ในบทความนี้ คุณน้าจะพาทุกคนทำความรู้จักว่า ETF คืออะไร มีกี่ประเภท แตกต่างจากหุ้นและกองทุนรวมอย่างไร? ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มือใหม่ควรรู้เกี่ยวกับ ETF ค่ะ ถ้าพร้อมกันแล้วไปเริ่มกันเลย!
*คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน และบทความนี้เป็นเพียงบทความให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้ชักชวนให้ลงทุนแต่อย่างใด

ETF คืออะไร?

ETF ย่อมาจาก Exchanged Traded Fund คือ กองทุนที่มีนโยบายลงทุนตามการอ้างอิงดัชนีต่าง (Index Fund) ไม่ว่าจะเป็นดัชนี SET50, SET100, ดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรม, ดัชนีหุ้นต่างประเทศ, ทองคำ, ราคาน้ำมัน และดัชนีตราสารหนี้ เป็นต้น ซึ่ง ETF จะให้ผลตอบแทนอ้างอิงกับการเคลื่อนไหวของดัชนีให้ได้มากที่สุดนั่นเอง
⭐ ลักษณะเด่นของ ETF ⭐
ETF มีการรวมลักษณะเด่นต่าง ๆ ของกองทุนรวมทั่วไปและหุ้นเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่ง ETF จะลงทุนในกลุ่มหุ้นหรือพันธบัตร ในขณะที่นักลงทุนสามารถซื้อขายกองทุนได้ตลอดวันทำการจนกว่าตลาดจะปิดเหมือนกับตลาดหุ้น และข้อนี้สำคัญมาก ๆ เลยค่ะ กองทุน ETF จะอิงผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิงตามที่ระบุไว้นั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น MSCI India Index นักลงทุนจะได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีดังกล่าวด้วยค่าธรรมเนียมที่น้อยกว่า โดยเราจะได้ผลตอบแทนในการลงทุน ETF จากเงินปันผล (Dividend Yield) และส่วนต่างราคา (Capital Gain)
ETF = กองทุนรวม (ทุนน้อย กระจายความเสี่ยง) + หุ้น (คล่องตัว ราคาซื้อขาย Real-Time)
⭐ Tip ETF ต้องเสียภาษีไหม?
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ยังสงสัยว่า การลงทุนใน ETF ต้องเสียภาษีไหม คุณน้าขอบอกว่า กำไรที่ได้จากการซื้อขาย ไม่ต้องเสียภาษีค่ะ แต่หากนักลงทุนได้รับเงินปันผลจะต้องจ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10%
จุดเด่นของการลงทุน ETF
1. การซื้อขาย ETF สามารถทำได้แบบ Real-Time ซึ่งเหมือนกับการซื้อขายหุ้น
2. การกระจายความเสี่ยงของการลงทุน เหมือนกับกองทุนรวมที่ไม่ได้มีการลงทุนสินทรัพย์เพียงประเภทเดียว
3. ค่าธรรมเนียมถูกกว่าการซื้อขายหุ้น
4. จำนวนเงินลงทุนน้อยกว่าการซื้อขายหุ้น ซึ่งนักลงทุนที่มีเงินทุนน้อยก็สามารถลงทุนได้
⚠️ ความเสี่ยงของการลงทุน ETF
1. ความเสี่ยงของราคา ETF ที่มีการปรับตัวขึ้นลงจากปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ, สังคม และการเมือง เป็นต้น
2. ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของบริษัทเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญในการให้ผลตอบแทนของดัชนีอ้างอิง
3. ความเสี่ยงในด้านอัตราการแลกเปลี่ยน เนื่องจาก ETF มีการอ้างอิงกับหลักทรัพย์ของต่างประเทศ
ETF มีกี่ประเภท?
1. Equity ETF
Equity ETF คือ กองทุนที่เน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีหุ้นไทย ซึ่งคุณน้าเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงรู้จักกับ Equity ETF ประเภทนี้ดี หากกล่าวถึง SET50 หรือ SET100 นั่นเองค่ะ
2. Sector ETF
ETF ประเภทที่ 2 คือ Sector ETF เป็นกองทุนที่เน้นให้ผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร, ค้าปลีก, เทคโนโลยี และพลังงาน เป็นต้น ซึ่ง Sector ETF เหมาะกับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง เพราะหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมต้องอาศัยการศึกษาความเชื่อมั่นของตลาดในอนาคตพอสมควร
3. Foreign ETF
Foreign ETF เป็นกองทุนที่เน้นให้ผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นต่างประเทศ ซึ่งจะเน้นการลงทุนไปที่ธีมหรือเมกะเทรนด์ที่นักลงทุนให้ความสนใจค่ะ ทำให้ ETF ประเภทนี้มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น คุณจะต้องกระจายความเสี่ยงให้ดี อีกทั้งยังมีความเสี่ยงในเรื่องอัตราการแลกเปลี่ยนค่าเงินอีกด้วยค่ะ
4. Gold ETF
Gold ETF เป็นกองทุนที่เน้นให้ผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาทองคำ ซึ่งบางกองทุนสามารถซื้อทองคำจริงเก็บไว้ได้ค่ะ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน ทำให้อาจจะมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาดูแลทองคำ จึงเหมาะกับนักลงทุนที่กำลังมองหาทางเลือกในการลงทุนประเภทอื่น
5. Bond ETF
Bond ETF เป็นกองทุนที่เน้นให้ผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาตราสารหนี้ ซึ่ง ETF ประเภทนี้จะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
Leverage ETF คืออะไร?
“Leverage ETF คือ ETF ที่ให้ผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิงแบบอัตราทด ดังนั้น Leverage ETF จึงอาจให้ผลตอบแทนมากกว่า ETF แบบปกติ”
Leverage ETF คือ ETF ที่ให้ผลตอบแทนตามอัตราทด ซึ่งจะอ้างอิงดัชนีแบบคูณ 2 หรือคูณ 3 ทำให้ต่างจาก ETF แบบปกติค่ะ อย่างที่เราทราบกันดีว่า โดยปกติแล้ว ETF จะให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงให้ได้มากที่สุด แต่ Leverage ETF จะให้ผลตอบแทนตามอัตราทด (Leverage) แบบทวีคูณ ทั้งนี้ จะขึ้นอยู่กับอัตราทดที่นักลงทุนเลือกใช้ด้วยค่ะ
โดยปกติแล้ว นักลงทุนจะลงทุนประเภท Leverage ETF แบบระยะสั้น 1-2 สัปดาห์แล้วเทขาย เนื่องจากการลงทุนประเภทนี้มีความเสี่ยงสูง เพราะหากตลาดอยู่ในช่วงขาลง ผลตอบแทนของเราก็จะลดลงหลายเท่า
คุณน้ายกตัวอย่าง Leverage ETF
คุณน้าสนใจหุ้น TSLA โดยเลือกลงทุน 3TSL ซึ่งเป็น Leverage ETF แบบสร้างผลตอบแทนคูณ 3 จากหุ้น TSLA หากราคาหุ้น TSLA ในวันนี้ +5% 3TSL ก็จะให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น +15% แต่หากหุ้น TSLA ในวันนี้ -5% 3TSL ก็จะได้ผลตอบแทนลดลง -15% ดังนั้น จะเห็นได้ว่า 3TSL จะอิงกับราคาของ TSLA โดยจะทวีคูณ 3 จากการเปลี่ยนแปลงของราคา TSLA ซึ่งนับเป็น % นั่นเองค่ะ
Inverse ETF คืออะไร?
หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักกับ ETF แบบทั่วไป และ Leverage ETF กันไปแล้ว ยังมี ETF ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาดขาลง อย่าง Inverse ETF ที่นักลงทุนมือใหม่ควรทำความรู้จักค่ะ
Inverse ETF คือ กองทุนรวม ETF ที่สร้างผลตอบแทนสวนทางกับดัชนีอ้างอิง กล่าวคือ หากดัชนีอ้างอิงลดลง -1% ผลตอบแทนของ Inverse ETF ก็จะเพิ่มขึ้น +1% ดังนั้น Inverse ETF จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาดขาลง เพราะการลงทุนประเภทนี้ จะใช้วิธีการเดียวกันกับการ Short หุ้น ซึ่งจะรวมไปถึงเครื่องมือตราสารอนุพันธ์และการใช้อัตราทด (Leverage) อีกด้วยค่ะ
คุณน้ายกตัวอย่าง Inverse ETF
คุณน้าสนใจลงทุนหุ้น TSLA ในช่วงตลาดขาลง โดยเลือกลงทุน TSLQ ซึ่งเป็น Inverse ETF ในอัตราทด 2 เท่า หากราคาหุ้น TSLA ในวันนี้ ลดลง -1% TSLQ ก็จะให้ผลตอบแทนตรงกันข้าม ก็คือ ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น +2%
สรุปสาระสำคัญของ Leverage และ Inverse ETF

คุณลักษณะสำคัญ | Leverage ETF | Inverse ETF |
ผลตอบแทน | ขยายผลตอบแทนตามอัตราทด (Leverage) | ผลตอบแทนสวนทางกับดัชนีอ้างอิง (มีทั้งแบบไม่มีอัตราทดและมีอัตราทด) |
เหมาะกับตลาดแบบไหน | ตลาดขาขึ้น | ตลาดขาลง |
ความเสี่ยง | – มีค่าธรรมเนียมสูงกว่า ETF ทั่วไป – ระวังการกลับตัวของตลาด ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนที่เพิ่มมากขึ้น – ผันผวนสูง | – มีค่าธรรมเนียมสูงกว่า ETF ทั่วไป – ผันผวนสูง – เนื่องจากใช้อัตราทด ทำให้มีความเสี่ยงในการขาดทุนมากขึ้น |
เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน | นักลงทุนระยะสั้น |
ประเทศไทยลงทุน Leverage และ Inverse ETF ได้ไหม?
สำหรับประเทศไทยนั้น การลงทุนแบบ Leverage และ Inverse ETF ยังไม่ได้รับการรับรองค่ะ เนื่องจาก ก.ล.ต. เล็งเห็นว่า การลงทุนลักษณะนี้มีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ทาง ก.ล.ต. ออกประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์รองรับ Leverage และ Inverse ETF เพื่อให้การลงทุนมีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งมีผลบังคับใช้ 16 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป โดยการประกาศกฎเกณฑ์ Leverage และ Inverse ETF มีรายละเอียดตามรูปภาพด้านล่าง ดังนี้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ก.ล.ต.
ความแตกต่างของ ETF หุ้น และกองทุนรวม
คุณน้าได้รวบรวมความแตกต่างของ ETF หุ้น และกองทุนรวม เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตามตารางด้านล่างนี้เลยค่ะ
ETF | หุ้น | กองทุนรวม | |
กระจายการลงทุน | ✅ | ❌ | ✅ |
ผู้ดูแลสภาพคล่อง* | ✅ | ❌ | ❌ |
ระดับผลตอบแทน | ต่ำ-สูง | สูง | ต่ำ-สูง |
ความเสี่ยง | ต่ำ-สูง | สูง | ต่ำ-สูง |
ราคาซื้อขาย | Real-Time | Real-Time | รอสิ้นวันทำการ |
ซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์ | ได้ | ได้ | ไม่ได้ |
ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย | ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์เป็นผู้กำหนด | ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์เป็นผู้กำหนด | ขึ้นอยู่กับ บลจ. |
ระยะเวลาชำระราคา | T+2 | T+2 | T+4 |
จำนวนขั้นต่ำซื้อขาย | 100 หน่วยลงทุน | 100 หุ้น | ไม่ระบุหน่วยแต่มีจำนวนเงินขั้นต่ำ |
ผลตอบแทน | เงินปันผลและส่วนต่างของราคาซื้อขาย |
📢 เกร็ดความรู้ ผู้ดูแลสภาพคล่องคืออะไร?
ผู้ดูแลสภาพคล่องหรือ Market Maker คือ บริษัทหลักทรัพย์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่องในการซื้อขายสินทรัพย์ เพื่อช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อขายราคาให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของดัชนีอ้างอิงได้อย่างเหมาะสม
กองทุน ETF ในไทย มีอะไรบ้าง?
ในปัจจุบัน กองทุน ETF ในไทย มีทั้งหมด 11 กองทุน จาก 6 บลจ. โดยจะแบ่งออกเป็น 5 ประเภท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ตารางสรุปกองทุน ETF ในไทย
กองทุน ETF | ดัชนีหุ้นในประเทศ | ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม | ดัชนีหุ้นต่างประเทศ | ดัชนีทองคำ | ดัชนีตราสารหนี้ |
1DIV | SET High Dividend 30 Index (SETHD) | ||||
BMSCG | BCAP Mid Small Cap CG Index TR | ||||
BMSCITH | MSCI Thailand ex-Foreign Board Index | ||||
BSET100 | SET100 TRI | ||||
TDEX | SET50 | ||||
ENGY & ENY | SET Energy & Utilities Sector Index | ||||
CHINA | W.I.S.E CSI300 China Tracker ETF | ||||
UHERO | Solactive Video Games & Esports Index | ||||
UBOT | Indxx Global Robotics & Artificial Intelligence Thematic Index | ||||
ABFTH | IBOXX ABFTH Index | ||||
GLD | The Price of Gold Bullion 99.5% |
ที่มา : SET
มือใหม่อยากลงทุน ETF ต้องรู้อะไรบ้าง?
นักลงทุนมือใหม่ที่มีความสนใจอยากลงทุน ETF สามารถเลือกลงทุนได้ทั้งในไทยและต่างประเทศค่ะ โดยคุณน้าได้รวบรวมข้อควรรู้เกี่ยวกับการลงทุน ETF ในไทยและต่างประเทศ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
ลงทุน ETF ทำยังไง?
- ติดตามผลและปรับกลยุทธ์การลงทุนต่อไป
- เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับบริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์
- เลือก ETF ที่คุณสนใจ โดยดูจาก Performance ของกองทุนนั้น ๆ ซึ่งพิจารณาจากสภาพคล่องและความนิยมของกองทุน, ผลดำเนินการย้อนหลัง และค่าบริหารจัดการกองทุน
- ส่งคำสั่งซื้อขาย ETF ผ่านโปรแกรม Streaming หรือส่งคำสั่งผ่านผู้แนะนำการลงทุนของคุณ

เกร็ดความรู้ กองทุน ETF และ ETF ไม่เหมือนกัน!
นักลงทุนมือใหม่คงสับสนว่า กองทุน ETF และ ETF เหมือนกันหรือไม่? คุณน้าขอบอกว่า การลงทุนทั้ง 2 ประเภท แตกต่างกันค่ะ
นักลงทุนสามารถซื้อกองทุน ETF ได้ผ่าน บลจ. ไทย ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะนำเงินทุนของเราและนักลงทุนคนอื่น ๆ ไปลงทุนตามนโยบายที่ให้ไว้ โดยจะมีการหักค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
ส่วนการลงทุน ETF คือ นักลงทุนสามารถซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ได้โดยตรง ซึ่งนักลงทุนต้องเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศและรับความเสี่ยงจากอัตราการแลกเปลี่ยนของค่าเงินด้วยเองค่ะ
ถามตอบทุกเรื่องเกี่ยวกับ ETF
ETF ย่อมาจากอะไร?
ETF ย่อมาจาก Exchange Traded Fund คือ กองทุนที่ลงทุนในดัชนีอ้างอิงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นดัชนี SET50, SET100, ดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรม, ดัชนีหุ้นต่างประเทศ, ทองคำ, ราคาน้ำมัน และดัชนีตราสารหนี้ เป็นต้น ซึ่งจะให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงให้ได้มากที่สุด
การเคลื่อนไหวของราคา ETF เป็นอย่างไร?
การเคลื่อนไหวของราคา ETF จะถูกกำหนดโดยราคา Bid-Ask และราคาซื้อขายของ ETF จะต้องใกล้เคียงกับมูลค่าต่อหน่วยของทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (NAV) ซึ่งจะถูกคำนวณมาจากราคาปิดของสินทรัพย์ ณ สิ้นวันทำการ
ในระหว่างเวลาซื้อขาย ผู้ออก ETF จะเผยแพร่ข้อมูลมูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยประมาณ (iNAV) ทุก ๆ 15-30 วินาที เพื่อให้นักลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจ ก่อนลงทุนค่ะ
ETF มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
บริษัทหลักทรัพย์จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายการซื้อและรายการขาย (Commission Fee) ตามอัตราที่กำหนด รวมถึงยังมีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ของ Commission Fee อีกด้วย
ลงทุน ETF เสี่ยงไหม?
การลงทุน ETF มีความเสี่ยงค่ะ โดยสามารถแบ่งความเสี่ยงออกเป็น 3 ข้อหลัก ๆ ได้แก่ ความเสี่ยงของราคา ETF ที่มีการปรับขึ้นลง, ความเสี่ยงด้านการดำเนินการในแต่ละบริษัท และความเสี่ยงด้านอัตราการแลกเปลี่ยน
ETF ในไทย มีอะไรบ้าง?
ETF ในไทยมีทั้งหมด 11 กองทุน จาก 6 บลจ. ได้แก่ 1DIV, BMSCG, BMSCITH, BSET100, TDEX, ENGY & ENY, CHINA, UHERO, UBOT, ABFTH และ GLD
ETF จ่ายปันผลไหม?
การจ่ายปันผลของ ETF จะขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน บางกองทุนก็มีนโยบายจ่ายเงินปันผล แต่บางกองทุนก็ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ดังนั้น นักลงทุนควรศึกษาเงื่อนไขของแต่ละกองทุนให้ดี ก่อนตัดสินใจลงทุนค่ะ
ETF เสียภาษีไหม?
สำหรับนักลงทุนทั่วไปจะถูกหัก ณ ที่จ่าย 10% ของเงินปันผล ซึ่งจะไม่ถูกคิดรวมกับภาษีเงินได้ในช่วงปลายปี ส่วนเงินได้จากการขายหน่วยลงทุนจะได้รับการยกเว้นเสียภาษี
สรุป ETF คืออะไร?
ETF คือ กองทุนรวมดัชนีที่มีนโยบายการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีอ้างอิงต่าง ๆ โดยมีจุดเด่นในเรื่องของการซื้อขายแบบ Real-Time และการกระจายความเสี่ยงของการลงทุน อีกทั้งยังมีค่าธรรมเนียมน้อยกว่าหุ้นอีกด้วยค่ะ
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่กำลังมองหาการลงทุนที่น่าสนใจ ETF ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีค่ะ เนื่องจากใช้เงินลงทุนค่อนข้างต่ำ อีกทั้ง ยังกระจายความเสี่ยงของการลงทุนได้อีกด้วย
อย่างไรก็ดี การลงทุนล้วนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงทุน ด้วยความปรารถนาดีจากทีมงานคุณน้าเทรดค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : SET, Thunhoon และ Dime
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge