วันนี้คุณน้าอยากมาแนะนำ Indicator หรือ เครื่องมือที่ช่วยในการเทรด เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคสำหรับการเทรดที่เทรดเดอร์ Forex ใช้งาน เพื่อใช้ในการวิเคราะห์กราฟเพิ่มโอกาสในการทำกำไร โดยการใช้งาน Indicator ควรเลือกเครื่องมือที่เทรดเดอร์ถนัดและเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การเทรดของตนเอง ซึ่งคุณน้าอยากแนะนำ 5 เครื่องมือยอดนิยมสำหรับการเทรด ดังนี้ค่ะ
5 Indicators ยอดนิยมสำหรับเทรดเดอร์
1. Moving Average (MA)
Moving Average (MA) หรือเรียกว่า เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ถือว่าได้เป็น Indicator ที่ได้รับความนิยมสูงสุดเลยก็ว่าได้ค่ะ มีลักษณะเป็นเส้นเคลื่อนไหวตามราคาหุ้น หรือดัชนี ซึ่งเป็น Indicator ที่นำราคาที่มีความผันผวนของแต่ละวันมาหาค่าเฉลี่ย โดยการใช้ข้อมูลย้อนหลัง ตามช่วงเวลาที่กำหนด (Period) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่าย โดยจะแสดงเป็นเส้นเรียบในกราฟ เพื่อดูง่าย และสะดวกต่อการใช้บอกแนวโน้ม (Trend) ที่ผ่านมาของตลาดว่าเป็นอย่างไรบ้างค่ะ เพื่อเป็นแนวทางบอกทิศทางแนวโน้มในอนาคต
โดยใช้ข้อมูลของราคาหุ้นย้อนหลังตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น ถ้าสนใจค่า MA ย้อนหลัง 3 วัน เราจะใช้ราคาหุ้น 3 วันนับจากปัจจุบัน มาคำนวณด้วยสูตรของค่าเฉลี่ยประเภทที่เราสนใจ
MA ทุกประเภทจะใช้หลักการเดียวกัน คือ การหาค่าเฉลี่ยของราคา แล้วนำมาวาดเป็นกราฟเส้น แต่ก็มีสื่งที่แตกต่างกันอยู่ค่ะ นั่นคือ การให้น้ำหนักของข้อมูลแต่ล่ะตัวที่แตกต่างกันก่อนนำมาคำนวณค่าเฉลี่ย
สัญญาณซื้อ (Buy)
- สัญญาณซื้อ (Buy Signal) เกิดขึ้นเมื่อ ราคาหุ้น หรือ ดัชนี อยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
สัญญาณขาย
- สัญญาณขาย (Sell Signal) เกิดขึ้นเมื่อ ราคาหุ้น หรือ ดัชนี อยู่ใต้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
2. Bollinger Band
เป็น Indicator Forex ที่คล้าย ๆ กับ Moving Average เป็น เครื่องมือที่ช่วยวัด Volatility ถ้าตลาดมี Volatility ต่ำ Bollinger Bands ก็จะถูกบีบแคบ และในทางตรงกันข้ามเมื่อตลาดมี Volatility สูง Bollinger Bands ก็จะขยายกว้างขึ้น ซึ่งเราสามารถมองเห็นเส้น Bollinger Bands ได้อย่างชัดเจน โดย Bollinger Bands จะมีเส้นด้านบนและเส้นด้านล่างเป็นหลัก ส่วนเส้นตรงกลางระหว่างเส้นบนและเส้นล่างจะเป็นเส้น 21 Moving Average (เป็นค่าเริ่มต้น)
เครื่องมือชนิดนี้ยังใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย สามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบการเทรด และหลากหลายสินค้าหารเทรด ไม่ว่าจะเป็น หุ้น, ทองคำ, Index, น้ำมัน เป็นต้น ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ Bollinger Bands เป็นที่นิยมในกลุ่มเทรดเดอร์ทั่วโลกเลยค่ะ
- ใช้ในการหาแนวโน้มของกราฟราคา : กราฟวิ่งในเส้นขอบบน และเส้นตรง จะมีลักษณะเป็นแนวโน้มขาขึ้น หากวิ่งเส้นขอบล่าง และเส้นตรงกลาง จะมีลักษณะเป็นแนวโน้มขาลง
- ใช้วัดความผันผวนของคู่เงิน : ถ้าคู่เงินนั้นมีความผันผวนมาก Indicator Bollinger Bands ทั้ง 3 เส้น จะถ่างออกห่างกันมาก ถ้าคู่เงินนั้นมีความผันผวนน้อย Indicator Bollinger Bands ทั้ง 3 เส้น จะอยู่ใกล้กัน
- ใช้ดู Overbought Oversold เพื่อหาว่าตอนนี้ราคาแพงเกินไป หรือถูกเกินไป : เป็นสัญญาณเตือนเมื่อตลาดเข้าสู่สถานะ Overbought กราฟจะขึ้นไปทะลุเส้น Upper Band (Bollinger Bands จะแคบ) และ Oversold กราฟจะขึ้นไปทะลุเส้น Lower Band (Bollinger Bands จะกว้าง)
3. Stochastic
เป็น Indicator ชนิด Oscillator (ซึ่งคำนี้มันก็แปลว่า การแกว่งไปแกว่งมานั่นเอง) นั่นอาจเป็นชื่อที่ใช้เรียกในแง่ของลักษณะที่เกิดขึ้นในวิธีของอินดิเคเตอร์แบบอื่นที่มีแนวโน้มแบบแกว่งไปแกว่งมาได้ ซึ่ง Stochastic Oscillator จะคล้ายกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ ที่ช่วยในการระบุพื้นที่ที่มีการซื้อเกิน (overbought) หรือ ขายเกิน (oversold) ผ่านการวัดโมเมนตัม
เช่น ถ้าเราตั้งค่า Stochastic 8 นั่นก็คือ เวลาที่เรากำหนดคือกรอบ 8 แท่งของแท่งเทียน หรือแท่งราคา ซึ่งผลของการคำนวณจะออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์การเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับจำนวนแท่งที่ใช้ในการคำนวณทั้งหมด
Stochastic ใช้งานได้ดีในภาวะที่ตลาดเป็น Side Way ลักษณะของ Stochastic นั้นจะมีความเร็วพอกับราคาทำให้เรามองกราฟได้ง่าย ๆ ว่าช่วงไหนที่ราคามีการซื้อเยอะ หรือช่วงไหนที่ราคามีการเทขายเยอะในตลาด
4. MACD
เป็น Indicator forex ที่แม่นยำที่สุด จัดได้ว่าเป็น Indicator ตัวต้น ๆ ยอดนิยมอีกตัวที่นักเทรดใช้งานกันเลยก็ว่าได้ค่ะ โดย MACD ย่อมาจาก Moving Average Convergence Divergence ตัวนี้ทำงานแบบ วิ่งในกรอบ สถานะ Over Bought, Over sold และร่วมกับ เส้น Moving Average โดยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ที่เป็นผลต่างระหว่าง EMA (12) วัน EMA (26) วัน วิ่งตัดกันกับ Signal Line EMA (9) วัน
ใช้บอกแนวโน้มของราคาหุ้น (Trend) และสัญญาณเตือน เท่านั้น
สัญญาณซื้อ (Buy)
- เมื่อเส้น MACD เคลื่อนตัวลงทะลุผ่านเส้น Signal ลงมา ให้เข้าเปิดออเดอร์ Buy
สัญญาณขาย
- เมื่อเส้น MACD เคลื่อนตัวขึ้นเหนือเส้น Signal ให้เข้าเปิดออเดอร์ Sell
5. RSI (Relative Strength Index)
Relative Strength Index เป็นตัวช่วยที่บ่งชี้ปริมาณการซื้อขายในตลาด โดยเราจะมีการกำหนดปริมาณการซื้อขายในกรอบระดับ 0-100 โดยการซื้อขายปกติจะอยู่ที่กรอบราคาในช่วง 30-70 เปอร์เซนต์ ส่วนที่เกินราคาที่กำหนดถือเป็นการซื้อขายที่มีนัยสำคัญ
ใช้บอกแนวโน้มของราคาหุ้น (Trend) และสัญญาณเตือน เท่านั้น
RSI เป็นตัวช่วยที่บ่งชี้ปริมาณการซื้อขายในตลาด โดยเราจะมีการกำหนดปริมาณการซื้อขายในกรอบระดับ 0-100
วิธีดูเบื้องต้น
ถ้าหากระดับสูงเกิน 70 นั่นแปลว่ามีการซื้อมากเกินไป (Overbought)
ถ้าหากระดับต่ำกว่า 30 นั่นแปลว่ามีการขายมากเกินไป (Oversold)
รูปแบบการใช้ RSI
เป็นกราฟที่มีรูปแบบ High ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นจุดราคาขายสูงสุดแและราคาต่ำสุดในระดับที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ
เป็นกราฟที่มีรูปแบบ Low ต่ำลงเรื่อย ๆ เป็นจุดที่ราคาขายสูงสุดและราคาขายต่ำสุดในระดับที่ต่ำลงกว่าเดิมเรื่อย ๆ
ซึ่งกราฟจริงทำ Lower Low ต่ำลงเรื่อย ๆ โดยเป็นจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดต่ำลงเรื่อย ๆ ส่วนกราฟ indicator แสดงผลทำให้ Higher Low ขึ้น คือมีจุดต่ำสุดขึ้นกว่าเดิม ซึ่งถ้ากราฟมาในรูปแบบนี้แปลว่าราคามีแนวโน้มเป็นขาขึ้น
ซึ่งกราฟจริงทำ Higher High สูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยจุดขายสูงสุดและราคาขายต่ำสุดในระดับที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่กราฟของ indicator จะแสดงผลทำ Lower High มากกว่าเดิม คือจุดสูงสุดที่ต่ำลงกว่าเดิม ซึ่งถ้ากราฟมาในรูปแบบนี้แปลว่าราคามีแนวโน้มเป็นขาลง
สรุป
ขอบคุณข้อมูลจาก : Forexlearning
บทความเพิ่มเติม : คลังความรู้