ณ ตอนนี้คงจะเห็นคนที่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นเริ่มแลกเงินเยนเก็บไว้มากขึ้นเลยนะคะ เพราะว่าเงินเยนนั้นกำลังอ่อนค่ามาก ๆ เหมาะแก่การแลกเก็บไว้ ซึ่งนอกจากจะเป็นผลดีกับสายเทรดแล้ว นักท่องเที่ยวก็อาจจะถูกใจด้วยเช่นกันค่ะ
แต่ว่าเหตุการณ์ที่ทำให้เงินเยนอ่อนค่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เงินเยนอ่อนค่าหนักมากนะคะ เพราะเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา เงินญี่ปุ่นหรือเงินเยนเคยอ่อนค่าแตะที่ 151.9 เลยทีเดียว นับว่าเป็นการอ่อนค่าที่สุดในรอบ 20 ปีเลยค่ะ
ล่าสุด (อัปเดต 16 สิงหาคม 2566) เงินเยนทำ New High ของปีนี้ที่ 146.556 โดยประมาณวันนี้คุณน้าเลยอยากจะเขียนสรุปว่าเหตุอันใดบ้างที่ส่งผลต่อราคาเงินเยน และมีผลอย่างไรบ้าง ว่าแล้วก็มาดูกันเลยค่ะ
ปัจจัยที่มีผลต่อสกุลเงินญี่ปุ่นหรือเงินเยน (JPY)
1.ราคาน้ำมัน
ต้องบอกก่อนว่า ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันเป็นส่วนใหญ่ค่ะ และการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันหมายความว่าประเทศต้องใช้จ่ายมากขึ้นในการซื้อน้ำมันจากประเทศอื่นนั่นเอง และพอต้องนำเข้ามากขึ้นก็จะส่งผลกระทบไปหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็น
ดุลการค้า:
ดุลการค้าของญี่ปุ่นอาจแย่ลงเนื่องจากต้นทุนการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าญี่ปุ่นจะใช้จ่ายมากขึ้นในการนำเข้า (รวมถึงน้ำมัน) ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดดุลการค้าได้
บัญชีเดินสะพัด:
บัญชีเดินสะพัดซึ่งรวมถึงดุลการค้าและธุรกรรมข้ามพรมแดนอื่น ๆ อาจได้รับผลกระทบในทางลบเช่นกัน การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่มากขึ้นอาจทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเศรษฐกิจญี่ปุ่นลดลงด้วยเช่นกันนั่นเองค่ะ
อัตราเงินเฟ้อ:
ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นสามารถนำไปสู่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อภายในเศรษฐกิจของญี่ปุ่นด้วย หากต้นทุนสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นเนื่องจากต้นทุนการขนส่งและการผลิตที่สูงขึ้น อาจทำให้ราคาในประเทศสูงขึ้นตามมานั่นเอง
เงินเยนของญี่ปุ่น:
เมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้นและดุลการค้าของญี่ปุ่นแย่ลง อาจนำไปสู่การลดลงของความต้องการเงินเยนของญี่ปุ่น เนื่องจากการขาดดุลการค้าและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อสกุลเงิน พอเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น ก็จะทำให้สกุลเงินอื่นที่เป็นของประเทศที่มีดุลการค้าดีกว่าและสภาพเศรษฐกิจที่มั่นคงแข็งค่าขึ้น เงินเยนก็เลยอ่อนค่านั่นเองค่ะ
ราคาน้ำมันและเงินเยนมักมีความสัมพันธ์แบบผกผันกันค่ะ เนื่องจากญี่ปุ่นพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันอย่างหนัก ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก เนื่องจากขาดแคลนน้ำมันสำรองในประเทศอย่างมาก ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นและรวมถึงสกุลเงินของญี่ปุ่นด้วย
ราคาน้ำมันสูงขึ้น = เงินเยนอ่อนค่า
*หมายเหตุ : เป็นเพียงทฤษฎีในส่วนใหญ่นะคะ แต่ทุกครั้งที่น้ำมันสูงขึ้นก็อาจจะไม่ได้ทำให้เงินเยนอ่อนค่าเสมอไป ต้องดูปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วยน้า
2.การนำเข้า
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีทรัพยากรค่อนข้างน้อยและเน้นการนำเข้า เมื่อทรัพยากรจำเป็นมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น ต้องนำเข้าเพิ่มขึ้น (อย่างเช่น น้ำมัน ที่คุณน้าได้ยกตัวอย่างไป) นั่นก็ทำให้ต้องมีการเพิ่มเงินทุนในการนำเข้าใช่มั้ยล่ะคะ แบบนี้เลยมีผลต่องบดุลของประเทศด้วยเช่นกัน
3.การส่งออก
โดยปกติแล้วนั้น ญี่ปุ่นมีชื่อเสียงด้านสินค้าคุณภาพสูงอยู่แล้วค่ะ เช่น รถยนต์, อิเล็กทรอนิกส์, เครื่องจักร และสินค้าอุปโภคบริโภค ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เน้นการส่งออกอยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องมองของไกลตัวเลย อย่างเช่น เราคงคุ้นชื่อแบรนด์ดัง ๆ อย่าง Toyota, Honda รวมถึง Nissan กันดีอยู่แล้วใช่มั้ยคะ การส่งออกมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยการสร้างรายได้และสร้างงานค่ะ
แล้วถ้าหากตัวเลขส่งออกน้อยลง นั่นแปลว่าการผลิตหรือการขายอาจจะน้อยลง ก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ, เงินค่าแรงงาน และทำให้เงินเยนอ่อนค่าลงได้เช่นกันค่ะ
4.นโยบายของประเทศ
คงต้องบอกว่าเป็นภาพซ้ำจากเมื่อปี 2022 เลยค่ะ เพราะว่าช่วงที่เงินเยนอ่อนค่ามาก ๆ ที่ในตอนนั้น 1USD = 151.9 JPY สาเหตุหลักก็มาจากนโยบายทางฝั่งสหรัฐฯ ที่มีความต้องการควบคุมเงินเฟ้อ ส่วนทาง BOJ หรือ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (Bank of Japan) เนี่ย เป็นประเทศที่มีนโยบายคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ -0.1% ในขณะที่สหรัฐมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 5.50% และทาง BOJ ก็ไม่ได้มีนโยบายทางการเงินที่จะดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนมากนัก เพราะถ้าหากเทียบเศรษฐกิจจริง ๆ ระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น แน่นอนว่านักลงทุนส่วนใหญ่ก็จะเทไปลงทุนในสหรัฐฯ มากกว่าใช่มั้ยล่ะคะ เพราะว่ามีสภาพเศรษฐกิจขนาดใหญ่กว่าและแข็งกว่า ซึ่งข้อนี้จะไปโยงกับข้อ 5 นั่นก็คือดอลลาร์สหรัฐนั่นเองค่ะ
5.เงินดอลลาร์สหรัฐ
หนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อสกุลเงินเยนก็คือสกุลเงินหลักของโลกอย่างดอลลาร์สหรัฐ และในขณะนี้ เศรษฐกิจทางฝั่งอเมริกานั้นดีขึ้น เลยส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และส่งผลต่อสกุลเงินอื่นรวมถึงเยนด้วยค่ะ
เพราะอย่างเช่น ล่าสุด ณ ตอนนี้ที่คุณน้ากำลังเขียนบทความนี้คือเดือนสิงหาคมปี 2566 เงินดอลลาร์แข็งค่ามาก เพราะ 1 ดอลลาร์เท่ากับ 35.55 บาทไทยโดยประมาณ โดยเป็นช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น
ดังนั้น นี่เลยเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เงินเยนดูอ่อนค่ามากขึ้นอีกค่ะ เพราะสกุลเงินหลักอื่นโดยเฉพาะสหรัฐแข็งค่าขึ้นมากนั่นเองค่ะ
สรุป
และนี่ก็คือปัจจัยที่ส่งผลต่อฝั่งสกุลเงินเยนและอ่อนค่านั่นเองค่ะ เพราะราคาของสกุลเงินนั้นมีการขึ้นลงตลอดเวลา และมีหลายปัจจัยด้วยที่ส่งผล เนื่องจากสกุลเงินเยนก็นับเป็นหนึ่งในสกุลเงินหลักที่นิยมในการเทรดมากที่สุดด้วยนั่นเองค่ะ สำหรับใครที่อยากอ่านเกี่ยวกับการรับมือเมื่อสกุลเงินอ่อนค่า ทางรัฐบาลจะมีการแก้ไขปัญหาอย่างไร คุณน้าจะมาเขียนสรุปให้ได้อ่านกันนะคะ ฝากติดตามด้วยน้า