เรียกได้ว่าในปีมังกรทองนี้ ราคาทองคำเปิดตัวมาได้อย่างสวยงามเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งสิ่งที่ทำให้ราคาทองคำปรับตัวรีเทิร์นพุ่งสูงมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น สงครามระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์, การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed หรือแม้แต่เงินบาทอ่อนค่า เป็นต้น จะเห็นได้ว่า ทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มาแรงเป็นอย่างมากในขณะนี้
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ยังคงสับสนว่า ควรเลือกลงทุนทองคำในรูปแบบไหนดี? เนื่องจากปัจจุบันการลงทุนทองคำมีหลากหลายรูปแบบ ดังนั้น ในบทความนี้ คุณน้าจะพาทุกคนไปศึกษาการลงทุนทองคำรูปแบบหนึ่งที่นักลงทุนมือใหม่ สามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง อีกทั้งยังใช้ต้นทุนในการลงทุนต่ำอีกด้วย ซึ่งการลงทุนที่คุณน้าจะนำเสนอนั่นก็คือ กองทุนทองคำค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลย!
บทความที่เกี่ยวข้องกับทองคำเพิ่มเติม :
- Unemployment Claims คืออะไร ? ส่งผลต่อราคาทองคำอย่างไร ?
- GDP คืออะไร ส่งผลต่อราคาทองคำอย่างไร ?
- ทำไมทองคำถึงเป็น Safe Haven ?
3 เหตุผลว่าทำไมทองคำถึงมาแรงในปี 2567
สืบเนื่องจากช่วงเดือนตุลาคม ในปี 2566 มีเหตุการณ์ที่สร้างความตึงเครียดให้กับโลกของเราเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ลากยาวมาถึงสงครามตะวันออกกลางที่ยังคงปะทุอยู่ในขนาดนี้ อย่างสงครามอิสราเอลและฮามาส ส่งผลให้ราคาทองคำกลับมารีเทิร์นพุ่งขึ้นสูง ซึ่งคุณน้าขอยกตัวอย่าง 3 เหตุผลว่า ทำไมทองคำถึงมาแรงในปี 2567 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง (Fed)
ปัจจัยแรกที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น นั่นก็คือ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง (Fed) ค่ะ เนื่องจากการปรับลดของอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ราคาพันธบัตรมีความผันผวนที่มากขึ้น อีกทั้งยังให้ผลตอบแทนได้ไม่ดีเท่าที่ควร เป็นเหตุให้นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่มีความปลอดภัยมากกว่า ซึ่งทองคำก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ
2. ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2567
มาต่อกันที่ปัจจัยที่ 2 คือ ภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากหลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในรอบ 10 ปี สืบเนื่องจากปัญหาโควิด-19 ที่ทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจตกต่ำลง ประกอบกับสงครามกลางเมืองที่กำลังยืดเยื้ออยู่ในขณะนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบรนท์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 90 ดอลลาร์สหรัฐและส่งผลให้แรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วยค่ะ ซึ่งถือว่ากระทบต้นทุนและภาระหนี้ของภาครัฐและเอกชนเป็นอย่างมาก ซึ่งเห็นได้ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ยังคงมีความเสี่ยงที่จะซบเซาลง
ด้วยเหตุนี้เอง ราคาทองคำจึงปรับตัวสูงขึ้น เพราะภาพรวมเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลที่มากขึ้น พวกเขาจึงหันไปให้ความสนใจทองคำมากขึ้น เนื่องจากทองคำถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยามวิกฤติหรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่า Safe-Haven
3. อุปสงค์จากนักลงทุนรายใหญ่ที่มีต่อราคาทองคำ
นับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา ธนาคารกลางในหลาย ๆ ประเทศเริ่มหันมาเก็บทองคำสำรองมากขึ้น ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมา ธนาคารทั่วโลกถือครองทองคำรวมแล้วกว่า 35,827.5 ตัน และในปีนี้คาดว่านักลงทุนรายใหญ่ยังคงเดินหน้าทยอยกักตุนทองคำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นแรงหนุนชั้นดีที่ทำให้ราคาทองคำปรับ All Time High แทบทุก ๆ วันค่ะ
นักลงทุนควรซื้อทองคำแท่งหรือกองทุนทองคำ แบบไหนดีกว่ากัน?
จะเห็นว่า ปีมังกรนี้ทองคำถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มาแรงเป็นอย่างมากค่ะ ซึ่งหลาย ๆ คนคงสนใจที่จะลงทุนในทองคำกันแล้วใช่ไหมคะ สำหรับนักลงทุนมือใหม่คงมีความสับสนไม่น้อยว่า ควรซื้อทองคำจริงหรือกองทุน แบบไหนดีกว่ากัน? คุณน้าขอเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการลงทุนในทองคำแท่งและกองทุนทอง เพื่อให้คุณได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นก่อนนะคะ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
ทองคำแท่ง | กองทุนทองคำ | |
ความหมาย | แร่โลหะที่มีมูลค่าสูง ซึ่งผู้ผลิตจะนำแร่มาขึ้นรูปให้เป็นทองคำแท่ง เพื่อเพิ่มมูลค่าของแร่โลหะให้สูงขึ้น | การลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในทองคำ โดยมูลค่าของหน่วยลงทุนจะอิงกับราคาทองคำในตลาดโลก |
ค่าใช้จ่าย | ทองคำแท่งจะไม่มีค่ากำเหน็จเวลาซื้อ-ขาย แต่จะมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าบล็อกแทนค่ะ ซึ่งค่าบล็อกทำความเข้าใจง่าย ๆ ว่า เป็นค่าแรงในการนำทองคำมาหลอมนั่นเอง โดยปกติแล้วค่าบล็อกจะอยู่ในช่วงราคา 100-400 บาท ซึ่งจะขึ้นอยู่กับแต่ละร้านเป็นคนกำหนด | กองทุนทองคำจะมีการเสียค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายแฝงค่ะ ซึ่งแต่ละกองทุนจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน โดยคุณสามารถดูค่าธรรมเนียมได้ที่หนังสือชี้ชวนของบลจ. ที่คุณให้ความสนใจ |
เหมาะกับใคร | – เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะยาว – เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน – เหมาะกับคนที่ต้องการซื้อเพื่อเป็นของขวัญ เนื่องในโอกาสพิเศษ | – เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ – เหมาะกับนักลงทุนที่มีต้นทุนต่ำ – เหมาะกับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้มาก จากความผันผวนของราคาทองคำและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา – เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะยาว |
จากตารางจะเห็นได้ว่า การลงทุนในทองคำแท่งและกองทุนทองคำมีความแตกต่างกันตามเป้าหมายการลงทุนของแต่ละคนค่ะ ซึ่งหากคุณเป็นนักลงทุนมือใหม่ คุณน้าขอแนะนำกองทุนทองคำ เพราะต้นทุนต่ำกว่าการลงทุนในทองคำแท่ง อีกทั้งยังมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพเข้ามาช่วยดูแลให้อีกด้วย
อย่างไรก็ดี การเลือกลงทุนแบบไหนดีนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด ก่อนตัดสินใจลงทุนนะคะ เพราะการลงทุนทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นอย่างมาก
นอกจากที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว คุณสามารถลงทุนทองคำได้อีกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทองคำรูปพรรณ, หุ้นทองคำจากบริษัทเหมืองแร่ หรือแม้แต่การออมทอง เป็นต้น สำหรับใครที่ให้ความสนใจการออมทอง คุณน้าก็เคยเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้แล้วนะคะ สามารถอ่านได้ที่ลิงก์ด้านล่างได้เลย
📌 ข้อสังเกต หากคุณไม่อยากเสียค่าบล็อกทองคำแท่ง ทำได้ยังไง?
หากคุณไม่อยากเสียค่าบล็อกเพิ่มเติม คุณสามารถซื้อทองคำได้ตั้งแต่ 5 บาทขึ้นไป แต่ถ้าซื้อทองคำแท่งปั๊มโลโก้ คุณจะต้องเสียค่าบล็อก โดยไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ค่ะ
5 เกณฑ์การพิจารณากองทุนทองคำที่ดี มีอะไรบ้าง?
ก่อนที่เราจะไปดู 6 กองทุนทองคำที่น่าซื้อ ในปี 2567 นี้ คุณน้าขอยก 5 เกณฑ์การพิจารณากองทุนทองคำที่ดี มีอะไรบ้าง? เพื่อช่วยให้นักลงทุนมือใหม่สามารถพิจารณาการเลือกกองทุนทองคำได้ดียิ่งขึ้น
1. ประเภทและระดับความเสี่ยงของกองทุน
ปัจจัยแรกที่นักลงทุนมือใหม่ควรให้ความสำคัญ คือ ประเภทและระดับความเสี่ยงของกองทุน เนื่องจากในแต่ละกองทุนจะมีกลยุทธ์ในการบริหารที่แตกต่างกัน ซึ่งนักลงทุนควรศึกษาเป้าหมายของตนเอง ก่อนตัดสินใจว่าประเภทการลงทุนแบบไหนเหมาะกับคุณ รวมทั้งความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้นั้นมากน้อยเพียงใด โดยปกติแล้ว กองทุนส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนแบบ Passive หรือกองทุนรวมที่เน้นการลงทุน เพื่อให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัด (Benchmark) ให้ได้มากที่สุดค่ะ
ในขณะที่กองทุนแบบ Active จะเน้นกลยุทธ์ที่สร้างผลตอบแทนให้ชนะดัชนีชี้วัด (Benchmark) ทำให้ผู้จัดการกองทุนจะต้องปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนอยู่บ่อยครั้ง เพื่อให้สามารถเอาชนะตลาดได้ ด้วยเหตุนี้เอง กองทุนประเภทนี้จึงมีความเสี่ยงและอัตราค่าธรรมเนียมที่มากกว่ากองทุนแบบ Passive
โดยคุณสามารถศึกษาประเภทและระดับความเสี่ยงของกองทุนได้ที่หนังสือชี้ชวน (Fund Fact Sheet) ของแต่ละกองทุนได้เลยค่ะ
2. นโยบายป้องกันความเสี่ยงของกองทุนรวม
ปัจจัยต่อมาที่นักลงทุนมือใหม่ควรให้ความสนใจไม่แพ้กันนั่นก็คือ นโยบายป้องกันความเสี่ยงของกองทุนรวม ซึ่งปกติแล้ว กองทุนรวมจะแบ่งออกเป็นนโยบายป้องความเสี่ยงค่าเงิน (Hedge) และนโยบายไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (Unhedged) ซึ่งนโยบายทั้ง 2 ประเภทนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะส่งผลกระทบโดยตรงต่อกองทุนเลยค่ะ
โดยปกติแล้วทองคำจะมีการซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐใช่ไหมคะ และหากคุณต้องการแลกเงินจากดอลลาร์สหรัฐกลับมาเป็นเงินไทย คุณจะต้องดูอัตราการแลกเปลี่ยนระหว่างคู่เงิน ทำให้เห็นได้ว่า อัตราการแลกเปลี่ยนเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
ดังนั้น นโยบายป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (Hedge) และนโยบายไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (Unhedged) จะส่งผลกระทบต่ออัตราการแลกเปลี่ยนและการเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่แตกต่างกัน หากคุณคาดการณ์ว่า เงินบาทอ่อนค่าจะมีแนวโน้มอ่อนค่าในอนาคต การเลือกกองทุนที่มีนโยบายไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (Unhedged) จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าค่ะ แต่หากคุณไม่อยากรับความเสี่ยงใด ๆ จากค่าเงิน คุณควรเลือกกองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (Hedge) ก็จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากกว่านั่นเอง
3. การลงทุนขั้นต่ำ
มาต่อกันที่ปัจจัยที่ 3 ที่นักลงทุนมือใหม่ควรศึกษานั่นก็คือ การลงทุนขั้นต่ำ ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติเด่นของกองทุนเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะส่วนใหญ่แล้ว กองทุนจะกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำไว้ที่ 1-10,000 บาท ทำให้เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการลงทุนโดยไม่ใช้เงินทุนมากนัก
สำหรับการเลือกว่าจะลงทุนขั้นต่ำในจำนวนเงินเท่าไหร่ดี คุณน้าขอแนะนำว่า คุณควรประเมินจำนวนเงินเย็นที่คุณสามารถนำมาลงทุนได้ โดยที่ไม่เดือดร้อนการดำเนินชีวิตของคุณ
4. ค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายแฝง
แม้ว่ากองทุนทองคำจะกำหนดเงินลงทุนค่อนข้างต่ำ แต่สิ่งที่นักลงทุนมือใหม่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ ค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายแฝงของกองทุนค่ะ เนื่องจากกองทุนจะมีผู้จัดการกองทุนที่เข้ามาบริหารจัดการกองทุนให้กับเรา ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่า คุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ซึ่งตรงนี้ถือเป็นส่วนที่สร้างความแตกต่างให้กับแต่ละกองทุน ดังนั้น คุณควรพิจารณาผลตอบแทนกับค่าใช้จ่ายของกองทุนว่า มีความคุ้มค่าและเหมาะสมหรือไม่?
ปกติแล้ว ค่าธรรมเนียมจะประกอบไปด้วย 4 ประเภท ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย, ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหลักทรัพย์ของกองทุน, ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ของเงินปันผล และค่าธรรมเนียม เมื่อคุณทำการย้าย, โอน หรือสับเปลี่ยนกองทุน โดยคุณสามารถอ่านรายละเอียดของค่าธรรมเนียมได้ที่นี่เลยค่ะ
5. ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีขึ้นไป
มาที่ปัจจัยสุดท้ายที่นักลงทุนมือใหม่ควรพิจารณา นั่นก็คือ ผลตอบแทนย้อนหลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่จะสะท้อนได้ว่า ผู้จัดการกองทุนนั้นมีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่ดีหรือไม่? ซึ่งการดูผลตอบแทนย้อนหลังควรดูตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปค่ะ
แนะนำ 6 กองทุนทองคำ ที่น่าซื้อเก็บ กองไหนดี? ปี 2567
ในปัจจุบันมีกองทุนไทยที่มีนโยบายการลงทุนในทองคำมากถึง 30 บลจ. เลยค่ะ ซึ่งคุณน้าขอแนะนำ 6 กองทุนทองคำ ที่น่าเก็บ กองทุนไหนดี? ปี 2567 โดยคุณน้าใช้เกณฑ์การพิจารณาที่กล่าวไปข้างต้น โดยแต่ละกองทุนมีรายละเอียด ดังนี้
กองทุนเปิดกรุงศรีโกลด์เฮดจ์ : KF-HGOLD
- นโยบายของกองทุน : ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศที่มีชื่อว่า SPDR Gold Trust เพื่อให้ผลตอบแทนของกองทุนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ หลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนแล้ว
- ความเสี่ยงของกองทุน : ระดับ 8
- นโยบายป้องกันความเสี่ยง : มี (ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ)
- การซื้อขั้นต่ำ : 500 บาท
- ค่าใช้จ่ายของกองทุนรวม : 0.96% ต่อปี
- ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี : +23.81%
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ : SCBGOLD
- นโยบายของกองทุน : ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอีทีเอฟทองคำต่างประเทศ หรือ SPDR Gold Trust เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับราคาทองคำแท่ง หลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนแล้ว
- ความเสี่ยงของกองทุน : ระดับ 8
- นโยบายป้องกันความเสี่ยง : ไม่มี
- การซื้อขั้นต่ำ : 1 บาท
- ค่าใช้จ่ายของกองทุนรวม : 0.44% ต่อปี
- ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี : +26.05%
กองทุนเปิดเคเคพี โกลด์ ชนิดทั่วไป : KKP GOLD
- นโยบายของกองทุน : ลงทุนในหน่วยการลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศที่มีชื่อว่า SPDR Gold MiniShares Trust เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับราคาทองคำแท่ง หลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนแล้ว
- ความเสี่ยงของกองทุน : ระดับ 8
- นโยบายป้องกันความเสี่ยง : มีนโยบายป้องกันความเสี่ยง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ดูแลกองทุน
- การซื้อขั้นต่ำ : 1,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายของกองทุนรวม : 0.54% ต่อปี
- ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี : +22.55%
กองทุนเปิดบัวหลวงโกลด์ฟันด์ : BGOLD
- นโยบายของกองทุน : ลงทุนในหน่วยการลงทุนของ SPDR Gold Trust เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับราคาทองคำแท่ง หลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนแล้ว
- ความเสี่ยงของกองทุน : ระดับ 8
- นโยบายป้องกันความเสี่ยง : มีนโยบายป้องกันความเสี่ยง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ดูแลกองทุน
- การซื้อขั้นต่ำ : 500 บาท
- ค่าใช้จ่ายของกองทุนรวม : 0.54% ต่อปี
- ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี : +24.18%
กองทุนเปิดธนชาตทองคำแท่งเพื่อการเลี้ยงชีพ-UH : TGoldRMF-UH
- นโยบายของกองทุน : ลงทุนในทองคำแท่ง (Gold Bullion) ในต่างประเทศเป็นหลัก เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับราคาทองคำแท่ง หลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนแล้ว
- ความเสี่ยงของกองทุน : ระดับ 8
- นโยบายป้องกันความเสี่ยง : ไม่มี
- การซื้อขั้นต่ำ : 1 บาท
- ค่าใช้จ่ายของกองทุนรวม : 0% ต่อปี
- ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี : +24.05%
กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล : UOBSG-N
- นโยบายของกองทุน : ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ที่ลงทุนในทองคำแท่งโดยตรง เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับราคาทองคำในตลาดโลก
- ความเสี่ยงของกองทุน : ระดับ 8
- นโยบายป้องกันความเสี่ยง : มีนโยบายป้องกันความเสี่ยง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ดูแลกองทุน
- การซื้อขั้นต่ำ : ไม่มีขั้นต่ำ
- ค่าใช้จ่ายของกองทุนรวม : 0.96% ต่อปี
- ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี : +18.16%
ข้อดี-ข้อเสียของกองทุนทองคำ
ข้อดี
- ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
- ทองคำสามารถชนะเงินเฟ้อได้ในระยะยาว
- ทองคำมีสภาพคล่องสูง
- สามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต้นต่ำได้
ข้อเสีย
- ไม่ค่อยมีการจ่ายเงินปันผล
- มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายแฝง
- มีระดับความเสี่ยงค่อนข้างสูง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกองทุนทองคำ
กองทุนทองคำ คืออะไร?
กองทุนทองคำ คือ การลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในทองคำ
กองทุนทองคำ กองไหนดี 2567
- กองทุนเปิดกรุงศรีโกลด์เฮดจ์ : KF-HGOLD
- กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ : SCBGOLD
- กองทุนเปิดเคเคพี โกลด์ ชนิดทั่วไป : KKP GOLD
- กองทุนเปิดบัวหลวงโกลด์ฟันด์ : BGOLD
- กองทุนเปิดธนชาตทองคำแท่งเพื่อการเลี้ยงชีพ-UH : TGoldRMF-UH
- กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล : UOBSG-N
นักลงทุนมือใหม่ลงทุนทองคำแบบไหนดี?
คุณน้าขอแนะนำนักลงทุนมือใหม่ลงทุนทองคำแบบกองทุนรวมค่ะ เพราะต้นทุนในการลงทุนนั้นค่อนข้างต่ำกว่าทองคำแท่งค่ะ อีกทั้งยังมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพเข้ามาช่วยดูแลให้อีกด้วย
สรุปกองทุนทองคำ น่าซื้อเก็บไหม?
จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่า กองทุนทองคำเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียวค่ะ เพราะในปัจจุบันทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่มาแรงเป็นอย่างมาก ซึ่งคุณน้าขอแนะนำว่า คุณควรมีกองทุนทองคำติดพอร์ตไว้ค่ะ เพราะสามารถกระจายความเสี่ยงได้ดี อีกทั้งนักลงทุนมือใหม่ยังสามารถลงทุนในจำนวนเงินขั้นต่ำที่ไม่สูงมากนักและสามารถซื้อขายผ่านออนไลน์ได้ เรียกได้ว่า สะดวกเป็นอย่างมากค่ะ
อย่างไรก็ดี การลงทุนทองคำก็ถือว่ามีความเสี่ยงสูงเช่นกันนะคะ หากคุณไม่ศึกษาข้อมูลให้ดี คุณอาจพลาดโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้ค่ะ เพราะกองทุนทองคำมีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนั้น คุณควรเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนที่ได้รับกับค่าธรรมเนียมให้ดี ก่อนตัดสินใจลงทุน ด้วยความปรารถนาดีจากทีมงานคุณน้าพาเทรดค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : SCB, Krungsri, The Standard, Finnomena และประชาชาติธุรกิจ
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge