ในยุคที่การทำธุรกรรมระหว่างประเทศสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านธนาคาร เคยสงสัยกันไหมคะว่า ทำไมธนาคารถึงต้องขอรหัส Swift Code ของผู้รับปลายทาง ในวันนี้คุณน้าจะพาทุกคนมารู้จักกับ Swift Code คืออะไร? และในแต่ละธนาคารใช้ Swift Code แบบไหน บทความนี้มีคำตอบค่ะ!
*หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงบทความให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการชักชวนเพื่อลงทุนแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ต้นกำเนิดของ Swift เป็นอย่างไร?
ก่อนที่เราจะไปรู้จักกับ Swift Code คืออะไร อย่างแรกที่เราต้องทำความเข้าใจก่อนก็คือ ระบบ Swift ค่ะ Swift มีชื่อเต็มว่า Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication เป็นระบบการสื่อสารของผู้ให้บริการทางสถาบันทางการเงิน ก่อตั้งเมื่อปี 1973 จากความร่วมมือของธนาคาร 239 แห่งทั่วโลก ซึ่งจุดประสงค์หลักในการก่อตั้ง Swift ขึ้นมา ก็เพื่อแก้ไขปัญหาในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
Swift Code คืออะไร?
Swift Code (สวิฟโค้ด) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า BIC Code คือ หมายเลขรหัสธนาคารหรือสถาบันทางการเงินที่ระบุรหัสมาตรฐานไว้ที่ 8-11 ตัวอักษร เพื่อใช้ในการโอน-รับเงินระหว่างธนาคารด้วยกันเอง โดยเฉพาะสวิฟโค้ดจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากกับการทำธุรกรรมต่างประเทศค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยให้การทำธุรกรรมใช้ระยะเวลาไม่นานมากแล้ว สวิฟโค้ดยังได้รับการรับรองการใช้งานตามมาตรฐานสากล ISO9362 ที่มีการใช้งานจากธนาคารทั่วโลกค่ะ
⭐ Tip BIC คืออะไร?
BIC ย่อมาจาก Bank Identifier Code คือ รหัสที่ใช้ระบุธนาคารและสถาบันการเงินทั่วโลก ซึ่งเรียกง่าย ๆ ว่า การยืนยันรหัสของธนาคารระหว่างประเทศนั่นเองค่ะ |
ตัวเลข Swift Code ดูตรงไหนและบอกอะไร?
จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่า ตัวเลขมาตรฐานของสวิฟโค้ดจะมีอยู่ 8-11 ตัวใช่ไหมคะ ซึ่งแต่ตัวก็มีความหมายที่แตกต่างกันค่ะ ซึ่งจะประกอบไปด้วย
- 4 ตัวอักษรแรก คือ ชื่อธนาคาร
- 2 ตัวอักษรถัดมา คือ รหัสประเทศ
- 2 ตัวอักษรถัดมา คือ รหัสบอกตำแหน่งที่ตั้ง
- 3 ตัวอักษรสุดท้าย (ถ้ามี) คือ รหัสสาขาหรือสาขาย่อยธนาคารที่คุณใช้บริการ
และเพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพที่ชัดเจน คุณน้าขอยกตัวอย่างสวิฟโค้ดของธนาคารไทยพาณิชย์ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
⭐ SICOTHBK ⭐
- 4 ตัวอักษรแรก คือ ชื่อธนาคารไทยพาณิชย์
- 2 ตัวอักษรถัดมา คือ รหัสประเทศไทย
- 2 ตัวอักษรถัดมา คือ รหัสบอกตำแหน่งที่ตั้งอย่างกรุงเทพมหานคร
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม Swift Code แต่ละสาขาเหมือนกันไหม?
Swift Code ของธนาคารแต่ละสาขาจะมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะตำแหน่งที่ตั้งและรหัสสาขาย่อยที่คุณใช้บริการจะมีความแตกต่างกันออกไปค่ะ |
การทำธุรกรรมแบบไหนที่ต้องผ่าน Swift Code
โดยปกติแล้ว การทำธุรกรรมระหว่างประเทศจะต้องใส่รหัสสวิฟโค้ด เมื่อลูกค้าเลือกช่องทางการโอนเงินผ่านธนาคารอื่น ๆ (Bank Transfer) รวมถึงเทรดเดอร์ที่ต้องการถอนเงินผ่านโบรกเกอร์ Forex จากบัญชีธนาคารไทย ทางโบรกเกอร์จะต้องขอรหัสสวิฟโค้ดของคุณ เพื่อดำเนินการทำธุรกรรม ดังนั้น จะสรุปได้ง่าย ๆ ว่า การขอสวิฟโค้ด มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับลูกค้าที่มีการซื้อขายสินค้าหรือลงทุนระหว่างประเทศนั่นเองค่ะ
🔍 คุณน้าแนะนำโบรกเกอร์ Forex ถอนเงินเร็ว ฝากเงินไว 2025
การฝากถอนเร็วจะช่วยให้เทรดเดอร์ไม่พลาดการเปิด-ปิดออเดอร์ในราคาที่ต้องการ ดังนั้น โบรกเกอร์ Forex ฝากถอนเร็วจึงสำคัญมาก และสำหรับใครที่กำลังมองหาโบรกเกอร์ Forex ถอนเงินเร็ว ฝากเงินไว ปี 2024 คุณน้าได้รวบรวมมาไว้ให้คุณแล้ว สามารถอ่านได้ที่ลิงก์ด้านล่างได้เลยค่ะ
วิธีการค้นหา Swift Code ทำอย่างไร?
เข้าเว็บไซต์ธนาคาร
สำหรับวิธีการค้นหาสวิฟโค้ดของแต่ละธนาคาร สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ของธนาคารตรงบัญชีและธุรกรรมระหว่างประเทศ โดยแต่ละธนาคารจะระบุเงื่อนไขเพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบต่างกัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว จะมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ค่ะ
- เอกสารเพิ่มเติม
- รองรับอัตราการแลกเปลี่ยนกี่สกุลเงิน
- มีสิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับอะไรบ้าง เช่น การบริการผ่านอีเมล หรือผ่านระบบ OTT Tracking เป็นต้น
- ช่องทางการให้บริการไปต่างประเทศมีกี่ช่องทาง
- อัตราค่าธรรมเนียมเป็นอย่างไร
- คุณสมบัติของลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการ
Third Party
นอกจากเข้าเว็บไซต์ธนาคารแล้วนั้น ผู้ทำธุรกรรมสามารถค้นหารหัสสวิฟโค้ดได้ที่ Third Party ซึ่งเป็นตัวกลางในการโอนเงินระหว่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่น TransferWise โดยเข้าไปที่หน้าค้นหา Swift Code/BIC จากนั้น กรอกชื่อธนาคารและตำแหน่งที่ตั้งลงไปก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมต่างประเทศเพิ่มเติม :
- Neteller คืออะไร? ช่องทางชำระเงินของเทรดเดอร์
- Payment Gateway เจ้าไหนดี
- Skrill คืออะไร? ช่องทางที่เทรดเดอร์นิยมใช้งาน
การเตรียมตัวก่อนโอนเงินผ่าน Swift Code
- เตรียมเอกสารอื่น ๆ เพิ่มเติมตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของแต่ละธนาคารที่ผู้โอนเงินมีบัญชีอยู่
- ชื่อบัญชี, เลขที่บัญชี และที่อยู่ของผู้รับเงินปลายทางในต่างประเทศ
- ชื่อและที่อยู่ของธนาคารที่ผู้รับเงินมีบัญชีอยู่
- รหัสสวิฟโค้ดของธนาคารปลายทางที่ผู้รับเงินมีบัญชีอยู่
- เตรียมเอกสารประกอบตามวัตถุประสงค์การโอนเงินที่ ธปท. ระบุไว้
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Swift Code มีอะไรบ้าง?
1. ค่าธรรมเนียมค่อนข้างสูง
การทำธุรกรรมผ่านสวิฟโค้ดจะมีค่าธรรมเนียมค่อนข้างสูง เนื่องจากมีการดำเนินการหลายขั้นตอน อีกทั้งยังมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมทั้งฝั่งผู้โอนเงินต้นทางและผู้รับเงินปลายทาง ซึ่งผู้โอนเงินจะต้องเสียค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 400-1,000 บาทขึ้นไป ต่อครั้ง ส่วนผู้รับเงินจะต้องเสียค่าธรรมเนียม โดยธนาคารจะหักค่าธรรมเนียมออกจากจำนวนเงินที่ได้รับโอนมา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเรตของแต่ละธนาคารด้วยค่ะ
นอกจากนี้ หากผู้โอนทำการโอนเงินเป็นสกุลเงินอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สกุลเงินเดียวกันกับผู้รับ ผู้โอนจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินทั้งหมด เนื่องจากธนาคารจะต้องมีการแปลงสกุลเงินนั่นเองค่ะ
ดังนั้น คุณน้าขอแนะนำว่า ก่อนที่คุณจะทำธุรกรรมระหว่างประเทศผ่านสวิฟโค้ดควรโอนเงินเป็นสกุลเงินเดียวกัน เพื่อไม่ให้เสียค่าธรรมเนียมที่เพิ่มมากขึ้นค่ะ
2. ระยะเวลาที่ผู้รับปลายทางจะได้รับเงิน
สำหรับระยะเวลาในการรับเงินจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาในแต่ละไทม์โซน อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับนโยบายและข้อกำหนดของธนาคารปลายทางอีกด้วยค่ะ
3. เอกสารที่ใช้ประกอบการโอนเงินไปยังต่างประเทศ
แม้ว่าในปัจจุบัน การทำธุรกรรมต่างประเทศจะได้รับความนิยมและความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก แต่สำหรับการทำธุรกรรมผ่านสวิฟโค้ด ผู้ทำธุรกรรมจะต้องเตรียมเอกสารที่แสดงถึงวัตถุประสงค์ในการโอนเงิน ซึ่งทุก ๆ ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยจะต้องเรียกเก็บเอกสารตามกฎระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทยค่ะ โดยแต่ละธนาคารอาจจะเรียกเอกสารที่แตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับการทำธุรกรรมแต่ละประเภทนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น โอนเงินเพื่อชำระสินค้าหรือบริการ ผู้โอนจะต้องแสดงใบเสร็จหรือใบเรียกเก็บเงิน เป็นต้น
📢 สำหรับชาวต่างชาติจะต้องแสดงที่มาของรายได้ เช่น ใบสลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน เป็นต้น
ความแตกต่างของ Swift Code และ IBAN
นอกจากการทำธุรกรรมผ่านสวิฟโค้ดแล้ว การโอนเงินไปต่างประเทศยังมีการทำธุรกรรมผ่าน IBAN อีกด้วยค่ะ ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบนี้มีความแตกต่างกันตรงที่ IBAN จะมีการระบุรหัสที่แตกต่างกันตามแต่ละประเทศ อีกทั้งยังนิยมใช้ในประเทศภูมิภาคยุโรปและกลุ่มตะวันออกกลาง ส่วนสวิฟโค้ดจะระบุรหัสเป็น 8-10 ตัวอักษรและนิยมใช้ทั่วโลกนั่นเองค่ะ
ข้อดี-ข้อเสียของ Swift Code
ข้อดีของ Swift Code
- มีความปลอดภัยสูง ซึ่งลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่า การทำธุรกรรมจากเงินจำนวนมาก จะมีความปลอดภัย
- ทำธุรกรรมต่างประเทศได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะระบบสวิฟโค้ดมีความครอบคลุมและเป็นไปตามมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกยอมรับ
- ลดความผิดพลาดในการโอนเงินได้มากขึ้น เพราะสวิฟโค้ดมีรหัสที่สามารถระบุตัวของธนาคารได้
ข้อเสียของ Swift Code
- ค่าธรรมเนียมสูงมาก
- ใช้เวลาค่อนข้างนาน แม้ว่าสวิฟโค้ดจะมีระบบการโอนเงินที่รวดเร็ว แต่กระบวนการทำงานของธนาคารมีหลายขั้นตอน ทำให้ระยะเวลาดำเนินการเร็วสุดอยู่ที่ 1-5 วันทำการ
- การติดตามสถานะการโอนเงินค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อน
อัปเดตรหัส Swift Code ทุกธนาคารในประเทศไทย อัปเดตล่าสุด
ธนาคาร | รหัส Swift Code |
ธนาคารกรุงเทพ | BKKBTHBK |
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา | AYUDTHBK |
ธนาคารกสิกรไทย | KASITHBK |
ธนาคารกรุงไทย | KRTHTHBK |
ธนาคารไทยพาณิชย์ | SICOTHBK |
ธนาคารทหารไทยธนชาต | TMBKTHBK |
ธนาคารออมสิน | GSBATHBK |
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด | SCBATHBK |
ธนาคารยูโอบี | UOVBTHBK |
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร | KKPBTHBK |
ธนาคารกรุงเทพ : Bangkok Bank Public Company Limited (BBL)
- รหัส Swift Code ธนาคารกรุงเทพ : BKKBTHBK
- ที่อยู่ : 333 สีลม ถนนบางรัก, กรุงเทพฯ 10500
- เบอร์ : +66-2645-555
- ระยะเวลาในการโอนเงิน : 3-5 วันทำการ (ไม่นับรวมวันหยุดธนาคาร)
ค่าธรรมเนียม สำหรับการโอนเงินไปต่างประเทศธนาคารกรุงเทพ
- ผู้โอนเงินไปต่างประเทศต้องเสียค่าธรรมเนียมในส่วนของธนาคารกรุงเทพ (Charge Sha*) อยู่ที่ 400 บาท ต่อรายการ
- ผู้โอนเงินไปต่างประเทศต้องเสียค่าธรรมในส่วนของธนาคารต่างประเทศ สกุลเงิน JPY อยู่ที่ 400 บาท ต่อรายการ + 0.05% ของมูลค่าเงินโอน (ขั้นต่ำ 2,100 บาท ต่อรายการ)
- ผู้โอนเงินไปต่างประเทศต้องเสียค่าธรรมในส่วนของธนาคารต่างประเทศ สกุลเงิน HKD อยู่ที่ 1,350 บาท ต่อรายการ
- ผู้โอนเงินไปต่างประเทศต้องเสียค่าธรรมเนียมในส่วนของธนาคารต่างประเทศ สกุลเงินอื่น อยู่ที่ 1,150 บาท ต่อรายการ
*หมายเหตุ : หากค่าธรรมเนียมของธนาคารต่างประเทศที่ธนาคารเรียกเก็บไม่เพียงพอในการชำระค่าธรรมเนียม ธนาคารกรุงเทพจะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามจริง
Charge Sha* คืออะไร?
Charge Sha คือ ผู้โอนเงินจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมในส่วนของธนาคารต้นทางเท่านั้น ส่วนค่าธรรมเนียมสำหรับธนาคารปลายทาง ผู้รับเงินจะถูกหักค่าธรรมเนียมในส่วนนี้ออกไป ทำให้ผู้รับเงินจะไม่ได้รับเงินเต็มจำนวน
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา : Bank of Ayudhya Public Company Limited (BAY)
- รหัส Swift Code ธนาคารกรุงศรีอยุธยา : AYUDTHBK
- ที่อยู่ : 1222 ถนนพระราม 3, บางโพงพาง ยานนาวา, กรุงเทพฯ 10120
- เบอร์ : +66-2296-2000
- ระยะเวลาในการโอนเงิน : 1-3 วันทำการ (ไม่นับรวมวันหยุดธนาคาร)
ค่าธรรมเนียม สำหรับการโอนเงินไปต่างประเทศธนาคารกรุงศรีอยุธยา
- ผู้โอนเงินไปต่างประเทศต้องเสียค่าธรรมในส่วนของธนาคารกรุงศรีอยุธยาอยู่ที่ 0.2% ต่อรายการ (ขั้นต่ำ 200 บาท ต่อรายการ สูงสุดไม่เกิน 500 บาท)
ธนาคารกสิกรไทย : KASIKORNBANK Public Company Limited (KBANK)
- รหัส Swift Code ธนาคารกสิกรไทย : KASITHBK
- ที่อยู่ : 1 ซอย ราษฎร์บูรณะ, กรุงเทพฯ 10120
- เบอร์ : +66-2222-0000
- ระยะเวลาในการโอนเงิน : 3 วันทำการ (ไม่รวมวันหยุดธนาคาร)
ค่าธรรมเนียม สำหรับการโอนเงินไปต่างประเทศธนาคารกสิกรไทย
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินแบบ Charge Ben* ธนาคารจะหักจากจำนวนเงินที่โอนตามสกุลเงิน ยกตัวอย่างเช่น สกุลเงิน USD, EUR และ GBP ซึ่งค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 12 ตามสกุลเงินที่โอน
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินแบบ Charge Sha อยู่ที่ 250 บาท ต่อรายการ
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินแบบ Charge Our* อยู่ที่ 950 บาท ต่อรายการ ยกเว้นสกุลเงิน EUR, GBP และ JPY ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 1,240 บาท ต่อรายการ
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินด้วยเลขบัญชีผ่าน KBank Partner อยู่ที่ 250 บาท ต่อรายการ ยกเว้นสกุลเงิน JPY ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 1,288 บาท ต่อรายการ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2025
- ค่าธรรมเนียมในการโอนเงินด้วยเบอร์มือถือ (PayNow ID) สำหรับสกุลเงิน SGD ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 150 บาท ต่อรายการ (กรณียอดโอนเงินไม่เกิน 1,000 SGD)
Charge Ben* คืออะไร?
Charge Ben คือ ผู้โอนเงินจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียม 2 ส่วน ทั้งค่าธรรมเนียมของธนาคารต้นทางและค่าธรรมเนียมของธนาคารปลายทาง ซึ่งค่าธรรมเนียมเหล่านี้ จะถูกหักออกจากยอดเงินที่โอนไป ทำให้ผู้รับเงินจะไม่ได้รับเงินเต็มจำนวน
Charge Our* คืออะไร?
Charge Our คือ ผู้โอนเงินจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียม 2 ส่วน ทั้งค่าธรรมเนียมของธนาคารต้นทางและค่าธรรมเนียมของธนาคารปลายทาง ทำให้ผู้รับเงินจะได้รับเงินเต็มจำนวน
ธนาคารกรุงไทย : Krung Thai Bank Public Company Limited (KTB)
- รหัส Swift Code ธนาคารกรุงไทย : KRTHTHBK
- ที่อยู่ : 35 ถนนสุขุมวิท, คลองเตยเหนือ เขตวัฒนา, กรุงเทพฯ 10110
- เบอร์ : +66-2255-2222
- ระยะเวลาในการโอนเงิน : 3-5 วันทำการ (ไม่รวมวันหยุดธนาคาร)
ค่าธรรมเนียม สำหรับการโอนเงินไปต่างประเทศธนาคารกรุงไทย
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินด้วย Krungthai NEXT อยู่ที่ 300 บาท ต่อรายการ (Charge Ben) และ 1,100-1,500 บาท ต่อรายการ (Charge Our)
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินด้วยเคาน์เตอร์แบบ Charge Ben อยู่ที่ 400 บาท ต่อรายการ
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินด้วยเคาน์เตอร์แบบ Charge Our อยู่ที่ 1,200-1,600 บาท ต่อรายการ
ธนาคารไทยพาณิชย์ : Siam Commercial Bank Public Company Limited (SCB)
- รหัส Swift Code ธนาคารไทยพาณิชย์ : SICOTHBK
- ที่อยู่ : สำนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
- เบอร์ : +66-2544-1000
- ระยะเวลาในการโอนเงิน : ทันที-2 วันทำการ (ไม่รวมวันหยุดธนาคาร)
ค่าธรรมเนียม สำหรับการโอนเงินไปต่างประเทศธนาคารไทยพาณิชย์
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินด้วย SCB Easy App เริ่มต้นอยู่ที่ 199-399 บาท ต่อรายการ
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินแบบ Charge Ben อยู่ที่ 500 บาท ต่อรายการ
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินแบบ Charge Our จะถูกติดตามสกุลเงินที่ต้องการโอน ยกตัวอย่างเช่น สกุลเงิน USD คิดค่าธรรมเนียมเพิ่ม 800 บาท ต่อรายการ หรือสกุลเงิน EUR คิดค่าธรรมเนียมเพิ่ม 1,200 บาท ต่อรายการ เป็นต้น
- ค่าธรรมเนียมชดเชยอัตราแลกเปลี่ยน กรณีผู้โอนชำระเงินให้ธนาคารเป็นสกุลเงินเดียวกันกับสกุลเงินที่ขอโอน สำหรับสกุลเงิน THB และ USD อยู่ที่ 0.25% ของจำนวนเงินโอน
ธนาคารทหารไทยธนชาต : TMBThanachart Bank Public Company Limited (TTB)
- รหัส Swift Code ธนาคารทหารไทยธนชาต : TMBKTHBK
- ที่อยู่ : 3000 พหลโยธิน, ถนนจตุจักร, กรุงเทพฯ 10900
- เบอร์ : +66-2299-1111
- ระยะเวลาในการโอนเงิน : 5-7 วันทำการ (ไม่รวมวันหยุดธนาคาร)
ค่าธรรมเนียม สำหรับการโอนเงินไปต่างประเทศธนาคารไทยธนชาต
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินแบบ Charge Ben อยู่ที่ 450 บาท ต่อรายการ
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินแบบ Charge Our อยู่ที่ 750 บาท ต่อรายการ ยกเว้นสกุลเงิน JPY ธนาคารคิดเพิ่มอยู่ที่ 0.05% ของจำนวนเงินที่ต้องการโอน และสกุลเงิน GBP ธนาคารคิดเพิ่มอยู่ที่ 1,000 บาท ต่อรายการ
ธนาคารออมสิน : GOVERNMENT SAVINGS BANK (GSB)
- รหัส Swift Code ธนาคารออมสิน : GSBATHBK
- ที่อยู่ : อาคาร 1, 470 ถนนพหลโยธิน, สามเสนใน, พญาไท กรุงเทพฯ 10400
- เบอร์ : +66-2299-8012
- ระยะเวลาในการโอนเงิน : 1-3 วันทำการ (ไม่รวมวันหยุดธนาคาร)
ค่าธรรมเนียม สำหรับการโอนเงินไปต่างประเทศธนาคารออมสิน
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินแบบ Charge Beneficiary อยู่ที่ 400 บาท ต่อรายการ
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินแบบ Charge Our สำหรับผู้รับเงินในประเทศสหรัฐฯ อยู่ที่ 1,150 บาท ต่อรายการ
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินแบบ Charge Our สำหรับผู้รับเงินในประเทศญี่ปุ่น อยู่ที่ 2,000 บาท ต่อรายการหรือเรียกเก็บตามจำนวนจริง
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินแบบ Charge Our-Full Value Transfer สำหรับสกุลเงิน USD ที่โอนไปให้ผู้รับเงินในประเทศสหรัฐฯ อยู่ที่ 1,500 บาท ต่อรายการ
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด : Standard Chartered Bank (Thailand)
- รหัส Swift Code ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด : SCBATHBK
- ที่อยู่ : 90 ถนนสาทรเหนือ, กรุงเทพฯ 10500
- เบอร์ : 2724-4000
- ระยะเวลาในการโอนเงิน : 1-2 วันทำการ (ไม่รวมวันหยุดธนาคาร)
ค่าธรรมเนียม สำหรับการโอนเงินไปต่างประเทศธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
สำหรับค่าธรรมการโอนเงินไปต่างประเทศแบบสวิฟของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดสามารถติดต่อเพื่อสอบถามค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ของธนาคาร
ธนาคารยูโอบี : United Overseas Bank (Thai) Public Company Limited (UOB)
- รหัส Swift Code ธนาคารยูโอบี : UOVBTHBK
- ที่อยู่ : 191 ถนนสาทรใต้ ยานนาวา, กรุงเทพฯ 10400
- เบอร์ : +66-2093-5071-74
- ระยะเวลาในการโอนเงิน : 1-3 วันทำการ (ไม่รวมวันหยุดธนาคาร)
ค่าธรรมเนียม สำหรับการโอนเงินไปต่างประเทศธนาคารยูโอบี
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินแบบ Charge Our จะถูกคิดตามแต่ละสกุลเงิน ยกตัวอย่างเช่น สกุลเงิน CAD, GBP, HKD และ EUR จะคิดค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 800 บาท ต่อรายการ ส่วนสกุลเงิน USD จะคิดค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 600 บาท ต่อรายการ เป็นต้น
- ค่าธรรมเนียม Swift โอนเข้าบัญชี THB และ FCD จะอยู่ที่ 500 บาท ต่อรายการ
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร : Kiatnakin Phatra Bank (KKP)
- รหัส Swift Code ธนาคารเกียรตินาคินภัทร : KKPBTHBK
- ที่อยู่ : 209 ตึก KKP, สุขุมวิท 21 (อโศก), คลองเตยเหนือ, วัฒนา กรุงเทพฯ 10110
- เบอร์ : +66-2165-5555
- ระยะเวลาในการโอนเงิน : ทันที – 1 วันทำการ (ไม่รวมวันหยุดธนาคาร)
ค่าธรรมเนียม สำหรับการโอนเงินไปต่างประเทศธนาคารเกียรตินาคินภัทร
ค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างประเทศจะอยู่ที่ 0.25% ของจำนวนเงินโอนเข้า (ขั้นต่ำ 200 บาท สูงสุด 500 บาท) + ค่า Swift อยู่ที่ 400 บาท ต่อรายการ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยว Swift Code ธนาคาร
หมายเลขรหัสธนาคารคืออะไร?
หมายเลขรหัสธนาคาร หรือ Swift Code คือ รหัสของธนาคารหรือสถาบันทางการเงินที่ระบุตัวเลขไว้ 8-11 ตัวอักษร ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อใช้ในการโอน-รับเงินระหว่างธนาคารด้วยกัน โดยจะนิยมใช้ในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายสินค้าและบริการ หรือแม้แต่การถอนเงินผ่านโบรกเกอร์ เป็นต้น
TTB Swift Code คืออะไร?
TTB Swift Code คือ TMBKTHBK ของธนาคารทหารไทยธนชาต
BIC ย่อมาจากอะไร?
BIC ย่อมาจาก Bank Identifier Code หรือการระบุรหัสของธนาคารและสถาบันทางการเงิน
Swift รับโอนเงินจากต่างประเทศใช้เวลากี่วัน?
Swift รับโอนเงินจากต่างประเทศใช้เวลาเฉลี่ยอยู่ที่ทันที – 7 วันทำการ ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร
Swift Code ธนาคารออมสินคืออะไร?
Swift Code ธนาคารออมสิน คือ GSBATHBK
สรุป Swift Code คืออะไร?
ทั้งหมดนี้ก็คือ Swift Code (สวิฟโค้ด) จะเห็นได้ว่า รหัสของสวิฟโค้ดมีความจำเป็นอย่างมาก สำหรับลูกค้าที่ต้องการทำธุรกรรมประเภทต่าง ๆ ระหว่างประเทศ เพราะนอกจากที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ทำธุรกรรมแล้ว ธนาคารทั่วโลกก็จะสามารถ Tracking หากันได้ง่ายยิ่งขึ้นค่ะ อย่างไรก็ดี การทำธุรกรรมผ่านสวิฟโค้ดมีค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น ก่อนทำธุรกรรมใด ๆ ควรตรวจสอบรหัสสวิฟโค้ดให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายและความล่าช้าในอนาคตค่ะ
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge