กองทุน Hedge Fund คืออะไร? กองทุนที่มีความซับซ้อนยิ่งกว่ากองทุนรวม!

กองทุน Hedge Fund คืออะไร? กองทุนที่มีความซับซ้อนยิ่งกว่ากองทุนรวม!
Table of Contents

หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินชื่อ “กองทุน Hedge Fund” กันมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ กองทุน Hedge Fund ถือเป็นหนึ่งในกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนรวมอยู่มากค่ะ ดังนั้น ในบทความนี้ คุณน้าจะพาทุกคนไปรู้จักว่ากองทุน Hedge Fund คืออะไร? และกองทุน Hedge Fund มีความซับซ้อนกว่ากองทุนรวมอย่างไร?  คุณน้าจะพาทุกคนไปหาคำตอบกันค่ะ!


บทความที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในกองทุนอื่น ๆ เพิ่มเติม :


กองทุน Hedge Fund คืออะไร?

กองทุน Hedge Fund คืออะไร

กองทุน Hedge Fund หรือเฮดจ์ฟันด์ คือ กองทุนทางเลือกที่มุ่งเน้นไปยังการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนรวมค่ะ เพราะกองทุน Hedge Fund จะเลือกใช้กลยุทธ์ที่ค่อนข้างซับซ้อนและหลากหลายมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการใช้กลยุทธ์ Long/Short และการใช้ Leverage เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลกำไร เป็นต้น อีกทั้งกองทุน Hedge Fund ยังสามารถซื้อขายสินทรัพย์ได้อย่างอิสระ โดยไม่คำนึงถึงความเคลื่อนไหวของตลาดหรือดัชนีนั่นเองค่ะ

ความเป็นมาของกองทุน Hedge Fund

ความเป็นมาของกองทุน Hedge Fund

ที่มารูปภาพ : Institutional Investor

กองทุน Hedge Fund เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1949 โดยนักลงทุนชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า Alfred Winslow Jones ค่ะ โดยเขาเกิดแนวคิดขึ้นมาว่า เขาสามารถถือครองสินทรัพย์ในระยะยาวไปพร้อม ๆ กับการทำกลยุทธ์ Short Selling ได้หรือไม่? ซึ่งการคาดการณ์ของ Alfred Winslow Jones ถือว่าประสบความสำเร็จ เนื่องจากสามารถทำกำไรส่วนต่างของราคาจากการขายแพงเพื่อกลับไปซื้อถูกได้ค่ะ

นอกจากนี้ Alfred Winslow Jones ยังได้ทดลองใช้ Leverage เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่ได้รับอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เอง กองทุน Hedge Fund จึงเริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา

สำหรับประเทศไทยนั้น กองทุน Hedge Fund ถือกำเนิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 2000 โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.) แต่กองทุน Hedge Fund ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างค่ะ โดยเน้นไปที่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่เท่านั้น

กลยุทธ์ยอดนิยมของกองทุน Hedge Fund มีอะไรบ้าง? 

สำหรับกลยุทธ์ยอดนิยมของกองทุน Hedge Fund สามารถแบ่งออกเป็น 5 กลยุทธ์ยอดนิยม โดยมีรายละเอียด ดังนี้

กลยุทธ์ Long/Short Equity

กลยุทธ์ Long/Short Equity คือกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกองทุน Hedge Fund โดยเป็นกลยุทธ์ที่สามารถซื้อ (Long) หุ้นที่คาดว่าในอนาคตจะปรับตัวสูงขึ้น โดยดูจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีของบริษัท และขาย (Short) หุ้นที่คาดว่าในอนาคตจะมีโอกาสปรับตัวลดลงเกินกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น ทำให้พอร์ตการลงทุนของคุณสามารถสร้างผลกำไรจากการขาย (Short) เพื่อนำเงินส่วนต่างมาซื้อหุ้น (Long) ได้มากยิ่งขึ้น

ซึ่งกลยุทธ์ Long/Short Equity นี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงของตลาดในช่วงที่ตลาดเกิดวิกฤตได้ดีกว่าตลาดหุ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการทำไรได้อีกด้วย หากตลาดอยู่ในช่วงขาลงและสามารถฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี เมื่อตลาดกลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้นนั่นเอง

เรียกได้ว่า กลยุทธ์ Long/Short Equity เป็นการทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง คือ

  • สามารถซื้อถูกและขายแพงได้ เมื่อตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น
  • สามารถขายแพงแล้วกลับไปซื้อถูกได้ เมื่อตลาดอยู่ในช่วงขาลง

กลยุทธ์ Market Neutral

มาต่อกันที่ กลยุทธ์ยอดนิยมที่ 2 คือ กลยุทธ์ Market Neutral เป็นกลยุทธ์ที่มีความคล้ายคลึงกับกลยุทธ์ Long/Short Equity ค่ะ แต่กลยุทธ์นี้จะรักษาสัดส่วนของการลงทุนในฝั่งซื้อและฝั่งขายให้มีความสมดุลกัน โดยไม่ได้เน้นที่ทิศทางของตลาด แต่จะเน้นที่การถือครองสัดส่วนของสินทรัพย์เป็นหลักค่ะ ซึ่งกลยุทธ์ Market Neutral จะใช้ Leverage เข้ามาช่วยในการเพิ่มโอกาสในการทำกำไรอีกด้วย

กลยุทธ์ Event Driven

สำหรับกลยุทธ์ Event Driven จะเน้นลงทุนตามสถานการณ์สำคัญในช่วงเวลานั้น ๆ เช่น การเลือกลงทุนในตราสารหนี้ เมื่อบริษัทนั้นมีการควบรวมกิจการหรือมีการเปลี่ยนแปลงภายใน ซึ่งนักลงทุนมองเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของบริษัทมีความน่าสนใจค่ะ 

กลยุทธ์ Quantitative Investment

กลยุทธ์ Quantitative Investment คือ กลยุทธ์ที่เน้นใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เข้ามาช่วยในการประมวลผลข้อมูลเชิงปริมาณ หรือการใช้โมเดลทางสถิติเข้ามาช่วยในการลงทุนค่ะ

กลยุทธ์ Global Macro

มาที่กลยุทธ์ยอดนิยมอันดับสุดท้ายที่คุณน้าได้หยิบยกมา นั่นก็คือกลยุทธ์ Global Macro เป็นกลยุทธ์ที่เน้นลงทุนตามเทรนด์หรือภาพรวมของเศรษฐกิจระดับมหภาค ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะใช้กลยุทธ์นี้เน้นไปที่การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลักค่ะ


การลงทุนในกองทุน Hedge Fund มีความสำคัญต่อนักลงทุนอย่างไร?

การลงทุนในกอง Hedge Fund มีความสำคัญต่อนักลงทุนอย่างไร?

ในแง่ของการลงทุน หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า การลงทุนในกองทุน Hedge Fund มีความสำคัญต่อนักลงทุนอย่างไร? เพราะจากที่กล่าวไปข้างต้น กลยุทธ์การลงทุนค่อนข้างที่จะซับซ้อนเลยใช่ไหมล่ะคะ ซึ่งจากการศึกษาข้อมูลมา คุณน้าขอบอกว่า กองทุน Hedge Fund สามารถกระจายความเสี่ยงโดยรวมในพอร์ตการลงทุนของคุณได้ค่ะ

ด้วยความที่ว่า ผลตอบแทนของกองทุนไม่ได้เคลื่อนไหวตามตลาดหรือดัชนี เพราะกองทุน Hedge Fund จะเน้นกลยุทธ์ที่ได้จากส่วนต่างของราคาสินทรัพย์ ทำให้ค่า Correlation (ค่าความสัมพันธ์) จะไม่สอดคล้องกับราคาสินทรัพย์โดยทั่วไปหรืออาจจะสวนทางกับราคาสินทรัพย์ในตอนนั้น ซึ่งหมายความว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดกระแสหลัก ไม่ว่าตลาดหุ้น, หุ้นกู้ และตลาดตราสารหนี้ ซึ่งผลตอบแทนของ Hedge Fund จะช่วยบรรเทาความผันผวนที่เกิดกับพอร์ตของคุณได้


📢 คำแนะนำจากคุณน้า


จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่า กองทุน Hedge Fund มีจุดเด่นด้านการลงทุนที่หลากหลายกว่ากองทุนรวม แต่ก็มาพร้อมกับวงเงินขั้นต่ำที่ค่อนข้างสูงกว่า อีกทั้งในปัจจุบันประเทศไทย ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุญาตให้มีการเสนอขาย Hedge Fund ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่เท่านั้น ซึ่งทางบ.ล.จ.จะต้องระบุข้อความว่า “กองทุนเฮดจ์ฟันด์” ไว้ในชื่อของกองทุน และต้องมีข้อความห้ามขายให้แก่นักลงทุนทั่วไปด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางก.ล.ต. ยังไม่อนุญาตให้ขายกองทุน Hedge Fund แก่นักลงทุนทั่วไปแต่สำหรับนักลงทุนสนใจลงทุนในกองทุน Hedge Fund สามารถเลือกลงทุนในต่างประเทศได้ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ประเทศสิงคโปร์หรือญี่ปุ่น เป็นต้น

กองทุน Hedge Fund เหมาะกับใคร

  • เหมาะกับนักลงทุนที่ค่อนข้างมีประสบการณ์ในการลงทุนมาในระดับหนึ่ง
  • เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง
  • เหมาะกับนักลงทุนที่มีเป้าหมายในการลงทุนระยะยาว
  • เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง
  • เหมาะกับนักลงทุนที่มีเงินจำนวนมาก

การเสียค่าธรรมเนียมของกองทุน Hedge Fund เป็นอย่างไร?

การเสียค่าธรรมเนียมของกองทุน Hedge Fund เป็นอย่างไร?

โดยปกติแล้ว เวลาคุณลงทุนในกองทุนรวม คุณจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการจัดการที่คิดเป็น NAV ของกองทุนรวมใช่ไหมคะ แต่สำหรับกองทุน Hedge Fund คุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมการจัดการนั่นก็คือ การหักเปอร์เซ็นต์ของผลกำไรที่กองทุนสามารถทำได้ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ค่า Performance Fee นั่นเอง

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า กองทุน Hedge Fund มีค่าธรรมเนียมในการจัดการกองทุนค่อนข้างสูงกว่ากองทุนรวมเป็นอย่างมาก

ตัวอย่างการเสียค่าธรรมเนียมของกองทุน Hedge Fund

หากคุณลงทุนในกองทุน Hedge Fund กองทุนหนึ่ง คุณอาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุน โดยแบ่งออกเป็นรายละเอียด ดังนี้

  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ 2% 
  • ค่าธรรมเนียมในการปฏิบัติการของกองทุนที่มีการเรียกเก็บ 20% ของกำไร
  • ค่าธรรมเนียมที่กองทุนเรียกเก็บเพิ่มอีก 10% 

และหากคำนวณดูแล้ว นั่นก็แปลว่าคุณต้องเสียค่าธรรมเนียมทั้งหมด 32% ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียวค่ะ

⭐ Tip! ค่าธรรมเนียมกองทุนรวม

สำหรับค่าธรรมเนียมของกองทุนรวมส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 1.5% ต่อปี


สรุปกองทุน Hedge Fund แตกต่างจากกองทุนรวมอย่างไร? 

โดยปกติแล้ว เราจะรู้กันดีว่า กองทุนรวมเป็นกองทุนที่ระดมทุนจากนักลงทุนรายย่อยมาเป็นเงินก้อนใหญ่จำนวนหนึ่ง เพื่อนำไปลงทุนตามนโยบายของกองทุนรวมนั้น ๆ ซึ่งกองทุนรวมจะเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่ไม่มีเวลาค่ะ โดยจะแตกต่างจากกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ดังนี้

  • กฎระเบียบ : กองทุน Hedge Fund จะอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวดน้อยกว่ากองทุนรวม
  • เงินทุน : กองทุน Hedge Fund จะใช้วงเงินลงทุนสูงกว่ากองทุนรวม
  • ประเภทสินทรัพย์ : กองทุน Hedge Fund สามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลายและมีความเสี่ยงสูงได้มากกว่ากองทุนรวม ไม่ว่าจะเป็นตราสารอนุพันธ์, อสังหาริมทรัพย์ และทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น
  • กลยุทธ์ : กองทุน Hedge Fund สามารถเลือกใช้กลยุทธ์ได้หลากหลาย เช่น Long/Short ในขณะที่กองทุนรวมทำได้แค่ Long เท่านั้น 
  • การใช้ Leverage : กองทุน Hedge Fund สามารถใช้ Leverage เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ แต่กองทุนรวมไม่สามารถทำได้นั่นเอง

กองทุน Hedge Fund ถือเป็นกองทุนที่สามารถลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลายและมีกลยุทธ์การลงทุนที่ค่อนข้างซับซ้อนกว่ากองทุนรวมเป็นอย่างมากค่ะ

ข้อดี-ข้อเสียของกองทุน Hedge Fund

ข้อดี

  • สามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
  • สามารถกระจายความเสี่ยงได้อัตโนมัติ
  • มีผู้เชี่ยวชาญในการคัดเลือกสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ
  • มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนรวม
  • สามารถป้องกันความเสี่ยงได้เมื่อเข้าสู่สภาวะตลาดหมี

ข้อเสีย

  • มีค่าธรรมเนียมในการจัดการกองทุนค่อนข้างสูง
  • วงเงินลงทุนขั้นต่ำค่อนข้างสูง
  • สภาพคล่องต่ำกว่ากองทุนรวม

เปิด 9 หุ้นและ ETF ของ Bridgewater : Hedge Fund ระดับโลก

เปิด 9 หุ้นของ Bridgewater : Hedge Fund ระดับโลก

ถึงแม้ว่าประเทศไทยยังไม่สามารถขายกองทุน Hedge Fund ให้แก่นักลงทุนทั่วไปได้ แต่ในบทความนี้ คุณน้าจะพาทุกคนมาเปิด 9 หุ้นของ Bridgewater: กองทุน Hedge Fund ระดับโลกให้ความไว้วางใจ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับพอร์ตของคุณ โดย 9 หุ้น จะมีตัวไหนบ้างที่น่าสนใจ ไปหาคำตอบกันค่ะ!

หุ้นและ ETFเปอร์เซ็นต์การถือครองในพอร์ตโฟลิโอ
iShares Core S&P 500 ETF (IVV)5.67%
iShares Core MSCI Emerging Markets ETF (IEMG)5.29%
Procter & Gamble Co. (PG)3.81%
Coca-Cola Co. (KO)2.64%
Costco Wholesale Corp. (COST)2.54%
Johnson & Johnson (JNJ)2.43%
PepsiCo Inc. (PEP)2.32%
McDonald’s Corp. (MCD)2.25%
Walmart Inc. (WMT)2.24%

สำหรับใครที่ต้องการอ่านบทความเกี่ยวกับการลงทุนแบบ Ray Dalio อดีตผู้จัดการมือทองของ Bridgewater ที่ตอนนี้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของ Bridgewater โดยคุณสามารถอ่านได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกองทุน Hedge Fund

กองทุน Hedge Fund คืออะไร?

กองทุน Hedge Fund คือ กองทุนทางเลือกที่มุ่งเน้นไปยังการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนรวม

กองทุน Hedge Fund ในไทยมีไหม?

มีค่ะ สำหรับประเทศไทย ทางกลต. อนุญาตให้ขายกองทุน Hedge Fund ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่เท่านั้น

หุ้นและ ETF ที่ Bridgewater Hedge Fund ระดับโลกเลือก มีอะไรบ้าง?

  • iShares Core S&P 500 ETF (IVV)
  • iShares Core MSCI Emerging Markets ETF (IEMG)
  • Procter & Gamble Co. (PG)
  • Coca-Cola Co. (KO)
  • Costco Wholesale Corp. (COST)
  • Johnson & Johnson (JNJ)
  • PepsiCo Inc. (PEP)
  • McDonald’s Corp. (MCD)
  • Walmart Inc. (WMT)


สรุปกองทุน Hedge Fund คืออะไร?

ทั้งหมดนี้ก็คือ กองทุน Hedge Fund กองทุนทางเลือกที่สามารถป้องกันความเสี่ยงได้ดีเมื่อตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงผันผวน แต่กองทุนประเภทนี้ก็มีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายที่มากกว่ากองทุนรวม ดังนั้น นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของแต่ละกองทุนให้ดี ก่อนตัดสินใจเลือกลงทุน อีกทั้งควรเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต ด้วยความปรารถนาดีจากคุณน้าพาเทรดค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : Investopedia, U.S. News, Finnomena และ KKP


สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge

khunnaphatrade
khunnaphatrade
Recent Post
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 By คุณน้าพาเทรด

วิเคราะห์ทองคำวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งมีข่าวสำคัญ สำหรับวันนี้คาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลงไปที่บริเวณ 2,610-2,590 ดอลลาร์

3 สินทรัพย์น่าลงทุน หลังโดนัลด์ ทรัมป์คว้าชัย!
3 สินทรัพย์น่าลงทุน หลังโดนัลด์ ทรัมป์คว้าชัยในสมัยที่ 2

คุณน้าจะพาทุกคนมาส่อง 3 สินทรัพย์น่าลงทุนในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีสินทรัพย์ไหนเข้าตาบ้าง และผลกระทบของเศรษฐกิจไทยจะรุนแรงมากแค่ไหน เพื่อให้ทุกคนสามารถปรับพอร์ตลงทุนได้อย่างทันท่วงที

วิเคราะห์ทองคำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567
วิเคราะห์ทองคำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 By คุณน้าพาเทรด

วิเคราะห์ทองคำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งไม่มีมีข่าวสำคัญ สำหรับวันนี้คาดการณ์ว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปที่บริเวณ 2,660-2,670 ดอลลาร์

รีวิว Titan FX เปิดทุกคุณสมบัติที่ควรรู้
รีวิว Titan FX เปิดทุกคุณสมบัติที่ควรรู้ ปี 2024

กลับมาพบกับคุณน้ารีวิวกันอีกแล้วนะคะ ในวันนี้ คุณน้าจะพาทุกคนไปอ่านรีวิวโบรกเกอร์ Titan FX ในทุกคุณสมบัติที่เทรดเดอร์ควรรู้ ไม่ว่าจะเป็นใบอนุญาต, ประเภทบัญชี, ค่าสเปรด, การฝากถอนเงิน รวมถึงจุดเด่นและจุดแข็งของ Titan FX กันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปหาคำตอบกันเลย!