ทุกวันนี้คงเห็นได้ชัดเลยนะคะว่า สังคมเราเริ่มหันมาลงทุนกันมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดการลงทุนยอดนิยม และตลาด Forex ก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ ดังนั้นคุณน้าเลยอยากเอาความรู้มาฝากให้มือใหม่ได้ลองอ่าน แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เลยก่อนที่เราจะเริ่มเทรด Forex ได้ นั่นคือการเปิดบัญชี Forex ค่ะ ซึ่งปัจจุบันก็มีโบรกเกอร์ Forex มากมายให้เราเลือกใช้หรือเลือกเปิดบัญชีด้วย หลายคนอาจจะถามว่า สมัครเทรด Forex ยังไง ? เพราะมีหลายโบรกเกอร์ หลายรูปแบบให้เลือกมาก ๆ
บทความนี้เลยจะรวบรวมตั้งแต่ความรู้พื้นฐานว่า Forex คืออะไร, โบรกเกอร์ Forex คืออะไร, วิธีการเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่เหมาะกับเรา ตลอดไปจนถึงเอกสารและขั้นตอนการสมัครเลยค่ะ ใครที่พร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลยค่ะ
ความรู้พื้นฐานและสิ่งสำคัญก่อนจะเริ่มเทรด Forex
ตลาด Forex คืออะไร ?
Forex คือ ตลาดการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่าง ๆ ทั่วโลกที่เราเข้าไปทำการลงทุนหรือการเทรดสกุลเงิน เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างได้ โดยสามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับตลาด Forex เพิ่มเติมได้ที่นี่
โบรกเกอร์ Forex คืออะไร ?
โบรกเกอร์ Forex คือ นายหน้าที่ให้บริการในซื้อขาย Forex ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ซึ่งเทรดเดอร์ทุกคนจะทำการเทรดต้องมีการซื้อขายผ่านตัวกลางหรือโบรกเกอร์เท่านั้น ไม่สามารถซื้อขายได้โดยตรงกับตลาดได้ โดยสามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับโบรกเกอร์ Forex เพิ่มเติมได้ที่นี่
ขั้นตอนการเปิดบัญชี Forex
ขั้นตอนที่ 1: เลือกโบรกเกอร์ Forex
อันดับแรกของการเทรด Forex และสมัครบัญชี Forex ก็คือเราต้องทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตลาด Forex และโบรกเกอร์ Forex ให้ดีเสียก่อนค่ะ เพราะเราต้องมีการลงทุนผ่านตัวกลาง ซึ่งโบรกเกอร์ Forex ก็ทำหน้าที่เป็นนายหน้าหรือตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างเราและตลาดนั่นเอง
เมื่อมีความรู้ความเข้าใจมากพอ ขั้นตอนต่อมาก็คือการเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่เราต้องการเทรดด้วย โดยต้องเลือกโบรกเกอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการและสไตล์การเทรดของแต่ละคนด้วยนะคะ
ส่วนใหญ่สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนที่จะเลือกโบรกเกอร์ Forex ก็คือ
- ความน่าเชื่อถือ : โบรกเกอร์ที่เราสนใจต้องมีความน่าเชื่อถือ, ปลอดภัย
- การฝาก – ถอน : โบรกเกอร์ Forex ที่เราสนใจต้องสามารถฝากถอนได้ และหากฝากถอนไวก็ยิ่งดี
- Spread : ต้องตรวจเช็คคู่ตราสารที่ต้องการเทรดว่าสเปรดสูงหรือต่ำ
- ระบบ Support : ต้องมีแผนกบริการลูกค้าที่ดี เพื่อช่วยให้คำตอบเราในตอนที่เราเจอปัญหา หรือต้องการสอบถาม
ซึ่งคุณน้าก็ได้มีโอกาสเขียนรีวิวโบรกเกอร์ที่มีความโดดเด่นในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
รีวิว 5 โบรกเกอร์ Forex เทรดทองที่ดีที่สุดในปี 2023
รีวิว 5 โบรกเกอร์ Forex ยอดนิยมในปี 2023
รีวิว 5 โบรกเกอร์ Forex ที่ฝาก – ถอนเร็วที่สุดในปี 2023
รีวิว 5 โบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือที่สุดในปี 2023
รีวิว 5 โบรกเกอร์ Forex ที่ Spread ต่ำที่สุดในปี 2023
รีวิว 7 โบรกเกอร์ Forex โบนัสฟรีปี 2023
หวังว่าบรรดาบทความการรีวิวของคุณน้าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่สนใจนะคะ
ขั้นตอนที่ 2 : กรอกแบบฟอร์มและกรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคล
โดยปกติ เราต้องมีการลงทะเบียนเปิดบัญชีและจะต้องกรอกแบบฟอร์มที่เป็นรายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคลของเราลงไป ซึ่งไม่ต้องห่วงนะคะว่าโบรกเกอร์ Forex จะเอาข้อมูลไปทำอะไร ทางโบรกเกอร์ต้องการเก็บข้อมูลของลูกค้าไว้เท่านั้นเอง รวมถึงพิจารณาด้วยว่าอายุเราถึงเกณฑ์เทรดรึยัง เพราะหากอายุต่ำกว่า 18 ปีหรือสัญชาติไม่ใช่ประเทศที่รองรับ ก็จะไม่สามารถทำการเทรดได้นั่นเองค่ะ
โดยข้อมูลที่จะได้กรอกก็จะเป็นข้อมูลทั่วไปของเราเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น
- ชื่อ – นามสกุล
- วันเดือนปีเกิด
- อีเมล
- เบอร์โทรศัพท์
- ที่อยู่อาศัย
- แหล่งที่มารายได้
- อาชีพ
ขั้นตอนที่ 3 : ส่งเอกสารระบุตัวตนและยืนยันที่อยู่
เมื่อกรอกข้อมูลส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว บางโบรกเกอร์เราก็จะได้บัญชีมาเลย แต่ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์นะคะ เพราะหากเราต้องการฝาก – ถอน หรือเทรด ขั้นตอนการส่งเอกสารระบุตัวตนและยืนยันที่อยู่ก็นับว่าสำคัญมาก ๆ เลยค่ะ
จุดประสงค์ของการยื่นเอกสารระบุตัวตนและยืนยันที่อยู่ก็เพื่อที่ว่า เรามีตัวตนจริง ไม่ได้แอบอ้างใครมาแต่อย่างใด และเราเป็นประชากรที่อายุถึงเกณฑ์การเปิดบัญชีลงทุน และอยู่ในเขตหรือประเทศที่ทางโบรกเกอร์ให้บริการ
เอกสารสำคัญในการยื่นเพื่อยืนยันตัวตนกับทางโบรกเกอร์ Forex ได้แก่
- บัตรประชาชน
- ใบขับขี่
- Passport
เอกสารสำคัญในการยื่นเพื่อยืนยันที่อยู่กับทางโบรกเกอร์ Forex ได้แก่
เอกสารต่าง ๆ รวมถึงใบแจ้งหนี้ ที่แสดงที่อยู่ของเรา ไม่ว่าจะเป็น
- บิลค่าน้ำ
- บิลค่าไฟ
- บิลค่าโทรศัพท์
- บิลค่างวดรถ
- บิลค่าบัตรเครดิต
- หรือเอกสารอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นที่อยู่ปัจจุบันของเราค่ะ
โดยเอกสารเหล่านี้ สามารถยื่นในหน้าอัปโหลดเอกสารของแต่ละโบรกเกอร์ที่เราเปิดบัญชีด้วยได้เลยนะคะ
ขั้นตอนที่ 4 : กรอกแบบฟอร์มเปิดเผยความเสี่ยง
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญในการเปิดบัญชีเทรด Forex นั่นก็คือ การกรอกแบบฟอร์มและข้อตกลงในการเปิดเผยความเสี่ยงค่ะ เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าการลงทุนนั้นมีความเสี่ยง จึงต้องมีการรับทราบความเสี่ยงไว้ว่าเราเป็นผู้ใช้บริการและเต็มใจลงทุนด้วยตัวเราเอง โดยโบรกเกอร์จะให้เราอ่านขอบเขตการให้บริการของโบรกเกอร์ว่า ให้บริการในส่วนไหนบ้าง มีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง และหากการลงทุนของเราผิดพลาดหรือผิดนโยบาย จะมีการจัดการอย่างไร
สาระและใจความสำคัญหลัก ๆ ที่เราจะต้องกรอกหรือรับทราบข้อตกลง มีดังนี้
คำเตือนความเสี่ยง
เนื่องจากการลงทุนนั้น ย่อมมีความเสี่ยงเสมอ ทางโบรกเกอร์ Forex เลยต้องให้ลูกค้ากรอกแบบฟอร์มเปิดเผยความเสี่ยงค่ะ โดยเฉพาะการเทรดแบบ CFD ที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าง่ายต่อการลงทุน แต่ก็มีความเสี่ยงตามมาเช่นเดียวกันค่ะ ดังนั้นลูกค้าหรือเทรดเดอร์จะต้องอ่านและยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น เพราะอาจทำให้เราขาดทุนได้ และโบรกเกอร์ไม่ได้มีส่วนในการรับผิดชอบ หากทางเทรดเดอร์ลงทุนผิดพลาดเองค่ะ
ตลาดมีความผันผวนสูง
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ตลาด Forex นั้นมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะในสินทรัพย์อย่างทองคำ และเมื่อมีความผันผวนสูง ก็แปลว่าราคามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาค่ะ และถ้าหากเราขาดทุนเพราะความผันผวน ทางโบรกเกอร์ก็ไม่ได้มีส่วนในการรับผิดชอบค่ะ
Leverage ที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง
ในช่วงเวลาที่มีข่าวหรือว่ามีความผันผวนสูง ทางโบรกเกอร์มักจะมีการเปลี่ยนแปลง Leverage ให้ลดลง ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละโบรกเกอร์เลยค่ะ และเราไม่สามารถเอาผิดกับทางโบรกเกอร์ได้ถ้าหากว่าเราไม่ได้กำไรเท่าที่เราวางเป้า หรือเราขาดทุนมากกว่าที่คิดในช่วงที่มีข่าว เพราะโบรกเกอร์มีสิทธิ์เปลี่ยนแปลง Leverage ในช่วงเวลาที่กำหนดนั่นเองค่ะ
ขั้นตอนที่ 5 : ฝากเงินเพื่อเริ่มต้นเทรด
พอเรายื่นเอกสารเสร็จ ยอมรับความเสี่ยงเสร็จ คราวนี้เราก็พร้อมที่จะเริ่มเทรดแล้วค่ะ การเทรดเราก็จะต้องเลือกประเภทบัญชีที่สนใจและทำการฝากเงินเพื่อเริ่มต้นเทรด แต่ถ้าหากใครที่อยากลองเทรดโดยไม่ใช่เงินจริง ก็สามารถลองในบัญชี Demo ได้นะคะ
ฝากเงินขั้นต่ำ
การฝากเงินขั้นต่ำก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละโบรกเกอร์เลยค่ะ โดยมีตั้งแต่ฝากขั้นต่ำ 1 ดอลลาร์ไปเลยค่ะ แต่คุณน้าก็แนะนำว่าอย่างน้อยฝากซัก 10 ดอลลาร์ขึ้นไปนะคะ ถ้าหากยิ่งฝากน้อย โอกาสพอร์ตแตกก็มากขึ้นเช่นกันค่ะ เพราะนั่นแปลว่าพอร์ตเรารับความเสี่ยงได้น้อยเช่นกัน ดังนั้น ต้องบริหารพอร์ตดี ๆ ต้องมีเงินเย็นสำรองในการลงทุนด้วยนะคะ
ข้อควรระวังในการฝากเงิน
- ชื่อผู้ฝากเงินต้องเป็นชื่อเดียวกับเจ้าของบัญชีเทรด และตอนถอนก็ต้องเป็นชื่อเดียวกัน
- ไม่ควรฝากแล้วถอนออกมาทันที เพราะโบรกเกอร์อาจจะมองว่าเป็นการฟอกเงิน
ขั้นตอนที่ 6 : เลือกแพลตฟอร์มการซื้อขาย
คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนการเลือกแพลตฟอร์มในการเทรดกันแล้วค่ะ โดยส่วนใหญ่ก็จะใช้เป็น MetaTrader 4 หรือ MetaTrader 5 ค่ะ เพราะเป็นแพลตฟอร์มตัวกลางที่รองรับแทบจะทุกโบรกเกอร์เลย และมีฟีเจอร์มากมายให้เทรดเดอร์เลือกใช้ ทั้งการใช้ Indicator, เส้นแนวรับ – แนวต้าน, การวาดกราฟ และอื่น ๆ อีกมากมายเลย เราสามารถเลือกในแบบที่ถนัดได้เลยนะคะ
นอกจากจะใช้แพลตฟอร์ม MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 ในการเทรดแล้ว หลาย ๆ โบรกเกอร์ก็มีแอปพลิเคชั่นเฉพาะของแต่ละโบรกในการเทรดด้วยนะคะ รวมถึงการเทรดบนเว็บไซต์เช่นกัน
ขั้นตอนที่ 7 : ทำความคุ้นเคยเงื่อนไขการเทรด
คราวนี้เราก็พร้อมที่จะเทรดจริง ๆ แล้วนะคะ แต่คุณน้าอยากจะเน้นย้ำในความเข้าใจและความรู้พื้นฐานในการเทรดมาก ๆ รวมถึงการบริหารเงินลงทุนให้ดีด้วย ส่วนหัวข้อสำคัญ ๆ ที่เทรดเดอร์ควรศึกษาให้ดีก็จะมีดังนี้ค่ะ
- Leverage : สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่
- Spread : สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่
- Margin : สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่
- เวลาทำการตลาด Forex : สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่
- แพลตฟอร์มที่รองรับ : สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่
- ปัจจัยที่มีผลต่อราคา : สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่
สิ่งสำคัญอันดับแรกเลยคือเราต้องรักษาทุนให้ได้ ก่อนที่จะคิดทำกำไร และเมื่อเรามีการบริหารเงินทุนที่ดีแล้ว ก็เริ่มการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ, ไม่โลภเกินไป, วางแผนการเทรดให้เป็นระบบจะได้ไม่ต้องเฝ้าจอตลอดเวลานะคะ
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge