กาลครั้งหนึ่งนานมากแล้ว ในดินแดนอันไกลโพ้น ณ สวนสนุกดิสนี่แลนด์ (NYSE:DIS) สวนสนุกที่ครั้งหน่งเคยทำร้ายได้ให้แก้บริษัทวอลท์ ดิสนีย์ได้อย่างล้นหลาม แต่ตอนนี้กลับตาลปัตร เพราะสวนสนุกได้ปิดตัวมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว ทำให้สวนสนุกอาจไม่ใช่ธุรกิจลูกรักของทาง Walt Disney อีกต่อไป
ข่าวดีก็คือในไตรมาสที่สามสวนสนุกได้ทำรายได้เป็น 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2020 แต่ข่าวร้ายก็คือ ยังนับว่าเป็น 2 ใน 3 เมื่อเทียบกับปี 2019 แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้สวนสนุกจะกลับมาให้บริการแล้ว แต่ธุรกิจนี้อาจไม่ใช่ลูกรักอีกต่อไป เพราะอะไร เรามาดูกันค่ะ
ด้วยกระแส Disney+ ที่กำลังมาแรง ทางดิสนี่ย์ได้ทำการรวมกลุ่มสวนสนุกเข้าอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ในปี 2018 และจะเห็นว่าจากการจัดกลุ่มทั้งหมด 4 กลุ่ม กลุ่มสวนสนุกทำร้ายได้ให้กับดิสนีย์ได้มากที่สุดในปี 2017, 2018 และ 2019
ซึ่งอีก 3 กลุ่มที่เหลือจะเป็นกลุ่มสื่อซึ่งประกอบด้วยรายได้จากเครือข่ายรายการโทรทัศน์ และวารสารศาสตร์สิ่งพิมพ์ กลุ่มธุรกิจสตูดิโอภาพยนตร์ และกลุ่มผู้บริโภคโดยตรงและระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงสตรีมมิ่ง
โดย Disney+ ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2020 ซึ่งเข้ามาทดแทนรายได้ที่หายไปจากสวนสนุกนั่นเอง ดังนั้นเองทางบริษัทจึงได้ทำการจัดกลุ่มใหม่ เป็น สวนสนุก ผลิตภัณฑ์ และกลุ่มมีเดีย ซึ่งกลุ่มมีเดียนี้รวมถึงสื่อทางโทรทัศน์และทางช่องทางสตรีมมิ่งไว้ด้วยกัน จากข้อมูลแล้วกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ทำรายได้กว่า 75% ให้กับไตรมาสที่ 3 ในปี 2021
ทางดิสนีย์ได้คาดหวังไว้กับธุรกิจสตรีมมิ่งสูงมาก โดยตั้งเป้าไว้ที่จะมียอดผู้ใช้ทั้งหมด 230 ล้านบัญชีภายในปี 2024 ซึ่งนั่นนับเป็นสองเท่าของยอดผู้ใช้ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ารายได้ของสวนสนุกจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงทำไม่ถึงยอดที่ทางกลุ่มมีเดียทำได้ เนื่องจากธุรกิจสตรีมมิ่งเติบโตไวมาก และยังไม่มีท่าทีที่จะลดลง
และนี่ก็ทำให้เห็นแล้วนะคะว่าถึงแม้สวนสนุกดิสนี่ยแลนด์จะครองตำแหน่งลูกรักมานานแสนนาน แต่เมื่อเวลาผ่านไปอะไรก็เปลี่ยนไปได้เสมอ ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างจึงทำให้ธุรกิจสตรีมมิ่งขึ้นมาแย่งบัลลังก์ไป ทำให้เรารู้ว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ได้น่ากลัวเสมอไป ซึ่งต่อไปนี้เราก็คงต้องติดตามกันต่อไปค่ะว่าทางสตรีมมิ่งจะครองบัลลังก์ไปได้อีกนานสักแค่ไหน