายเบี้ยประกันในช่วงระยะเวลาที่ทำสัญญาเช่นเดียวกับประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา แต่มีความโดดเด่นอยู่ที่เงินคืน ซึ่งจะมีจำนวนสูงกว่าประกันชีวิตรูปแบบอื่น ๆ ทำให้มันได้รับความนิยมเป็นอย่างมากค่ะ

ประกันชีวิตรูปแบบนี้ค่อนข้างเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนแต่รับความเสี่ยงได้น้อย หรือผู้ที่ต้องการวางแผนทางการเงินควบคู่กับการคุ้มครองค่ะ

  • ประกันบำนาญ

ประกันบำนาญ หรือประกันชีวิตแบบเงินได้ประจำเป็นการจ่ายเบี้ยประกันในช่วงระยะเวลาที่ทำสัญญาหรือจนกว่าจะเกษียณ ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์ โดยผู้เอาประกันจะเริ่มทยอยได้รับเงินคืนหลังจากเกษียณอายุจนถึงอายุที่กรมธรรม์กำหนด ดังนั้น เราจึงเรียกประกันชีวิตรูปแบบนี้ว่า ประกันบำนาญค่ะ

ประกันชีวิตรูปแบบนี้ค่อนข้างเหมาะกับผู้ที่ต้องการวางแผนเกษียณ ทำให้หมดห่วงว่าจะไม่มีเงินบำนาญเมื่อแก่ตัวไปค่ะ

2. พิจารณาอายุ

วิธีเลือกซื้อประกันชีวิตให้ได้สิทธิประโยชน์สูงสุด

อายุ เป็นสิ่งที่ควรนำมาพิจารณาในการเลือกประกันเป็นลำดับแรก ๆ เพราะอายุที่แตกต่างกันจะส่งผลต่อเบี้ยประกันและตัวเลือกแผนประกันที่แตกต่างกันค่ะ อีกทั้ง อายุยังใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาภาระต่าง ๆ ได้ เพราะคนที่อายุยังน้อยส่วนมากจะไม่ค่อยมีภาระมากนัก ขณะที่อายุมากขึ้นจะเริ่มมีภาระต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้ส่งผลต่อความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันค่ะ

3. พิจารณาความเสี่ยง

ปัจจัยในข้อนี้สำคัญต่อการเลือกประกันมาก เพราะคนเรามีความเสี่ยงแตกต่างกัน ซึ่งประกอบด้วยความเสี่ยงดังต่อไปนี้ค่ะ

วิธีเลือกซื้อประกันชีวิตให้ได้สิทธิประโยชน์สูงสุด
  • ความเสี่ยงด้านสุขภาพ อาจเกิดจากกรรมพันธุ์, วิถีชีวิต และสิ่งแวดล้อม ซึ่งหากคุณคิดว่า ตัวเองกำลังเผชิญความเสี่ยงเหล่านี้ การเลือกประกันชีวิตควบประกันสุขภาพ หรือประกันสุขภาพก็อาจจะตอบโจทย์มากกว่าค่ะ
  • ความเสี่ยงด้านรายได้ หากเป็นคนที่มีงานประจำทำหรือมีรายได้หลายทางย่อมมีความมั่นคงมากกว่าผู้ที่รับจ้างชั่วคราวหรือผู้ทำงานอิสระ เนื่องจากรายได้อาจเกิดความไม่แน่นอน ดังนั้น เราจึงควรเลือกแผนประกันที่สอดคล้องกับรายได้ของตัวเองนั่นเองค่ะ
  • ความเสี่ยงด้านความสามารถในการชำระเบี้ยประกัน เนื่องจากคนเรามีสภาพคล่องและภาระแตกต่างกัน บางคนอาจจะเป็นเสาหลักในการหาเลี้ยงครอบครัว บางคนอาจจะมีการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อยานพาหนะหรือที่อยู่อาศัย หรือภาระค่าใช้จ่ายและหนี้สินอื่น ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้ไม่สามารถจ่ายเบี้ยประกันได้ ดังนั้น อย่าลืมประเมินความเสี่ยงในด้านนี้ คิดถึง Worst Case ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อประกอบการเลือกแผนประกันก็ได้ค่ะ

4. พิจารณาความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์

วิธีเลือกซื้อประกันชีวิตให้ได้สิทธิประโยชน์สูงสุด

ประกันชีวิตแน่นอนว่าย่อมให้ความคุ้มครองชีวิต แต่อย่างไรก็ดี บริษัทประกันในปัจจุบันได้ออกแบบแผนประกันมาอย่างมากมายหลากหลาย ตัวอย่างเช่น ประกันชีวิตควบการลงทุน และประกันชีวิตควบประกันสุขภาพ เป็นต้น ดังนั้น เราจึงควรเลือกแผนประกันที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุดค่ะ

หากพิจารณาตามปัจจัยในข้างต้น คนที่อายุยังน้อยดูเหมือนตัวเลือกจะเยอะและหลากหลายกว่า ดังนั้น หากเป็น First Jobber ที่ไม่มีความเสี่ยงหรือภาระต่าง ๆ มากนัก มั่นใจว่าจ่ายเบี้ยประกันไหว ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยสร้างวินัยในการออมได้แล้ว ยังช่วยลดหย่อนภาษีด้วย

แต่หากคุณมีความเสี่ยงด้านสุขภาพ ประกันชีวิตควบประกันสุขภาพก็ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน ดังนั้น เราจึงควรพิจารณาความเสี่ยงของตนเองให้รอบด้าน จากนั้นค่อยมาดูความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ที่เหมาะกับตัวเองค่ะ


ตัวอย่างแผนประกันชีวิตที่ได้รับความนิยม ปี 2567

ต่อไปนี้ คือ แผนประกันชีวิตที่ได้รับความนิยม ปี 2567 โดยคุณน้าได้รวบรวม 5 แผนประกันชีวิตที่น่าสนใจจะมีแผนไหนบ้าง? เราไปดูกันค่ะ!

ประกันชีวิตแบบไหนดี : AIA Excellent (Non Par) ประกันชีวิตเพื่อการสะสมทรัพย์

ประกันชีวิตแบบไหนดี : AIA Excellent (Non Par) ประกันชีวิตเพื่อการสะสมทรัพย์

ประกันชีวิตประเภท : ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์

ระยะเวลาชำระเบี้ยประกัน : 20 ปี

ระยะเวลาคุ้มครอง : 20 ปี

ช่วงอายุผู้ขอเอาประกัน : 15 วัน – 75 ปี

จำนวนเงินเอาประกันขั้นต่ำ : 100,000 บาท

ตัวอย่างสิ่งที่คุณจะได้รับ : รับเงินคืนงวดแรก 10% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยเริ่มต้น ในทุก 4 ปี และจะได้รับการยกเว้นการชำระเบี้ยประกัน เมื่อเกิดกรณีทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร ก่อนอายุ 60 ปี

ประกันชีวิตแบบไหนดี : MTL เมืองไทยประกันชีวิต (mDesign ความสุขทุกช่วงชีวิตที่ออกแบบได้)

ประกันชีวิตแบบไหนดี : MTL เมืองไทยประกันชีวิต (mDesign ความสุขทุกช่วงชีวิตที่ออกแบบได้)

ประกันชีวิตประเภท : ประกันชีวิตควบการลงทุน

ระยะเวลาชำระเบี้ยประกัน : ถึงอายุ 99 ปี

ระยะเวลาคุ้มครอง : ถึงอายุ 99 ปี

ช่วงอายุผู้ขอเอาประกัน : 30 วัน – 70 ปี

จำนวนเงินเอาประกันขั้นต่ำ : 20,000 บาท (สำหรับรายปี)

ตัวอย่างสิ่งที่คุณจะได้รับ : บริหารพอร์ตการลงทุนด้วยผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ และสามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้อย่างทันทุกสถานการณ์

ประกันชีวิตแบบไหนดี : ไทยประกันชีวิต (ไทยประกันชีวิต คุ้มธนกิจ 90/7) 

ประกันชีวิตแบบไหนดี? วิธีเลือกซื้อประกันชีวิตให้ได้สิทธิประโยชน์สูงสุด

ประกันชีวิตประเภท : ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา

ระยะเวลาชำระเบี้ยประกัน : 7 ปี

ระยะเวลาคุ้มครอง : ถึงอายุ 90 ปี

ช่วงอายุผู้ขอเอาประกัน : 1 เดือน – 65 ปี

จำนวนเงินเอาประกันขั้นต่ำ : 300,000 บาท

ตัวอย่างสิ่งที่คุณจะได้รับ : ครบกำหนดสัญญารับ 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยและรับ 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ในกรณีที่เกิดเสียชีวิต

ประกันชีวิตแบบไหนดี : ไทยสมุทร (รีไทร์ เรดดี้ 85/55)

ประกันชีวิตแบบไหนดี? วิธีเลือกซื้อประกันชีวิตให้ได้สิทธิประโยชน์สูงสุด

ประกันชีวิตประเภท : ประกันบำนาญ

ระยะเวลาชำระเบี้ยประกัน : ถึงอายุ 55 ปี

ระยะเวลาคุ้มครอง : ถึงอายุ 85 ปี

ช่วงอายุผู้ขอเอาประกัน : 20 ปี – 50 ปี

จำนวนเงินเอาประกันขั้นต่ำ : 100,000 บาท

ตัวอย่างสิ่งที่คุณจะได้รับ : รับเงินบำนาญ 15% ต่อปี ตั้งแต่อายุ 55 ปี- 85 ปี รวมทั้งสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท

ประกันชีวิตแบบไหนดี : กรุงเทพประกันชีวิต (ห่วงรัก พรีเมียร์ 9901 มีเงินปันผล)

ประกันชีวิตแบบไหนดี? วิธีเลือกซื้อประกันชีวิตให้ได้สิทธิประโยชน์สูงสุด

ประกันชีวิตประเภท : ประกันชีวิตตลอดชีพ

ระยะเวลาชำระเบี้ยประกัน : ครั้งเดียว

ระยะเวลาคุ้มครอง : ถึงอายุ 99 ปี

ช่วงอายุผู้ขอเอาประกัน : แรกเกิด – 70 ปี

จำนวนเงินเอาประกันขั้นต่ำ : 100,000 บาท

ตัวอย่างสิ่งที่คุณจะได้รับ : รับเงิน 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยหรือเบี้ยสะสมตามความจริงในกรณีที่มีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญา


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประกันชีวิต

หากบริษัทประกันล้มละลาย เรายังจะได้รับเงินคืนหรือไม่?

คำตอบ ได้รับเงินคืนค่ะ เพราะบริษัทประกันอยู่ในความคุ้มครองของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งมีกองทุนคุ้มครองผู้เอาประกันภัย เมื่อบริษัทถูกเพิกถอนใบอนุญาต, ล้มละลาย หรือเลิกกิจการ โดยคุ้มครองรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท

❓มีประกันชีวิตที่คุ้มครองการเสียชีวิตทุกกรณีหรือไม่?

คำตอบ มีค่ะ แต่หากมีประวัติการรักษาโรคหรือความเสี่ยงอาจจะไม่สามารถทำประกันชีวิตคุ้มครองทุกกรณีได้ หรือหากทำได้ บริษัทประกันอาจเรียกเก็บเบี้ยประกันเพิ่มสูงกว่าปกติ 
อย่างไรก็ดี บริษัทประกันจะไม่คุ้มครองกรณีดังต่อไปนี้ : ปกปิดและไม่เปิดเผยข้อมูลสาระสำคัญ หรือให้ข้อมูลเท็จ, ฆ่าตัวเองตายโดยเจตนาภายใน 1 ปี, ถูกผู้รับผลประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา, ไม่ชำระเบี้ยจนสัญญาประกันขาดอายุ และเข้าใจว่าทำประกันชีวิต

❓มีประกันชีวิตสำหรับผู้สูงอายุหรือไม่?

คำตอบ มีค่ะ แต่อาจมีข้อจำกัดบางประการ เช่น การเรียกร้องให้ตรวจสุขภาพ หรือจำเป็นต้องชำระเบี้ยประกันสูงขึ้น ทั้งนี้ ส่วนมากผู้สูงอายุที่ทำได้มักจะอยู่ที่ประมาณ 70-75 ปี แล้วแต่บริษัทประกันและกรมธรรม์นั้น ๆ ค่ะ

❓มีประกันชีวิตแบบจ่ายรายเดือนหรือไม่?

คำตอบ มีค่ะ แต่การจ่ายเบี้ยประกันรายเดือนจะแพงกว่าแบบรายปี ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบกับบริษัทประกันหรือตัวแทนจำหน่ายให้แน่ชัดก่อนค่ะ

❓ทุนประกันชีวิตต้องเสียภาษีหรือไม่?

คำตอบ ไม่ต้องค่ะ เงินทุนประกันที่ได้เมื่อครบกำหนดสัญญาตามกรมธรรม์ และเงินชดเชยตามกรมธรรม์ไม่ต้องเสียภาษี ผู้เอาประกันหรือผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินแบบเต็มจำนวน


สรุปประกันชีวิตแบบไหนดี ?

ประกันชีวิตถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับบริหารความเสี่ยง เพราะหากผู้เอาประกันเสียชีวิต ภาระต่าง ๆ จะไม่ไปหนักคนในครอบครัวค่ะ อย่างไรก็ดี แผนประกันจะส่งผลต่อความคุ้มครองและเงินทุนประกันด้วย ดังนั้น เราจึงควรเลือกแผนประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์สอดคล้องกับปัจจัยต่าง ๆ ของตนเอง 

เพราะฉะนั้น หากจะให้บอกว่าประกันชีวิตแบบไหนดี? ก็ต้องตอบว่า ประกันชีวิตที่เหมาะกับตัวเองค่ะ เพราะหากเลือกประกันชีวิตไม่ตรงกับไลฟ์สไตล์หรือความต้องการของตัวเอง นอกจากจะไม่ได้สิทธิประโยชน์สูงสุดแล้วก็อาจจะไม่สามารถจ่ายเบี้ยประกันได้นั่นเองค่ะ


ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge

khunnaphatrade
khunnaphatrade
Recent Post
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 16 ธันวาคม 2567
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 16 ธันวาคม 2567 By คุณน้าพาเทรด

วิเคราะห์ทองคำวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ซึ่งมีข่าวสำคัญจากสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลงไปที่บริเวณ 2,645-2,647 ดอลลาร์ และเกิด QM ค่ะ

แนะนำ 10 หุ้นน่าลงทุน ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส
แนะนำ 10 หุ้นน่าลงทุน ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส

คุณน้าจะขอแนะนำ 10 หุ้นน่าลงทุนต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส ไปกับตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนจะเริ่มต้นปี 2025 กันค่ะ

วิเคราะห์ทองคำวันที่ 11 ธันวาคม 2567
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 11 ธันวาคม 2567 By คุณน้าพาเทรด

สวัสดีสายเทรดทองทุกท่านนะคะ วันนี้มาติดตามวิเคราะห์ทองคำประจำวันพุธที่ 11 ธันวาคม 2567 กันค่า วิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ เมื่อวานนี้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 33 ดอลลาร์