ราคาของ Bitcoin ลดลงในวันจันทร์เนื่องจากนักลงทุนประเมินความเสี่ยงจากอัตราที่สูงขึ้นและศักยภาพที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะเข้มงวดมากขึ้นนั่นเองค่ะ
ล่าสุด Bitcoin ร่วงลงกว่า 7% มาอยู่ที่ 39,320 ดอลลาร์ด้วยค่ะ ตามข้อมูลของ Coin Metrics ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม ซึ่งการลดลงเกิดขึ้นหลังจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 2.78% ในวันจันทร์ที่ผ่านมานั่นเองค่ะ
เนื่องจากในขณะสินทรัพย์เสี่ยงมีแนวโน้มลดลงค่ะ เพราะในวันจันทร์ที่ผ่านมาทาง Nasdaq Composite ที่มีเทคโนโลยีสูงก็ยังลดลงมากกว่า 1% ด้วยเช่นกันค่ะ และถึงแม้ว่า Bitcoin นั้นมีการซื้อขายที่เป็นอิสระจากตลาดหุ้นอยู่บ้าง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองนั้นสูงเป็นพิเศษในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างของโลกค่ะ
โดยสาเหตุที่ราคาลดลงนั้นมาจากสาเหตุเหล่านี้ค่ะ
ความกังวลทางเศรษฐกิจ
สกุลเงินดิจิทัลประสบความผันผวนในช่วงเวลาที่นักลงทุนและผู้บริโภคจำนวนมากกังวลว่าราคาจะพุ่งสูงขึ้น เหตุเพราะว่ามาตรการเงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษทั้งในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรด้วยนั่นเองค่ะ
นอกจากนี้ หลายฝ่ายต่างคาดการณ์ว่าตัวเลขเดือนมีนาคมสำหรับมาตรการขึ้นราคานี้จะสูงถึง 7.5% ต่อปีในยูโรโซนและ 8.5% ในสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวอีกด้วยค่ะ เนื่องจากคณะกรรมการการประชุมได้คาดการณ์ไว้เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า GDP ที่ปรับอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นในอัตรา 1.7% ต่อปีในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งลดลงอย่างมากจาก 7% ในช่วงไตรมาสก่อน
FED
Charlie Silver ซีอีโอและประธาน Permission.io เสนอมุมมองที่แตกต่างจาก Reyes โดยเลือกที่จะมุ่งเน้นไปที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยเขากล่าวว่า “เฟดในสหรัฐฯ ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าพวกเขาเชื่อว่าสินทรัพย์เสี่ยงจำเป็นต้องลดลง และได้ระบุว่าอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นมาก ซึ่งไม่ดีต่อราคา”
แถมเมื่อต้นสัปดาห์นี้ เฟดประกาศว่าจะลดงบดุลของธนาคารกลางลง ‘ล้านล้านดอลลาร์’ ในการถือครองพันธบัตรประมาณ 95 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งเป็นการลดความสมดุลในเชิงรุกอย่างมากในความพยายามของธนาคารกลางในการกระชับนโยบายการเงินด้วยอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น