เคยสังเกตกันไหมคะว่า ในตอนที่เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ช่วงตึงเครียด ทองคำจะกลายเป็นสินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่าของตัวเองได้เสมอ และที่สำคัญมูลค่าของทองคำมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้จากในปี 2024 นี้ ราคาทองคำสามารถทำ All Time High แตะระดับ $2,441 ทำให้ราคาทองคำรูปพรรณพุ่งทะลุ 42,000 บาทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ เรียกได้ว่า ปี 2024 เป็นปีทองของทองคำสมกับปีมังกรทองกันเลยค่ะ
ดังนั้น ในบทความนี้ คุณน้าจะพาทุกคนมารู้จักกับการลงทุนของทองในแต่ละรูปแบบให้ดียิ่งขึ้นกันค่ะ ซึ่งการลงทุนทอง VS เทรดทองแบบไหนดีกว่ากัน? คุณน้าจะมาสรุปให้อ่านกันแบบครบจบภายใน 10 นาที ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลย!
*หมายเหตุ : การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ตอบโจทย์การลงทุนของคุณให้ได้มากที่สุด
ทำไมทองคำถึงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยม?
“ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่ง, ทองรูปพรรณ, กองทุน SPDR หรือแม้แต่การลงทุนในกองทุนรวมทองคำ”
เมื่อเศรษฐกิจโลกกำลังตึงเครียด โดยเฉพาะสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ที่ไม่มีท่าทีจะหาข้อยุติได้เร็ว ๆ นี้ เป็นเหตุให้นักลงทุนเกิดความกังวลต่อราคาน้ำมันโลก จนทำให้หันมาลงทุนในสินทรัพย์ประเภททองคำเพิ่มมากขึ้นค่ะ อีกทั้งในหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางทั่วโลกยังหันมากักตุนทองคำอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ทำให้ทองคำกลายเป็นหลุมหลบภัยชั้นดีในการลงทุน รวมทั้งยังเป็นสินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้หลายรูปแบบอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายทองคำแท่ง, Gold ETF, Gold Futures หรือแม้แต่กองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในทองคำนั่นเองค่ะ
นอกจากนี้ ในปี 2024 นี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้จนถึงสิ้นปี 2024 เพราะความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ที่กำลังร้อนแรงอยู่ในช่วงนี้ เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนสินทรัพย์ประเภททองคำประกอบกับกระแส De-Dollarization* ที่หลาย ๆ ประเทศพยายามลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในตอนนี้ ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมนั่นเองค่ะ
เกร็ดความรู้! De-Dollarization คืออะไร?
De-Dollarization คือ การลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์ในการค้าและการลงทุนภายในประเทศของตนเอง เพื่อลดบทบาทของค่าเงินดอลลาร์ลง |
ข้อดี-ข้อเสียของทองคำ
ข้อดี
- ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ
- มีสภาพคล่อง
- กระจายความเสี่ยงได้ดี
- ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นค่อนข้างน้อย
- ให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี
- เป็นสินทรัพย์ที่สามารถจับต้องได้
- รูปแบบการลงทุนหลากหลาย
ข้อเสีย
- ความเสี่ยงด้านปัจจัยทางเศรษฐกิจ
- มีค่าธรรมเนียมในการดูแล
- มีความเสี่ยงในการเก็บรักษา
- ราคาทองผันผวนค่อนข้างมาก
*หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงบทความให้ความรู้เท่นั้น ไม่ได้มีเจตนาชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด
การลงทุนทอง คืออะไร?
จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่า ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้หลายรูปแบบ ซึ่งหนึ่งในประเภทการลงทุนที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ นั่นก็คือ การลงทุนในทองคำค่ะ
การลงทุนในทองคำ คือ การซื้อขายทองคำในรูปแบบของทองแท่งและทองรูปพรรณ โดยส่วนใหญ่ นักลงทุนจะซื้อทองจริงเพื่อเก็บรักษาสินทรัพย์ไว้ระยะยาว โดยหวังว่าราคาทองคำจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคตนั่นเอง
การลงทุนทอง มีอะไรบ้าง?
คุณน้าขอยกตัวอย่าง 3 ประเภทการลงทุนในทองคำที่นักลงทุนนิยมกันค่ะ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ทองคำแท่ง
ลักษณะทั่วไปของทองคำแท่ง | |
ความหมาย | การหลอมแร่ทองคำ โดยการนำมาขึ้นรูปเป็นแท่งสี่เหลี่ยม ซึ่งมาตรฐานของทองคำไทยจะอยู่ที่ 96.5% ส่วนมาตรฐานทองคำโลกจะอยู่ที่ 99.99% |
ประเภท | 1. ทองคำแท่งแบบหลอมเบ้า : การหลอมทองคำแท่ง โดยไม่เน้นที่ลวดลายและความสวยงาม แต่เน้นที่การทำน้ำหนักทองให้ตรงตามมาตรฐาน 2. ทองคำแท่งแบบรีดแผ่น : การรีดทองคำแท่งให้มีความสวยงาม โดยเน้นไปที่การพิมพ์ลวดลายลงบนทองคำที่มีการรีดแผ่นแล้ว ซึ่งจะเน้นให้ทองคำชนิดนี้ในโอกาสพิเศษ |
ค่าธรรมเนียม | นักลงทุนต้องเสียค่าบล็อก หรือค่าผลิตทองคำแท่งเพิ่มเติม หากซื้อทองคำแท่งน้ำหนักน้อยกว่า 5 บาทลงมา ซึ่งแต่ละร้านค้าทองจะคิดค่าบล็อกต่างกัน |
เหมาะสำหรับ | นักลงทุนที่ต้องการเก็บออมหรือลงทุนทองจริงในระยะยาว |
รูปแบบการลงทุน | นักลงทุนสามารถซื้อขายทองคำแท่งผ่านร้านทองหรือสถาบันการเงิน |
ทองคำรูปพรรณ
ลักษณะทั่วไปของทองคำรูปพรรณ | |
ความหมาย | การนำทองคำบริสุทธิ์มาหลอมให้กลายเป็นเครื่องประดับต่าง ๆ เช่น สร้อยคอหรือกำไล เป็นต้น โดยจะเน้นการสวมใส่เพื่อความสวยงาม ซึ่งมาตรฐานการหลอมทองคำรูปพรรณจะอยู่ที่ 96.5% |
ประเภท | 1. ทองรูปพรรณที่ผลิตโดยเครื่องจักร : ทองคำรูปพรรณที่มีลวดลายเหมือนกัน 2. ทองรูปพรรณงานช่างฝีมือโบราณ : ทองคำรูปพรรณที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของช่างฝีมือในแต่ละพื้นที่ 3. ทองรูปพรรณแบบชุด : ทองคำรูปพรรณที่ผลิตลวดลายแบบครบชุด ไม่ว่าจะเป็นสร้อย, ต่างหู, กำไล และแหวน เป็นต้น |
ค่าธรรมเนียม | นักลงทุนต้องเสียค่ากำเหน็จหรือค่าแกะสลักให้กับช่างฝีมือ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความยากง่ายของลวดลายที่แกะสลัก โดยขึ้นอยู่กับที่ร้านทองเป็นผู้กำหนด |
เหมาะสำหรับ | นักลงทุนที่ต้องการเก็บเครื่องประดับหรือลงทุนในระยะยาว |
รูปแบบการลงทุน | นักลงทุนสามารถซื้อขายทองคำรูปพรรณผ่านร้านทอง |
การออมทองออนไลน์
ลักษณะทั่วไปของการออมทองออนไลน์ | |
ความหมาย | เปลี่ยนการออมเงินกับธนาคารมาลงทุนกับการออมทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 96.5% โดยนักลงทุนจะต้องออมทองให้ครบตามเงื่อนไขที่ผู้ให้บริการกำหนดไว้ จึงจะสามารถถอนทองคำจริงออกมา หรือสามารถถอนเป็นเงินสดก็ได้เช่นกันค่ะ |
ประเภท | 1. การออมทองผ่านร้านทอง : นักลงทุนสามารถเข้าไปออมทองผ่านร้านทองหรือออมผ่าน Line ของร้านค้าทองก็ได้เช่นกันค่ะ 2. การออมทองผ่านแอปพลิเคชัน : นักลงทุนสามารถออมทองผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ไม่ว่าจะเป็น Gold Now (ฮั่วเซ่งเฮง), Get Gold (YLG) และ AUSIRIS (ออสสิริส) เป็นต้น |
ค่าธรรมเนียม | ค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการเป็นผู้กำหนด เช่น หากคุณออมทองผ่านแอพออมทองออนไลน์ของฮั่วเซ่งเฮง โดยเลือกหักเงินผ่านบัญชีธนาคารกรุงเทพ คุณจะต้องเสียค่าธรรมเนียม 8 บาท เป็นต้น |
เหมาะสำหรับ | 1. นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ นอกจากการถือเงินสดไว้ในมือ 2. นักลงทุนที่มีเงินลงทุนน้อย 3. นักลงทุนที่ต้องการเก็บออมหรือลงทุนในระยะยาว |
รูปแบบการลงทุน | นักลงทุนสามารถออมทองผ่านร้านค้าทอง, แอปพลิเคชันออนไลน์ หรือเว็บไซต์ที่ให้บริการเกี่ยวกับการออมทอง |
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการอ่าน 5 แอพพลิเคชันออมทองออนไลน์เพิ่มเติม คุณน้าก็เคยเขียนบทความนี้ไว้แล้วนะคะ สามารถอ่านได้ที่ลิงก์ด้านล่างได้เลยค่ะ
การเทรดทอง คืออะไร?
การเทรดทอง คือ การซื้อขายทองคำจากการสังเกตความเคลื่อนไหวของราคาในขณะนั้น เพื่อหวังโอกาสในการเก็งกำไรส่วนต่างของราคาทองคำ โดยปกติแล้ว นักลงทุนจะไม่ได้ถือทองคำจริง ๆ ค่ะ เพราะจะเน้นซื้อขายในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่าง 1 นาที, 5 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ทำให้กำไรในการลงทุนประเภทนี้จะอาศัยการอ้างอิงราคาส่วนต่างของทองคำนั่นเอง
การเทรดทอง มีอะไรบ้าง?
คุณน้าขอยกตัวอย่าง 3 ประเภทการเทรดทองที่นักลงทุนนิยม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
การเทรดทอง XAUUSD (Forex)
ลักษณะทั่วไปของการเทรดทอง XAUUSD (Forex) | |
ความหมาย | XAUUSD (Forex) เป็นการซื้อขาย Gold Spot เทียบเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ Forex ที่ให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้น-ขาลงอีกด้วย อีกทั้งการเทรดทอง XAUUSD (Forex) ยังสามารถใช้ Leverage เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้อีกด้วย อย่างไรก็ดี การใช้ Leverage ที่มากเกินไปก็มีโอกาสทำให้นักลงทุนขาดทุนได้เช่นเดียวกันค่ะ |
ประเภท | การเทรดทอง XAUUSD (Forex) จะเป็นการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ทองคำ ผ่านการเก็งกำไรจากสัญญาซื้อขายส่วนต่างของราคาหรือ CFD ทำให้นักลงทุนจะไม่ได้ถือครองสินทรัพย์จริง แต่เป็นสินทรัพย์อ้างอิงนั่นเองค่ะ |
ค่าธรรมเนียม | ค่าธรรมเนียมของการเทรดทอง XAUUSD (Forex) สามารถแบ่งออกหลัก ๆ ได้ ดังนี้ 1. ค่า Spread : ส่วนต่างระหว่างราคา Bid และ Ask โดยโบรกเกอร์จะเรียกเก็บในอัตราส่วนที่แตกต่างกันออกไปค่ะ 2. ค่า Swap : ค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์จะเก็บเพิ่มเติม ในกรณีที่นักลงทุนถือออเดอร์ข้ามคืน 3. ค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอนเงิน : บางโบรกเกอร์คิดค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอนเงินในแต่ละช่องทางการทำธุรกรรมที่แตกต่างกัน |
เหมาะสำหรับ | 1. นักลงทุนที่มีเงินลงทุนน้อย 2. นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรในระยะสั้น 3. นักลงทุนที่มีประสบการณ์ในการลงทุน |
รูปแบบการลงทุน | นักลงทุนสามารถเทรดทอง XAUUSD (Forex) ได้ผ่านโบรกเกอร์ Forex |
สำหรับมือใหม่ที่ยังคงสงสัยว่า การเทรด XAUUSD เป็นอย่างไร คุณน้าเคยเขียนบทความ XAUUSD ไว้แล้วนะคะ สามารถอ่านได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลยค่ะ
คุณน้าแนะนำโบรกเกอร์เทรดทองยอดนิยม โบรกไหนดี?
- IUX : ค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 1.4 pips ไม่มีค่า Swap และฝากขั้นต่ำอยู่ที่ $10
- Eightcap : ค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 1.2 pips มีค่า Swap และฝากขั้นต่ำอยู่ที่ $100
- GMI Markets : ค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 2.2 pips ไม่มีค่า Swap และฝากขั้นต่ำอยู่ที่ $25
การเทรดทองผ่าน Gold Futures
ลักษณะทั่วไปของการเทรดทอง Gold Futures ผ่านตลาด TFEX | |
ความหมาย | Gold Futures เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีการอ้างอิงกับราคาทองคำผ่านตราสารอนุพันธ์ ซึ่งเป็นการอ้างอิงสกุลเงินบาทหรือดอลลาร์สหรัฐต่อน้ำหนักทองคำ โดยปกติแล้ว นักลงทุนจะนิยมลงทุน Gold Futures เพื่อเก็งกำไรราคาทองคำในอนาคต ซึ่งสามารถเปิดสถานะการซื้อขายได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง รวมทั้งสามารถใช้ Leverage ได้อีกด้วยค่ะ นักลงทุนสามารถทำการซื้อขายได้ผ่านตลาด TFEX ซึ่งจะต้องทำใบประกันสัญญาที่มีปริมาณ, ราคา และระยะเวลาส่งมอบในอนาคตนั่นเองค่ะ |
ประเภท | ปกติแล้ว Gold Futures จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. Gold Futures : อ้างอิงราคาทองคำตัวแรกใน TFEX สามารถแบ่งออกเป็น 2 สัญลักษณ์ ได้แก่ GF อ้างอิงราคาทองคำขนาดสัญญาเท่ากับ 50 บาท และ GF10 อ้างอิงราคาทองคำที่มีขนาดสัญญาเท่ากับ 10 บาท 2. Gold-D : มีการส่งมอบและรับทองคำจริง 3. Gold Online Futures : เป็นการเก็งกำไรจากราคาทองคำโลกโดยตรง ซึ่งจะซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ต่อทรอยออนซ์ |
ค่าธรรมเนียม | ค่าธรรมเนียมของ Gold Futures จะขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ที่ให้บริการ |
เหมาะสำหรับ | 1. นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคาซื้อขายทองคำ 2. นักลงทุนที่มีเงินลงทุนน้อย 3. นักลงทุนที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากการถือครองทองคำ เมื่อราคาทองคำในประเทศปรับตัวลง |
รูปแบบการลงทุน | นักลงทุนสามารถซื้อขาย Gold Futures ได้ผ่านโบรกเกอร์ที่มีการจดทะเบียนในตลาด TFEX |
สำหรับใครที่สงสัยเรื่องตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือ TFEX คุณน้าก็เคยเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้แล้ว สามารถอ่านได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลยค่ะ
การเทรดทองผ่านกองทุน SPDR
ลักษณะทั่วไปของการเทรดทองผ่านกองทุน SPDR | |
ความหมาย | กองทุน SPDR หรือ SPDR Gold Trust เป็นกองทุนประเภท Exchange Traded Fund (ETF) ซึ่งกองทุน SPDR มีการถือครองทองคำมากที่สุดในโลกค่ะ ปริมาณการซื้อขายของกองทุน SPDR จะมีผลกระทบโดยตรงต่อราคาทองคำ (Gold Spot) ทำให้การเคลื่อนไหวของราคาอยู่ในทิศทางเดียวกัน ลักษณะเด่นของกองทุน SPDR คือ สามารถซื้อขายได้แบบ Real Time เหมือนการซื้อขายหุ้นตัวหนึ่งค่ะ ทำให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรได้เหมือนกับตราสารอนุพันธ์ประเภทอื่น แต่มีสภาพคล่องที่สูงกว่า |
ประเภท | กองทุน SPDR เป็นกองทุนประเภท ETF |
ค่าธรรมเนียม | มีค่าธรรมเนียมรายปี โดยแต่ละกองทุนจะคิดค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันออกไปค่ะ ซึ่งบางผู้ให้บริการจะมีค่าใช้จ่ายแฝงของกองทุน นอกจากนี้ หากนักลงทุนเลือกเทรดผ่านโบรกเกอร์ CFD จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นค่า Spread หรือค่า Swap เป็นต้น |
เหมาะสำหรับ | 1. นักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงของพอร์ต 2. นักลงทุนที่มีเงินลงทุนน้อย 3. นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรเหมือนตราสารอนุพันธ์ชนิดอื่น แต่มีสภาพคล่องสูงกว่า |
รูปแบบการลงทุน | นักลงทุนสามารถลงทุนผ่าน บ.ล.จ. ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุน SPDR หรือโบรกเกอร์ CFD เช่น eToro, FXGT.com, Admiral Markets หรือ AFEX เป็นต้น |
⭐ คุณน้าแนะนำบทความเพิ่มเติม ⭐
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ ETF และกองทุนทองคำเพิ่มเติม คุณน้าเคยเขียนบทความนี้ไว้แล้ว สามารถคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างได้เลยค่ะ
🔍 คุณน้าแนะนำประเภทการเทรดทองเพิ่มเติม
นอกจากที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว การเทรดทองยังมีหลายประเภทด้วยกันนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการเทรด Gold Spot, กองทุน Gold ETF ทั้งไทยและต่างประเทศ, เทรดทองออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชันทองออนไลน์ และการเทรดทองผ่าน Fund Manager เป็นต้น สำหรับใครที่ต้องการอ่านเกี่ยวกับประเภทของการเทรดทองเพิ่มเติม คุณน้าก็เคยเขียนเรื่องการเทรดทองระยะสั้นไว้แล้วนะคะ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้เลย
ลงทุนทอง VS เทรดทอง แบบไหนดีกว่ากัน?
จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่า การลงทุนในทองคำและการเทรดทองมีความแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของระยะเวลา, ความเสี่ยง และผลตอบแทนค่ะ ซึ่งหลาย ๆ คนคงสงสัยว่า แล้วอย่างนี้แบบไหนดีกว่ากัน คุณน้าขอยกตารางเปรียบเทียบการลงทุนทั้ง 2 แบบมาให้คุณได้เห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยมีรายละเอียด ดังนี้
การลงทุนทองคำ | การเทรดทอง | |
ระยะเวลาในการลงทุน | ระยะยาว | ระยะสั้น |
สภาพคล่อง | สภาพคล่องต่ำ | สภาพคล่องสูง |
ค่าธรรมเนียมการเก็บรักษา | มี | ไม่มี |
นายหน้าซื้อขาย | ร้านค้าทอง | บ.ล.จ. และโบรกเกอร์ Forex/CFD |
แพลตฟอร์มการซื้อขาย | ร้านค้าทอง/แอพพลิเคชันออมทอง | แพลตฟอร์มการเทรดออนไลน์ |
การใช้อัตราทด (Leverage) | ไม่มี | มี |
เงินลงทุน | ต้องมีเงินลงทุนพอสมควร (ยกเว้นการออมทอง) | เงินลงทุนต่ำ |
กลยุทธ์การลงทุน | นักลงทุนจะซื้อทองจริง เพื่อหวังในราคาทองคำเพิ่มขึ้นในอนาคต | นักลงทุนจะเน้นเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคาซื้อขายทองคำ ณ ตอนนั้น |
สภาวะตลาด | ตลาดขาขึ้น | ตลาดขาขึ้น-ขาลง |
อัตราผลตอบแทน | ต่ำ-ปานกลาง | สูง |
ความเสี่ยง | ความเสี่ยงต่ำ | ความเสี่ยงสูง |
เหมาะกับ | ผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและไม่มีเวลาติดตามราคาทองคำตลอดเวลา | ผู้มีประสบการณ์ในการลงทุนและมีเวลาติดตามข่าวสารการลงทุน |
📢 มือใหม่ควรเตรียมตัวอย่างไร?
- เป้าหมายการลงทุน : คุณต้องการลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาว และมีเงินลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่เท่าไหร่
- ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ : คุณยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน
- ความรู้และประสบการณ์ : คุณมีความรู้เกี่ยวกับทองคำมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้เลือกรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมกับสไตล์การลงทุน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับทอง
ลงทุนทองออนไลน์ มีอะไรบ้าง?
นักลงทุนสามารถลงทุนทองออนไลน์ได้ผ่านแอพพลิเคชัน ไม่ว่าจะเป็น Gold Now, YGL Online และ AUSIRIS เป็นต้น
การลงทุนทองคำ ข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?
ข้อดีของการลงทุนทองคำ คือ สามารถป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ, มีสภาพคล่อง และกระจายความเสี่ยงได้ดี ส่วนข้อเสียของการลงทุนประเภทนี้ก็มีเช่นเดียวกัน คือ ความเสี่ยงด้านปัจจัยทางเศรษฐกิจ, มีค่าธรรมเนียมในการดูแลและมีความเสี่ยงในการเก็บรักษา รวมถึงราคามีความผันผวนค่อนข้างมาก
ลงทุนทองแบบไหนดี?
นักลงทุนมือใหม่สามารถลงทุนทองได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนทองคำแท่ง, ทองคำรูปพรรณ, เทรด XAUUSD (Forex) หรือเทรด Gold Futures เป็นต้น ซึ่งนักลงทุนมือใหม่ควรศึกษาเป้าหมายการลงทุน และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ก่อนเลือกประเภทการลงทุนนะคะ เพราะทุกประเภทล้วนมีความเสี่ยงทั้งสิ้น
สรุปลงทุนทอง VS เทรดทองแบบไหนดี?
และนี่คือการลงทุนทองและการเทรดทองค่ะ โดยการลงทุนทั้ง 2 รูปแบบนี้ก็มีความแตกต่างกัน ซึ่งหากทุกคนสงสัยว่า การลงทุนทองคำจริง หรือเทรดทองแบบไหนดี คุณน้ามองว่า ทั้ง 2 ประเภทก็มีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันค่ะ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย, ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และประสบการณ์การลงทุนของแต่ละคน
คุณน้าไม่ได้การันตีว่า การลงทุนทั้ง 2 รูปแบบจะได้กำไร 100% นะคะ เนื่องจากมีปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำค่อนข้างมาก เพื่อให้การลงทุนของคุณมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพ อย่าลืมศึกษาประเภทการลงทุนให้ดี ก่อนตัดสินใจลงทุน ด้วยความปรารถนาดีจากทีมงานคุณน้าพาเทรดค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : SET และ TFEX
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge