ในยุคนี้คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคงไม่มีใครไม่เคยได้ยินคำว่า Cryptocurrency หรือสกุลเงินดิจิตัล ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเองก็กำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตัลมากขึ้น
ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้สกุลเงินดิจิตัลอย่าง Bitcoin ได้ถีบตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าทำเอานักลงทุนตกใจกันไปตามๆกัน และแน่นอนว่าด้วยราคาที่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด จึงดึงดูดทั้งนักลงทุนรายเก่าและรายใหม่ให้เข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมากจนเกิดเป็นปรากฏการณ์ทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ทำให้หลายๆคนเกิดความสงสัยว่าสกุลเงินดิจิตัลจะเข้ามาแทนที่เงินกระดาษ (Fiat Money) และเป็นสกุลเงินแห่งอนาคตได้หรือไม่ เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
Cryptocurrency หรือที่เรารู้จักกันนาม “คริปโต” มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการในภาษาไทยว่า “สกุลเงินดิจิตัล” ซึ่งในตลาดของสกุลเงินดิจิตัลก็จะมีด้วยกันมากกว่า10,000 สกุลเงิน โดย 83% ของส่วนแบ่งมูลค่าตลาดนั้นกระจุกตัวอยู่ใน 5 สกุลหลักเท่านั้น ได้แก่ Bitcoin, Ethereum, XRM, Tether และ Litecoin ซึ่งเฉพาะ Bitcoin เพียงรายเดียวนั้นมีส่วนแบ่งมูลค่าตลาดเกินครึ่งแล้ว
มาถึงตรงนี้แล้วหลายๆคนก็คงสงสัยใช่มั้ยคะว่าสกุลเงินดิจิตัลจะเข้ามาแทนที่เงินสดในอนาคตได้ไหม ต้องบอกก่อนเลยนะคะว่ามีความเป็นไปได้ เพราะมหาวิทยาลัย King’s college ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เปิดให้นักศึกษาชำระค่าเล่าเรียนได้ผ่านทาง Bitcoin มาตั้งแต่ปี 2017 และก็ยังมีสินค้าอีกหลากหลายประเภทที่สามารถชำระได้ด้วยสกุลเงินดิจิตัล
ทว่าในมุมมองของนักลงทุนนั้น สกุลเงินดิจิตัลถูกมองว่าเป็นสกุลเงินแห่งอนาคตก็จริง แต่มองในมุมของการลงทุนประเภทหนึ่ง พวกเขาไม่ได้มองว่าจะนำสกุลเงินดิจิตัลมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่จะเน้นเป็นการลงทุนระยะยาวมากกว่าเพราะว่าการลงทุนกับสกุลเงินดิจิตัลนั้นได้กำไรดีกว่าการเล่นหุ้นหรือกองทุนรวมหลายเท่ามากๆ ในระยะเวลาที่เท่ากัน
แต่ก็อย่าลืมนะคะว่าในปัจจุบันธนาคารกลางส่วนใหญ่ก็ยังไม่รับรองว่าบรรดาสกุลเงินดิจิตัลที่เอกชนสร้างขึ้นมาสามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายได้ เพราะว่ามีความผันผวนมากและถูกผูกกับสิ่งที่จับต้องไม่ได้
ดังนั้นจากที่กล่าวมาข้างต้นการที่สกุลเงินดิจิตัลจะเข้ามาแทนที่เงินกระดาษได้จริงถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เพราะตอนนี้เองสกุลเงินดิจิตัลก็ยังเป็นที่ถกเถียงในวงกว้างของนักวิชาการถึงความผันผวนของตลาดประกอบกับความซับซ้อนของตัวมันเอง จึงทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับหลายๆคนที่จะเข้าใจและเข้าถึง ถึงขั้นที่บิล เกตต์เคยให้สัมภาษณ์ว่า “อนาคตของสกุลเงินดิจิตัลนั้นคงจบไม่ดีแน่”
อย่างไรก็ตามก็คงต้องศึกษาและดูกันไปยาวๆว่าอนาคตของเจ้าสกุลเงินดิจิตัลเหล่านี้จะเป็นอย่างไรจะรุ่งหรือจะร่วง มีเพียงสิ่งเดียวที่บอกเราได้นั้นก็คือ เวลา
ขอบคุณข้อมูลจาก Indiatoday, Bangkokbiz, sbo.sg